สฟาลบาร์ (Svalbard) ดินแดนที่อยู่ใกล้กับขั้วโลกเหนือและเหนือสุดของโลกที่มีมนุษย์อาศัยอยู่ เป็นลักษณะเป็นหมู่เกาะ เกาะที่ใหญ่ที่สุดชื่อว่า Spitsbergen ประกอบไปด้วยเมือง Longyearbyen, Pyramiden และ Barentsburg ดินแดนที่หนาวเย็นแต่แฝงไปด้วยความหลากหลายและเป็นสถานที่ที่มีความสำคัญแห่งหนึ่งของโลก
การค้นพบสฟาลบาร์ Svalbard
แรกเริ่มเดิมทีนั้น สฟาลบาร์ หรือ Svalbard เป็นเพียงหมู่เกาะธรรมดาทางเหนือที่ไม่มีมนุษย์อาศัยอยู่ ส่วนชื่อของเกาะนี้มีความหมายว่า ชายฝั่งเย็นยะเยือก สาเหตุก็มาจากตั้งอยู่ใกล้ขั้วโลกนั่นเอง คาดการณ์กันว่าชื่อของ Svalbard มาจากชาวไวกิงแต่ยังไม่มีหลักฐานที่แน่ชัดว่าชาวไวกิงเป็นคนค้นพบเกาะนี้ ด้วยหลักฐานทั้งหมดในการค้นพบจึงเชื่อกันว่าคนที่ค้นพบหมู่เกาะนี้คือ Willem Barentsz นักสำรวจชาวดัตช์ ค้นพบเมื่อคริสต์ศักราช 1596 เกิดจากการอยากหาเส้นทางเดินเรือเพื่อไปทวีปเอเชียโดยใช้เส้นทางตอนเหนือบริเวณอาร์กติก
สฟาร์บาร์ Svalbard อยู่ภายใต้การปกครองของประเทศใด
จากการค้นพบ Svalbard นั้นยังทำให้เกิดความสงสัยที่ว่าหมู่เกาะแห่งนี้อยู่ภายใต้การปกครองของประเทศใด ตาม สนธิสัญญาสฟาลบาร์ (Svalbard Treaty) ซึ่งรับรองอธิปไตยของนอร์เวย์ที่หมู่เกาะแห่งนี้โดยสมบูรณ์ โดยการลงนามประเทศที่ลงนามในสนธิสัญญาสฟาลบาร์มีสิทธิ์ในการตั้งรกรากและดำเนินกิจกรรมเชิงพาณิชย์ได้แต่ในทางกฎหมายนั้นให้ยึดกฎหมายของประเทศนอร์เวย์เป็นหลัก โดยสนธิสัญญาสฟาลบาร์มีประเทศที่ลงนามทั้งหมดปัจจุบันมี 46 ประเทศ ซึ่งประชากรของ 46 ชาตินี้ สามารถเดินทางมาตั้งรกรากและทำธุรกิจได้อย่างสมบูรณ์โดยไม่ต้องใช้วีซ่าใดๆ
แต่อย่างไรก็ตาม การเดินทางไปที่สฟาร์บาร์ Svalbard นั้นต้องเดินทางไปยังกรุงออสโล ประเทศนอร์เวย์ก่อนจึงจะสามารถบินต่อไปยัง Svalbard ได้ ทำให้ในทางปฎิบัติแล้วจึงต้องใช้วีซ่าเชงเก้นก่อนเพื่อเดินทางเข้านอร์เวย์ก่อนที่จะเดินทางเข้าสฟาร์บาร์นั่นเอง
สฟาร์บาร์ Svalbard ได้ชื่อว่าเป็นแหล่งปกป้องอาหารของโลก
Svalbard Global Seed Vault (SGSV) ได้รับการออกแบบมาให้เป็นฉนวนกันภัยพิบัติที่จะส่งผลต่อการสูญพันธุ์ของเมล็ดพันธุ์พืช พร้อมมีการปรับปรุงใหม่สำหรับการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ ทุกวันนี้พืชหลากหลายชนิดที่มนุษย์ใช้ในการเพาะปลูกทำการเกษตรถูกคุกคามจากการทำอุตสาหกรรมสมัยใหม่ โรควิบัติใหม่และหนีไม่พ้นการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ห้องเก็บเมล็ดพันธุ์พืชของหมู่เกาะ Svalbard ของนอร์เวย์นั้น เป็นห้องเก็บเมล็ดพันธุ์ที่ได้รับการออกแบบเพื่อให้แน่ใจว่ายีนที่หลากหลายของธรรมชาติจะไม่สูญหายไป
Svalbard เป็นสถานที่ที่มีความพร้อมในการเก็บรักษาเมล็ดพันธุ์พืชเพราะอยู่ในบริเวณขั้วโลก เย็นและแห้ง มีหิมะเล็กน้อยและมีฝนตกไม่มากนักแต่ในทางกลับกันที่แห่งนี้นั้นก็เป็นที่เห็นการเปลี่ยนแปลงผลที่เกิดจากภาวะโลกร้อนได้ชัดเจนที่สุดเช่นเดียวกัน หมู่เกาะแห่งนี้ประสบปัญหาอุณหภูมิในพื้นที่สูงขึ้น น้ำแข็งละลาย ซึ่งในอนาคตที่เก็บเมล็ดพันธุ์แห่งนี้อาจได้รับความเสียหายก็เป็นได้
Svalbard Global Seed Vault (SGSV) คืออะไร
Svalbard Global Seed Vault (SGSV) คือ สถานที่ในการจัดเก็บเมล็ดพันธุ์พืชโลกมีหน้าที่ในการประกัน ปกป้องความสูญเสียต่อเมล็ดพันธุ์พืช มีหน้าที่ดูแลและจัดเก็บเมล็ดพันธุ์พืชในระยะยาว สถานที่แห่งนี้อยู่ภายใต้การบริหารโดยกระทรวงการเกษตรและอาหารในนามราชอาณาจักรนอร์เวย์ ให้การสนับสนุน การดำเนินงาน ทั้งในด้านการดูแลและเงินทุนสำหรับการเตรียมและการจัดส่งเมล็ดพันธุ์จากประเทศกำลังพัฒนา ไปยัง The Nordic Genetic Resources Center (NordGen) เพื่อดำเนินการในการดูแลของเมล็ดพันธุ์ตัวอย่างที่ส่งมาพร้อมเก็บฐานข้อมูลพร้อมจัดเก็บเมล็ดพันธุ์
ทำไมต้องจัดตั้งที่เก็บเมล็ดพันธุ์พืชที่ Svalbard?
Svalbard ได้รับเลือกด้วยเหตุผลในเรื่องของสภาพอากาศหนาวเย็นและดินที่เย็นจัดทำให้พื้นที่นี้เป็นสถานที่ที่สมบูรณ์สำหรับห้องเย็นใต้ดินหินทรายโดยรอบ มีความคงตัวในการสร้างและมีรังสีต่ำ ในเรื่องของความปลอดภัย Svalbard ได้คะนนสูงเมื่อเทียบกับธนาคารเก็บยีน (Genebanks) แหล่งอื่นๆ ในโลก โครงสร้างพื้นฐานที่ดี ที่สำคัญมีแหล่งถ่านหินเป็นแหล่งพลังงานในท้องถิ่น ห้องจัดเก็บเมล็ดพันธุ์พืชตั้งอยู่ในหินที่มีความลึกถึง 120 เมตร เพื่อปกป้องเมล็ดพันธุ์และเพื่อความมั่นใจว่าห้องจัดเก็บนี้จะยังคงแข็งตัวตามธรรมชาติแม้ในกรณีระบบทำความเย็นล้มเหลวและอุณหภูมิอากาศภายนอกเพิ่มขึ้นเนื่องมาจากภาวะโลกร้อน การสร้างห้องจัดเก็บเมล็ดพันธุ์พืชมีค่าใช้จ่ายในการจัดสร้างที่สูงโดยราชอาณาจักรนอร์เวย์ใช้เงินในการสร้างไปประมาณ 9 ล้านเหรียญสหรัฐ
ขนาดของห้องจัดเก็บเมล็ดพันธุ์พืชเมื่อวัดจากระยะทางจากประตูหน้าของอาคารถึงด้านหลังของห้องจัดเก็บอยู่ที่ประมาณ 145.9 เมตร ความกว้างของแต่ละห้องจัดเก็บอยู่ที่ประมาณ 9.5 ถึง 10 เมตร และความสูง 6 เมตร ห้องจัดเก็บแต่ละห้องมีความยาวประมาณ 27 เมตร ห้องจัดเก็บเมล็ดพันธุ์พืช ตั้งอยู่บนภูเขาชื่อว่า Plataberget
เมล็ดพันธุ์ถูกจัดเก็บอย่างไร?
เมล็ดพันธุ์ถูกจัดเก็บไว้ที่อุณหภูมิ -18 องศาเซลเซียส เมล็ดจะถูกปิดผนึกในบรรจุภัณฑ์ฟอยล์สี่ชั้นที่ออกแบบมาเป็นพิเศษซึ่งบรรจุในกล่องที่ปิดสนิทและเก็บไว้บนชั้นวางภายในห้องจัดเก็บ อุณหภูมิและระดับความชื้นต่ำช่วยลดความเสียหายที่จะเกิดกับเมล็ดพันธุ์ ทำให้เมล็ดสามารถดำรงอยู่ได้นานหลายทศวรรษ ศตวรรษ หรือในบางกรณีหลายพันปี ชั้นดินเยือกแข็งช่วยให้เมล็ดมีชีวิตต่อไปได้หากไฟฟ้าดับ เจ้าของเมล็ดพันธุ์ใน Svalbard Global Seed Vault คือผู้ฝากเมล็ดพันธุ์ โดยที่แห่งนี้จะทำการจัดเก็บและผู้ที่สามารถเบิกเมล็ดพันธุ์ได้จะมีพียงผู้ฝากเท่านั้น
เมล็ดพันธุ์ที่จัดเก็บในที่แห่งนี้คือชนิดใดบ้าง?
Svalbard Global Seed Vault ให้ความสำคัญกับพืชผลที่มีความสำคัญในการสร้างอาหาร เมล็ดพันธุ์ส่วนใหญ่ในที่แห่งนี้จะเป็นพืชที่สามารถนำไปผลิตอาหารและทำการเกษตรได้ จุดเด่นของ Svalbard Global Seed Vault คือการรักษาความปลอดภัยของสารพันธุกรรมของพืชที่เป็นเอกลักษณ์และป้องกันการนำพืชไปดัดแปลง Svalbard Global Seed Vault มีความสำคัญต่อประเทศกำลังพัฒนาอย่างมากในเรื่องของความมั่นคงด้านอาหารเป็นความท้าทายอย่างมากในประเทศกำลังพัฒนาหลายประเทศที่ทำเกษตรกรรมเป็นหลักที่ได้รับผลกระทบจากภาวะโลกร้อนทำให้พืชผลทางการเกษตรได้รับความเสียหาย เป็นความท้าทายในอนาคตที่นักวิจัยพันธุ์พืชต้องหันไปพัฒนาพันธุ์พืชที่สามารถต้านทานศัตรูพืช โรค และยังคงให้ผลผลิตเมื่อเผชิญกับสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง ดังนั้นจะเป็นการช่วยพัฒนาแหล่งอาหารของโลก นอกจากนี้ Svalbard Global Seed Vault ยังช่วยให้มั่นใจได้ว่าความหลากหลายและความเป็นเอกลักษณ์ของเมล็ดพันธุ์พิชในธนาคารยีน (Genebanks) ในประเทศกำลังพัฒนาจะไม่สูญหายไปตลอดกาลหากเกิดอุบัติเหตุขึ้นจะมีเมล็ดพันธุ์พืชสำรองอยู่ใน Svalbard
Genebanks คืออะไร?
ธนาคารยีน (Genebanks) เป็นสิ่งอำนวยความสะดวกในการรักษาความหลากหลายของพืชผล โดยทั่วไปจะอยู่ในรูปของเมล็ดพืช จัดเก็บและอนุรักษ์ในสภาวะที่แช่แข็ง อุณหภูมิในอุดมคติอยู่ระหว่างลบ 10 ถึงลบ 20 องศาเซลเซียส เมล็ดพันธุ์แต่ละชนิดถูกเก็บไว้ในภาชนะของตัวเอง เช่น ขวด กระป๋อง หรือบรรจุภัณฑ์อลูมิเนียมฟอยล์ที่ปิดสนิท จากข้อมูลขององค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) มีธนาคารยีนประมาณ 1,400 แห่งในกว่า 100 ประเทศทั่วโลก ปัจจุบันมีการเก็บตัวอย่างเมล็ดพันธุ์ประมาณ 6.5 ล้านตัวอย่างในธนาคารยีน ประมาณ 1 ถึง 2 ล้านเมล็ด
Genebanks สร้างขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ใด?
ผู้เพาะพันธุ์พืชและนักวิจัยเป็นผู้เก็บข้อมูลของธนาคารยีน เมล็ดพืชพันธุ์ต่าง ๆ ที่เก็บไว้ในธนาคารยีน (Genebanks) เป็นวัตถุดิบในการเพาะพันธุ์พืช และยังใช้สำหรับการวิจัยทางชีววิทยาขั้นพื้นฐานอีกด้วย มีการแจกจ่ายตัวอย่างหลายแสนตัวอย่างทุกปีเพื่อวัตถุประสงค์ดังกล่าว
อุปสรรคของ Genebanks คืออะไร?
อุปสรรคที่ใหญ่ที่สุดมาจากการขาดการเข้าถึงทรัพยากรและเงินทุน การจัดการที่ไม่ดีอาจเป็นปัญหาใหญ่ Genebanks ยังสามารถเผชิญกับภัยธรรมชาติ สงคราม และความขัดแย้งทางกฎหมาย
Genebanks มีความสำคัญอย่างไร?
Genebanks มีความสำคัญในเรื่องของการเก็บพันธุ์พืชที่มีลักษณะแตกต่างกัน พันธุ์พืชแต่ละชนิดแต่ละสายพันธุ์นั้นไม่สามารถเห็นความแตกต่างทั้งหมดได้ด้วยตา ลักษณะทางพันธุกรรมอาจมีความแตกต่างมากมายในด้านความต้านทานโรค ความสามารถในการปรับตัวให้เข้ากับดินและสภาพอากาศ รสนิยมที่แตกต่างกัน และคุณภาพทางโภชนาการ หากเราต้องการลักษณะเฉพาะและซ่อนเร้นเหล่านี้ซึ่งพบได้ในพันธุ์พืชโดยเฉพาะ เราต้องแน่ใจว่ามีพันธุ์ที่หลากหลาย Genebanks จึงต้องเก็บข้อมูลความหลากหลายของพันธุกรรมของพืช ซึ่งกระจายอยู่หลายประเทศทั่วโลก แน่นอนว่าการจัดเก็บรักษานั้นไม่มีองค์กรหรือรัฐบาลใดเก็บบันทึกรายละเอียดของพันธุ์พืชที่ได้ทั้งหมด และจากพันธุ์พืชที่ได้จัดเก็บนั้นมีพันธุ์พืชมากมายได้สูญหายไป ตัวอย่างเช่น ในปี 1903 เกษตรกรในสหรัฐฯ ใช้ถั่ว 578 สายพันธุ์; ประมาณ 80 ปีต่อมา เหลือเพียง 32 ตัว
เมล็ดสามารถอยู่ในสถานะแช่แข็งได้นานแค่ไหน?
สิ่งนี้แตกต่างกันไปในแต่ละการเพาะปลูก พืชผลบางชนิดสามารถอยู่รอดได้นานหลาย 10 ปี แต่พืชผลอื่นๆ เช่น ข้าวฟ่าง สามารถอยู่รอดได้หลายพันปีในห้องเย็น เมล็ดพืชทั้งหมดสามารถอยู่ในระยะแช่แข็งได้ไม่เท่ากัน ก่อนที่เมล็ดพืชที่แช่อยู่จะไม่สามารถเพาะปลูกได้ นักวิจัยจะทำการนำเมล็ดพันธุ์ที่ใกล้หมดอายุมาเพาะปลูกก่อน จากนั้นจึงเก็บเกี่ยวเมล็ดพันธุ์ใหม่นำไปแช่แข็ต่อไป
พืชชนิดใดไม่สามารถเก็บเป็นเมล็ดพืชได้?
พันธุ์มันฝรั่ง มันสำปะหลัง และกล้วยส่วนใหญ่ไม่สามารถเก็บไว้ในรูปแบบของเมล็ดได้ จึงเก็บโดยการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ หรือการเก็บรักษาด้วยการแช่เยือกแข็ง (ในไนโตรเจนเหลว) ผลไม้และผลเบอร์รี่จำนวนหนึ่งและพืชหัวบางชนิดไม่สามารถเก็บได้ด้วยการแช่แข็งเมล็ด เนื่องจากไม่มีเมล็ด อีกทั้งเมล็ดไม่สามารถถูกแช่แข็งและเก็บไว้ได้เช่นกัน
เก็บตัวอย่างเมล็ดพันธุ์อย่างไร?
ต้องเก็บเมล็ดเมื่อโตเต็มที่ โดยปกติเมื่อสิ้นสุดฤดูกาลเพาะปลูกก็จะมีการรวบรวมเมล็ดพืชทั้งหมดมาเก็บไว้ นักวิจัยหรือนักวิทยาศาสตร์มักจะพยายามเก็บเมล็ดพันธุ์พืชในที่ที่ภูมิอากาศหลากหลายให้ได้มากที่สุด และคัดแยกพันธุ์ที่ปลูกในสภาพอากาศร้อนและเย็น หรือพันธุ์ที่อยู่สภาพอากาศที่เปียกและแห้ง นักวิจัยจะบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับสภาพของพันธุ์ที่ปลูก ตลอดจนสัมภาษณ์เกษตรกรในท้องถิ่นเกี่ยวกับประวัติและลักษณะของพืชผล
Svalbard Global Seed Vault และ GENEBANKS อื่นๆ ในโลกมีความแตกต่างกันอย่างไร?
Svalbard เป็นกรมธรรม์ประกันภัยประเภทหนึ่งสำหรับธนาคารยีนอื่น ๆ ในโลกเปรียบเสมือนแหล่งสำรองที่เก็บเมล็ดพันธุ์พืชไว้ โดยเริ่มต้นเมื่ออยากได้เมล็ดพันธุ์พืชผู้เพาะพันธุ์พืชและนักวิจัยต้องอาศัยการเก็บข้อมูลธนาคารยีนที่ตั้งอยู่หลายแห่งทั่วโลกเพื่อให้ได้พันธุ์ที่มีลักษณะที่เป็นประโยชน์ตามที่พวกเขาต้องการก่อน แต่หากเกิดธนาคารยีนนั้นไม่สามารถหาเมล็ดพันธุ์พืชที่ต้องการได้หรือเกิดเหตุธนาคารยีนที่ตั้งในแหล่งอื่น ๆ นั้นได้รับความเสียหายเนื่องจากภัยธรรมชาติหรือภัยที่มนุษย์สร้างขึ้น สามารถหาได้โดยการเบิกจาก Svalbard Global Seed Vault
เมล็ดพันธุ์ดัดแปลงพันธุกรรมจะถูกเก็บไว้ในห้องเก็บเมล็ดพันธุ์ที่ Svalbard หรือไม่?
กฎหมายของนอร์เวย์ซึ่งประกาศใช้ก่อนการจัดตั้ง Svalbard Global Seed Vault มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ในการวิจัย ได้ห้ามการนำเข้าเมล็ดพันธุ์ดัดแปลงพันธุกรรมมาเก็บรักษาใน Svalbard
ภาวะโลกร้อนจะส่งผลอย่างไรต่อเมล็ดพันธุ์พืชที่จัดเก็บใน Svalbard Global Seed Vault
ปัจจุบันที่แห่งนี้ได้เก็บเมล็ดพันธุ์พืชประมาณ 930,000 ตัวอย่างจาก 5,000 สายพันธุ์พืช พืชส่วนใหญ่เป็นพืชที่มีความสำคัญในเรื่องของการผลิตอาหาร ไม่ว่าจะเกิดอะไรในอนาคตทางรัฐบาลของนอร์เวย์กล่าวว่าสถานที่จัดเก็บแห่งนี้นั้นจะยังคงอยู่ที่ Svalbard ทางรัฐบาลนอร์เวย์และหน่วยงานนั้นได้มีการเพิ่มระดับการป้องกันห้องนิรภัยจัดเก็บเมล็ดพันธุ์ทุกปี มีการปรับปรุงทุกครั้งเมื่อเกิดปัญหาที่ตามมาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และมั่นใจได้ว่างานของ Svalbard Global Seed Vault จะดำเนินต่อไปด้วยเป้าหมายความตั้งใจจะช่วยรักษาเมล็ดพันธุ์พืชเมื่อเกิดเพื่อปกป้องธรรมชาติในอนาคต
จากข้อมูลทำให้เราเห็นว่า Svalbard ไม่ได้เป็นเพียงดินแดนที่ไว้ท่องเที่ยวเพื่อไปสัมผัสบรรยากาศขั้วโลกเหนือเท่านั้น หรือไม่ได้เป็นเพียงแหล่งถ่านหินที่หลาย ๆ ประเทศมาจับจองเพื่อเชิงพาณิชย์ แต่เป็นที่มีความสำคัญแห่งหนึ่งของโลกที่ช่วยให้อาหารโลกยังคงอยู่ และเชื่อว่าที่แห่งนี้หากใครได้ไปสัมผัสจะกลับมาตระหนักถึงภาวะโลกร้อนที่โลกของเรากำลังเผชิญอยู่ได้มากขึ้น หากอยากให้ความสวยงามและมนต์เสน่ห์ของธารน้ำแข็งขั้วโลกเหนือยังคงอยู่ให้เราได้ไปเยี่ยมชมอย่าลืมช่วยกันดูแลโลกใบนี้ของเรากันนะคะ
ที่มาบทความ
- JOHN WENDLE. (2018). ‘Doomsday Vault’ Protects Earth’s Food Supply—Here’s How . 10 July 2021, From https://www.nationalgeographic.com/environment/article/norway-svalbard-global-seed-vault
- dr.ir. TJL (Theo) van Hintum. (2016). CGN seeds in the Svalbard Global Seed Vault: FAQ’s. 11 July 2021, From https://www.wur.nl/en/show/CGN-seeds-in-the-Svalbard-Global-Seed-Vault-FAQs.htm
- THE CROP TRUST. (2014). FAQ about the Seed Vault Answers to the questions that everyone asks. 11 July 2021, From https://www.croptrust.org/our-work/svalbard-global-seed-vault/faq-about-the-vault/
อ่านบทความเกี่ยวกับการท่องเที่ยวอื่นๆต่อได้ที่ >>> https://www.patourlogy.com/blog/inspiration
สนใจทัวร์ส่วนตัว และโปรแกรมทัวร์ คลิ๊ก >>> https://www.patourlogy.com/ทริปทัวร์เดินทาง
สนใจอยากเดินทางไปที่สฟาร์บาร์ สามารถดูโปรแกรมได้ที่นี่ https://www.patourlogy.com/tour/ทัวร์-สวาลบาร์ด-svalbard
1 Comment
อยากได้พันธุ์ผัก หรือ เมล็ดพันธุ์พืชผักที่ปลูกได้ผลผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสำหรับครอบครัว เช่น เป็นเมล็ดพันธุ์ผักที่นำมารับประทานหรือใช้แต่งในอาหารได้