ได้ชื่อว่าประเทศรัสเซีย นอกจากความยิ่งใหญ่ของเนื้อที่ที่ไม่ธรรมดาแล้ว เรื่องราวในอดีตยังสร้างสรรค์สถาปัตกรรมอันเป็นเอกลักษณ์สวยงาม ที่ไม่มีเรื่องราวธรรมดาเช่นกันเช่นเดียวกับสิ่งก่อสร้างที่ไม่ธรรมดาเหล่านี้ หอคอย คือหนึ่งในสถาปัตยกรรมของรัสเซียที่มีพบเห็นอยู่ได้ทั่วไป แต่ทว่าหอคอยที่มีความสวยงามและมีเรื่องราวน่าสนใจที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดมี ดังต่อไปนี้
-
หอคอยอัสตันคิโน (Ostankino Tower)
ด้วยความสูง 540 เมตร หอวิทยุและโทรทัศน์อัสตันคิโนจึงเป็นสิ่งก่อสร้างที่สูงที่สุดในยุโรป หากหอนี้เป็นสิ่งก่อสร้างเพื่อที่อยู่อาศัยอย่างคอนโดมิเนียม จะมีจำนวนชั้นถึง 180 ชั้น แต่ในความเป็นจริงหอนี้มีเพียง 45 ชั้น
ช่วงระหว่างเหตุการณ์พายุพัดถล่มมอสโก ทำให้หออัสตันคิโนเอียงจากศูนย์กลางไปถึง 6 เมตร โดยจุดปลอดภัยที่สามารถเอียงได้มากที่สุดที่ 14 เมตร
ในวันที่ 27 สิงหาคม ปี 2000 ที่เกิดเหตุเพลิงไหม้ใหญ่บนชั้นบนสามชั้น รวมถึงภัตตาคารชื่อดังอย่าง “สวรรค์ชั้นเจ็ด” (Seventh Heaven) กว่าจะกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งก็เมื่อปี 2016 ที่ผ่านมานี้เอง
-
หอคอยสุยุมบิเกแห่งเมืองคาซาน (Soyumbika Tower of Kazan)
หนึ่งในสัญลักษณ์ที่สำคัญของเมืองคาซาน ตั้งอยู่บริเวณเครมลินแห่งคาซาน หอคอยนี้ถูกจัดอยู่ในประเภท “หอเอน” เฉกเช่นเดียวกับหอเอนแห่งปิซ่า ปัจจุบันความเอียงของหอนี้เอนห่างจากศูนย์กลางอยู่สองเมตร
สืบเนื่องจากเอกสารท้องถิ่นเดิมสูญหายไป จึงไม่อาจรู้ได้ว่าใครกันแน่ที่เป็นผู้สร้างหอคอยนี้ บ้างก็ว่าสร้างโดยพระนางสุยุมบิเก ข่านสตรีแห่งคาซานเพื่อรำลึกถึงพระราชสวามี บ้างก็ว่าหลังจากที่ซาร์อิวานที่สี่ยึดคาซานได้ ก็ได้มีการสร้างโดยพระเจ้าซาร์อิวานที่สี่ตามคำท้าของพระนางสุยุมบิเกที่กล่าวว่าจะยอมแต่งงานด้วยหากสร้างหอคอยเจ็ดชั้นได้ในเจ็ดวัน สุดท้ายในวันที่เจ็ดเมื่อชั้นเจ็ดกำลังสร้างแล้วเสร็จ พระนางก็ทิ้งดิ่งลงมาจากยอดปิดฉากชีวิตพระนางเอง
-
หอคอยอีแร้งแห่งเซ็นต์ปีเตอร์สเบิร์ก (Griffin Tower)
หอคอยลึกลับนี้ซ่อนตัวอยู่ในสวนหลังบ้านกลางย่านประวัติศาสตร์ของเซ็นต์ปีเตอร์สเบิร์ก ในความเป็นจริงหอคอยนี้เคยเป็นปล่องไอน้ำของสถานีต้มน้ำมาก่อน
หอคอยแห่งนี้เคยถูกใช้โดยเภสัชกรรายหนึ่ง นามว่า Vilhelm Pel ในช่วงศตวรรษที่ 19 เป็นห้องแล็บของเภสัชกรรายนี้ผู้ซึ่งทำการเล่นแร่แปรธาตุและทำการทดลองยา ในขณะที่ Pel ทำงานก็มักจะมีอีแร้งมาเกาะตามหอคอยแห่งนี้ จึงเป็นที่มาของชื่อหอคอยอีแร้ง
-
หอเอนเมืองเนเวียนสก์ (Leaning Tower of Nevyansk)
เป็นหอเอนอีกแห่งที่ตั้งอยู่ในเนเวียนสก์ (Nevyansk) เมืองเล็ก ๆ ในเทือกเขาอูราล ได้ชื่อว่าเป็นพี่น้องกับหอเอนเมืองปิซ่าที่อิตาลี่ด้วยความที่เอนจากศูนย์กลาง 1.86 เมตร
หอแห่งนี้สร้างในปี 1725 และเป็นที่แห่งแรก ๆ ในโลกที่มีการติดตั้งสายล่อฟ้าอยู่ด้านบนของสิ่งปลูกสร้าง มีมาก่อนสายล่อฟ้าของ Benjamin Franklin ที่อเมริกาถึง 25 ปี
-
หอยคอยสปาสสกาย่าแห่งเครมลิน (Spasskaya Tower of Kremlin)
พระราชวังเครมลินของมอสโกมีหอคอยมากกว่า 20 หอ แต่หนึ่งในนั้นที่สำคัญที่สุดคือหอคอยสปาสสกาย่า (หอแห่งพระผู้ไถ่) นับศตวรรษที่หอคอยแห่งนี้ถูกใช้เป็นทางเข้าหลักของพระราชวังเครมลินและมีประเพณีลึกลับเกี่ยวกับการถอดหมวกก่อนผ่านช่องทางที่ประตูนี้ ที่ใครไม่ทำตามมักจะเกิดเรื่องร้าย เช่นเมื่อจักรพรรดินโปเลียนสามารถยึดเครมลินได้ ก็ได้เข้าผ่านช่องทางนี้แต่ไม่ได้ถอดหมวกตามประเพณีก็ได้เกิดลมหวนพัดหมวกปลิวหายไป และต่อมาก็พ่ายศึกต่อรัสเซีย
ด้านบนของหอคอยนี้มีนาฬิกาที่สำคัญที่สุดของรัสเซีย โดยเฉพาะเสียงระฆังบอกเวลาที่ถูกใช้เป็นสัญญาณเวลาของการเข้าสู่เทศการปีใหม่ พิธีการสวนสนามต่าง ๆ และรัฐพิธีอื่น ๆ
-
หอคอยชูคอฟแห่งมอสโก (Shukhov Tower)
หอคอยรูปทรงขดกรวยนี้สร้างในช่วงต้นทศวรรษที่ 1920s เมื่อสงครามกลางเมืองรัสเซียสิ้นสุดลง โดยหอคอยนี้ทำหน้าที่เป็นหอคอยรับส่งสัญญาณการออกอากาศของวิทยุและโทรทัศน์ เป็นสัญลักษณ์ของสถานีโทรทัศน์โซเวียตมีความแข็งแรงมาก แม้ในปี 1939 จะถูกเครื่องบินขนาดเล็กบินชน แต่ก็แทบไม่ต้องปิดซ่อมแต่อย่างใด หรือเมื่อคราวที่พายุเฮอริเคนพัดถล่มกรุงมอสโกเมื่อปี 1998 ก็แทบไม่มีความเสียหายแต่อย่างใด
-
หอระฆังแห่งคาเลียซิน (Kalyazin Bell Tower)
เป็นหอระฆังของโบสถ์แห่เมืองคาเลียซิน (Kalyazin) เมืองเล็ก ๆ ที่อยู่เลยมอสโกขึ้นไปราว 200 กม. หอระฆังแห่งนี้เป็นสิ่งปลูกสร้างเพียงแห่งเดียวที่เหลืออยู่ เพราะหลังจากที่ทางการด้สร้างเขื่อนเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าก็ทำให้พื้นที่ส่วนต่าง ๆ จมอยู่ใต้น้ำ ใต้น้ำทั้งหมด ส่วนอาคารโบสถ์ก็ถูกทำลายลง โดยหอระฆังถูกเปลี่ยนจุดประสงค์การใช้งานเป็นประภาคารเป็นสัญญาณให้กับเรือที่ผ่านไปมาในทะเลสาบแห่งใหม่นี้
อ่านบทความอื่นๆต่อได้ที่ >>> https://www.patourlogy.com