การเดินทางบนถนนเส้น Ring road รอบเกาะไอซ์แลนด์
ไอซ์แลนด์ (Iceland) ประเทศที่ใครต่อใครใฝ่ฝันถึง จุดหมายปลายทางของนักเดินทางทั่วโลก
ภูมิประเทศอันอุดมสมบูรณ์ ความสวยงามที่ไม่สามารถวัดได้
สวยแล้วสวยเล่า จนจุดโฟกัสสายตาแปรปรวน
กล้องจับภาพความงามนี้ไว้ไม่หมด
เอ่อล้นออกมากลายเป็นความประทับตาตรึงใจไม่รู้เลือน
เราจะพาท่านท่องไปยังดินแดนแห่งสวรรค์แห่งนี้กันให้มากขึ้นอีกหน่อย
พร้อมแล้ว
ไปกันเลย…
ก่อนอื่นคำถามแรกที่คุณคุณสงสัยกัน
ไปเที่ยวไอซ์แลนด์ช่วงไหนดี??
ความจริงแล้ว ไอซ์แลนด์สามารถเที่ยวได้ทุกฤดู ขึ้นอยู่กับว่าเราอยากได้วิวแบบไหน หรือต้องการไปชม หรือพบอะไรเป็นพิเศษรึเปล่า
ฤดูหนาว ความหนาวแนบที่คุ้มค่าเพื่อออกตามล่าหาแสงเหนือ
ในช่วงเดือนธันวาคมไปจนถึงต้นเดือนมีนาคม สำหรับคนที่ไม่กลัวความหนาว ช่วงนี้กลางคืนจะยาวนานกว่ากลางวัน แสงอาทิตย์จะระเรื่อขอบฟ้าตลอดวัน นั้นหมายความว่าเพิ่มช่วงเวลาให้เราได้ออกตามล่าหาแสงเหนือกันมากขึ้น ความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติที่เสมือนของขวัญชิ้นใหญ่ของนักท่องเที่ยวและดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกให้มาเยี่ยมเยือนเกาะเล็กๆแห่งนี้ นอกจากนั้นหากต้องการเที่ยวชมถ้ำน้ำแข็ง ก็สามารถมาได้แค่ช่วงนี้ของปีเท่านั้น
ฤดูใบไม้ผลิ แรกเริ่มแห่งชีวิตภายหลังการหลับไหล
หากอยากจะให้อากาศเริ่มอบอุ่นขึ้นมาอีกหน่อย และยังคงมีหิมะอยู่ตามยอดเขา สลับกับส่วนด้านล่างที่หิมะก็จะเริ่มละลายเผยให้เห็นสีสันของต้นไม้ใบหญ้าภายหลังการหลับไหลมายาวนาน ฤดูกาลนี้เริ่มต้นที่เดือนเมษายนไปจนถึงปลายเดือนพฤษภาคม ซึ่งช่วงระยะเวลากลางวันกับกลางคืนเท่าๆกัน+
ฤดูร้อน ช่วงเวลานี้ พระอาทิตย์ไม่เคยตก
ในช่วงเดือนมิถุนายนไปจนถึงสิงหาคม เป็นช่วงเวลาโปรดปรานของชาวไอซ์แลนด์และนักท่องเที่ยวที่อยากแต่งตัวสบายๆ เพราะอากาศเย็นสบาย กับช่วงระยะเวลากลางวันที่ยาวนานกว่ากลางคืน พระอาทิตย์เที่ยงคืนอันยาวนาน ทุ่งหญ้าเต็มไปด้วยสัตว์ ต้นไม้ดอกไม้ต่างพากันผลิบาน โอ้อวดประชันสีสัน แต่งแต้มให้เกาะแห่งนี้มีเสน่ห์ขึ้นเป็นเท่าตัว
ฤดูใบไม้ร่วง การจากลาเพื่อรอการพบกันใหม่
ถึงแม้ว่าฝนในช่วงเวลานี้จะมากกว่าช่วงอื่นๆ แต่การได้มาเห็นสีสันของใบไม้ในช่วงก่อนเปลี่ยนผันฤดูกาล นับเป็นความสวยงามที่ทรงเสน่ห์มากไม่แพ้กัน สีส้ม แดงอ่อน แดงเข้ม ไปจนถึงสีน้ำตาลของใบไม้ มีฉากหลังเป็นภูเขาหิมะ ในช่วงเดือนกันยายนถึงพฤศจิกายน อีกทั้งช่วงเวลานี้ยังสามารถลุ้นชมแสงเหนือออโรร่าได้อีกด้วย
—————————————————————————————————————————————–
ไอซ์แลนด์แค่ Landscape ก็สวยแล้ว
เลนส์ที่จับภาพได้ดีที่สุด คือ เลนส์ที่ผ่านดวงตาของเรา การได้ขับรถมองชีวิตผู้คน ผ่านแนวธรรมชาติที่สวยงามตลอดสองข้างทางรอบเกาะไอซ์แลนด์ นับเป็นการเดินทางที่น่าสนใจ
สำหรับการเดินทางที่ง่ายที่สุดของการท่องเที่ยวบนเกาะไอซ์แลนด์ คือ การเช่ารถ แล้วขับไปตามถนนรอบเกาะ
1.Seljalandsfoss
น้ำตกที่มีชื่อเสียงที่สุดของประเทศไอซ์แลนด์ แลนด์มาร์คของนักท่องเที่ยวที่ต้องมาเยี่ยมเยือนเมื่อมาประเทศไอซ์แลนด์ สายน้ำขนาดใหญ่ที่ไหลลงสู่พื้นเบื้องล่างสูงกว่า 60 เมตร ปะทะกับก้อนหินด้านล่าง เกิดเป็นละอองเล็กๆฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณตัดกับมอสสีเขียวด้านล่าง น้ำตกเพียงแห่งเดียวที่สามารถเดินเข้าไปด้านหลังม่านน้ำตกได้ สามารถมองเห็นวิวน้ำตกได้ 360 องศา เป็นความสวยงามอีกมุมหนึ่งที่หาชมได้ยาก หากต้องการเพิ่มบรรยากาศโรแมนติกสักหน่อยแนะนำให้มาช่วงพระอาทิตย์ตก ซึ่งพระอาทิตย์จะทำมุมพอดี
2. Skogafoss
หนึ่งในน้ำตกที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของประเทศไอซ์แลนด์และตั้งอยู่ไม่ไกลจากเมืองหลวงนัก นํ้าตกขนาดสูงกว่า 62 เมตร ด้วยความสูงขนาดนี้ทำให้เราต้องเดินถอยหลังมาเล็กน้อยเพื่อชมความสวยงามของน้ำตกแห่งนี้ ซึ่งสามารถเดินขึ้นไปยังด้านบนของนํ้าตกเพื่อชมความงามของแม่น้ำ Skóga อีกด้วย
3. Blue Lagoon
สถานที่สุดผ่อนคลาย หลังการเดินทางอันยาวไกล คงหนีไม่พ้น Blue Lagoon บ่อน้ำแร่ร้อนขนาดใหญ่หรือสปาความร้อนใต้ภิภพ (Geothermal Spa) ตั้งอยู่ในเขต Grindavík ซึ่งเป็นเขตที่มีการเคลื่อนตัวของหินหลอมละลายใต้ดินมากที่สุดในโลก มีแร่ธาตุทางธรรมชาติหลายชนิดที่จะช่วยบำรุงผิวพรรณและรักษาโรคทางผิวหนังได้ โดยอุณหภูมิของน้ำจะอยู่ที่ประมาณ 37-40 องศา
4.Dimond Beach
หากคุณลองจินตนาการถึงชายหาดสีดำที่ทอดยาว แล้วมีก้อนน้ำแข็งขนาดน้อยใหญ่วางกระจัดกระจายไปทั่วพื้นที่ ยามแสงแดดประทะกับน้ำป ความใสของก้อนน้ำแข็งยามกระทบกับแสงแดดเสมือนคริสตัล
5.Jokulsarlon
สุดตระการตาไปกับธารนํ้าแข็งที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไอซ์แลนด์ ธารน้ำแข็งขนาดใหญ่ไกลสุดลูกหูลูกตาที่ทำให้เราเห็นว่าจริงๆมนุษย์เราตัวเล็กนิดเดียวเมื่อเทียบกับความยิ่งใหญ่ของธรรมชาตินี้ โดยผืนน้ำแข็งที่ยิ่งใหญ่มหึมาขนาดนี้เกิดจากการที่น้ำแข็งก้อนใหญ่ๆละลายลงลงสู่ทะเล ทำให้พื้นที่ขยายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ปัจจุบันธารน้ำแข็งแห่งนี้กินพื้นที่กว้างกว่า 18 ตารางกิโลเมตร
6.Reynisfjara
หรือหาดทรายสีดำ 1 ใน 10 อันดับ ของหาดทรายที่ไม่ได้ตั้งอยู่ในเขตร้อนชื้นที่ควรต้องมาให้เห็นก่อนตาย สถานที่สุด Unseen ที่สวยงามแปลกตาไม่ว่าจะเป็นเม็ดทรายสีดำที่เกิดจากการเย็นตัวของหินลาวา และหินบะซอลต์ทรงกระบอกสูงต่ำสลับกันอันเกิดจากการกัดเซาะของน้ำทะเล
7.Dettifoss
น้ำตกขนาดมหึมา กว้างกว่า 100 เมตร สูงกว่า 45 เมตร ที่ไหลลงไปในหุบเขา Jokulsargljufur ปริมาณน้ำจำนวนมากกว่า 193 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที จัดเป็นน้ำตกที่มีชื่อเสียงอย่างมากแห่งหนึ่งของเกาะไอซ์แลนด์แห่งนี้
8.Kirkjufell
เชื่อว่าหากคุณกำลังค้นหาสถานที่ท่องเที่ยวในไอซ์แลนด์ ชื่อของสถานที่แห่งนี้คงติดลำดับสถานที่ต้องไปอย่างแน่นอน ภูเขาหินตั้งตระง่านโดดเด่น สูงกว่า 463 เมตร ซึ่งตั้งอยู่ท่ามกลางพื้นโล่งที่เปลี่ยนไปตามสภาพอากาศหรือฤดูกาล อีกหนึ่งสถานที่ดึงดูดนักท่องเทียวจากทั่วทุกมุมโลกให้มาเยี่ยมเยือน
9.Godafoss
น้ำตกขนาดใหญ่ที่มีลักษณะคล้ายแอ่งจากน้ำตกหลายๆสายมารวมกัน จนได้ชื่อว่า น้ำตกแห่งพระเจ้า ความยิ่งใหญ่ตามธรรมชาติที่ทำให้เรารู้ว่าจริงๆแล้ว เราตัวเล็กนิดเดียว
10.Ice Cave
ในช่วงฤดูหนาวอุณหภูมิที่เย็นจัดกว่า -25 ถึง -30 องศาเซลเซียส ก่อให้เกิดผลงานสุดอลังการที่สร้างสรรโดยธรรมชาตินั่นคือ ถ้ำน้ำแข็งขนาดใหญ่ที่ซ่อนตัวอยู่ที่เมือง Skaftafell ซึ่งเกิดจากการทับถมของหิมะจำนวนมากกลายเป็นภูเขาน้ำแข็งกอายุนับพันปี ยามที่ถ้ำน้ำแข็งแห่งนี้กระทบกับแสงแดด ปรากฎเป็นความสวยงามราวกับคริสตัล จนได้ชื่อว่าเป็นถ้ำน้ำแข็งที่สวยที่สุดในไอซ์แลนด์
เป็นอย่างไรบ้างครับสำหรับ 10 สถานที่ท่องเที่ยวรอบเกาะไอซ์แลนด์ หวังว่าการรวบรวมสถานที่ต่างๆ จะสามารถสร้างแรงบันดาลใจให้่ทุกๆท่านอยากออกไปเที่ยวกันมากขึ้นนะครับ
….
บทเรียนของเราไม่มีผนัง
Our Classroom Has No Wall
สนใจโปรแกรมทัวร์ไอซ์แลนด์และเส้นทางอื่นๆ >>> https://www.patourlogy.com