เอลบรุส ก่อนอื่น Mount Elbrus จะว่าปีนยากก็ไม่ยาก ปีนง่ายก็ไม่ง่ายซะทีเดียว ไม่ไช่ภูเขาที่ใช้เทคนิคอะไรมาก แทบเรียนรู้หน้างานได้หมด
แต่ก็เดินหนัก มีช่วงที่ชัน และจุดต้องใช้ fix rope เพื่อความปลอดภัย และขอมอบฉายาให้เขาลูกนี้ว่า “ใกล้ตาแต่ไกลตีน”
จากผู้ชายตัวเล็กๆ ที่เริ่มหลงใหลปีนเขา เดินป่า วิ่งเทรล จนขยายความฝันไปแตะ ภูเขาเอลบรุส (Elbrus)
ภูเขาที่ได้ชื่อว่าสูงสุดของทวีปยุโรป และเดินทางไปพิชิตมันจนสำเร็จเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2560 ที่ผ่านมา
ไม่น่าเชื่อ…
จากสิ่งที่ไกลตัวออกไป เคยคิดว่าอาจไม่มีวันทำได้
แต่กลับกัน ขณะที่นั่งเขียนกระทู้นี้อยู่ก็ได้ชื่อว่า คือหนึ่งในผู้พิชิตยอดเขา Elbrus เสียแล้ว
กระทู้นี้เลยขอเล่าเรื่องและนำภาพถ่ายมาแบ่งปันกันอีกครั้ง เพราะหาอ่านรีวิวที่เป็นภาษาไทยได้ยากมาก
ยอดเขาเอลบรุส (Mount Elbrus) คือภูเขาไฟที่ยังไม่ดับแต่ไม่มีการปะทุมาราวสองพันปีแล้ว มีความสูง 5,642 เมตรจากระดับน้ำทะเล โดยมีหิมะปกคลุมบนเขาไว้ตลอดทั้งปี
รูปทรงที่เด่นชัดคือมียอดเขาเป็นสองยอด สองฝั่งได้แก่ East summit ที่สูง 5,621 ม. และ West Summit ที่สูง 5,642 ม. ที่เป็นเป้าหมายของนักปีนเขาส่วนมาก พอได้ยินตัวเลขแล้วคงไม่ไช่ยอดเขาสำหรับมือใหม่เป็นแน่ หากแต่ถ้าให้แนะนำว่าที่นี่เหมาะกับใคร ที่นี่เหมาะกับผู้มีประสบการณ์การเดินเขาสูงเคยผ่านระดับ 5,000 เมตรมาก่อน และไม่มีอาการ AMS ทนความหนาวได้ เคยเดินบนหิมะนุ่มๆ และร่างกายแข็งแรง ส่วนแข็งแรงขนาดไหนก็ตอบไม่ถูกเหมือนกัน ส่วนตัวผมเดินป่า เดินเขา เป็นประจำและวิ่งระยะใกลได้ 1 ปีแล้ว
แนะนำผู้เขียนบทความเอลบรุส
สวัสดีครับ ผม ชุก ชื่อจริงผมคือ สุกรี ดือราแม อาชีพนักกายภาพบำบัด ชอบเดินป่า ปีนเขา วิ่งอัลตร้าเทรล
ประสบการณ์เดินป่าราวๆ 7 ปีแล้ว เดินป่า วิ่งเทรล ทั้งในและต่างประเทศ เป็นเจ้าของเพจ above the clouds
วันนี้ผมจะมาทุกท่านไปเที่ยวเอลบรุสหนึ่งในประสบการณ์ที่สำคัญของผมกัน
เชิญเก็บเป้แล้วตามไปปีนด้วยกันได้เลยครับบบ!
อุปกรณ์สำหรับปีนเขาเอลบรุส (Elbrus)
แนะนำอุปกรณ์ที่ต้องใช้ ของบางอย่างสามารถไปหาเช่าเอาที่หมู่บ้านเชิงเขาเอลบรุสได้ครับ
Climbing gears
- Helmet (ไม่บังคับแต่มีก็ดี)
- Harness
- Ice ax
- Crampons
- Carabiner x 3 ชิ้น
- Rope x 2เส้น
- Sunglasses
- Snow goggles
- Trekking pole x 2 อัน
- Backpack 30-40L
- Duffel bag
- Headlamp + battery
- Sleeping bag 0 องศา (ใน Hut refuge อุ่นสบาย)
- Gaiter
- Mountaineering boots หรือ double boots
- Trekking shoe
Wearing
- Base layer top + bottom x 2
- Fleece top + bottom
- Down 900 pro (ถึงจะเอาอยู่ บางกว่านั้นไม่ไหว)
- Thermoball หรือ down แบบบางสำหรับใส่เดินรอบที่พัก หรือวันปรับตัว
- Tri-climate หรือเสื้อกันลมกันฝน Gore-Tex
- Snow pant หรือกางเกง Gore-Tex
- Trek pant สำหรับวันปรับตัว
- Glove x 2 คู่หนาและคู่บาง
- Mitten
- ถุงเท้า x 2 คู่หนาและคู่บาง
- รองเท้าแตะ
- Beanie + Buff
วันที่ 1 : กรุงเทพ – มอสโคว
กรุงมอสโควยามเย็นริมฝั่งแม่น้ำมอสควา
วันที่ 2 : Moscow – เมือง Mineralyne Vody – เมือง Pyatigorsk
วันนี้ต้องบินต่อภายในประเทศไปยัง เมือง Mineralyne Vody ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศรัสเซียบริเวณของเทือกเขาคอเคซัส ใช้เวลา 2 ชั่วโมงกว่าก็ถึงแล้วครับ จากนั้นเราจะเดินทางต่อไปยัง เมือง Pyatigorsk ซึ่งเป็นเมืองตากอากาศเล็กๆมีรถราง หน้าร้อนที่นี่ดูคึกคักไปหมด กลางคืนมีร้านอาหารเยอะ มีร้านอุปกรณ์ปีนเขาให้เช่าจากที่นี่เช่นกัน แต่แนะนำให้เช่าร้านที่ Terskol ดีกว่าครับ
เมือง Pyatigorsk
วันที่ 3 : หมู่บ้าน Pyatigorsk – หมู่บ้าน Terskol ฐานบัญชาการ เอลบรุส
ในช่วงเช้า ทีมไกด์ปีนเขามารับเราถึงที่เมือง Pyatigosk แล้วเราต้องนั่งรถต่อไปยัง หมู่บ้าน Terskol เป็นจุดเริ่มปีน เอลบรุส (Elbrus) ใช้เวลานั่งรถประมาณ 3-4 ชั่วโมง จากวิวเมืองก็เริ่มเปลี่ยนแปลงเป็นวิวภูเขาที่รูปทรงแปลกตา ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน อากาศก็เริ่มเย็นลงเรื่อยๆด้วย
ถึงหมู่บ้าน Terskol ไกด์เริ่มบรีฟแผนการปีนเขาทั้งหมดให้เราในมื้อเย็น คนที่นี่ส่วนมากนับถือศาสนาอิสลาม มีต้นตระกูลมาจากชาวบาลคาเรียนครับ
หมู่บ้าน Terskol คือฐานบัญชาการของการปีน เอลบรุส ที่แท้จริง
หมู่บ้าน Terskol
วันที่ 4 : หมู่บ้าน Terskol – หมู่บ้าน Cheget
ต้องทำความเข้าใจกันก่อนว่า การปีนเขาสูงมนุษย์ทั่วไปแล้วไม่สามารถเดินขึ้นในม้วนเดียวจบ เพราะจะมีผลต่อระบบร่างกายอาจเกิดอาการ Acute Mountain Sickness (AMS) หรือที่เราคุ้นกันดีว่าแพ้ความสูงซึ่งหนักสุดก็ขั้นชีวิต ฉะนั้นแล้วเราต้องค่อยๆใต่ระดับ ปีนขึ้นๆลงๆหลายวันเพื่อให้ร่างกายปรับตัวชินกับความสูงและออกซิเจนที่เบาบาง เราเรียกว่า “Acclimatization”
วันนี้เราตื่นแต่เช้าเพื่อไป “Acclimatization” หรือเดินปรับตัวให้คุ้นเคยกับความสูงและอากาศเบาบาง โดยส่วนมากนักปีนเขานิยมเดินขึ้นไปยัง Mount Cheget มียอดสูงสุด 3,800 เมตรจากระดับน้ำทะเล แต่เราเดินไปแค่ความสูง 3,000 เมตร ไกด์ก็พอใจแล้วครับ จากที่นี่สามารถเห็น ยอดเขาเอลบรุส (Elbrus) ได้สวยมากๆ ส่วนเส้นทางในวันนี้ก็ทั้งสวยและชันได้ใจเลย
อ้อ…ลืมบอกไปครับว่าหมู่บ้าน Terskol และ Cheget village ตั้งอยู่บนความสูงราวๆ 2,500 เมตรครับ เราใช้เวลาเดินไปกลับราว 6 ชั่วโมง โดยรวมถือว่ายังเดินสบายๆไม่หนักมากครับ เว้นแต่ว่าสภาพอากาศที่แปรปรวนบ้าง วันนั้นเจอทั้งฝน ทั้งแดดจัด ลมแรง ในวันเดียวกัน ดังนั้นควรเตรียมชุดให้พร้อมกับทุกสภาพอากาศ
แม่น้ำที่ตัดผ่านระหว่างเดินเท้าไป Cheget village
วิวเปิด เราเริ่มเห็น Mount Elbrus
เดินมาถึงความสูง 3,000เมตรขอถ่ายรูปคู่กับ Elbrus คนดังซะหน่อย ><
แล้วสุดท้าย Elbrus ก็เผยความหล่อออกมา ทำให้เราตกหลุมรักเดี๋ยวนั้น
วันที่ 5 : Terskol – Hut refuge (Heart of Elbrus)
วันนี้เป็นที่เราต้องขึ้นไปนอนที่ Hut refuge ความสูง 3,600 เมตร โดยออกจากที่พักแต่เช้าไปยังร้านเช่าอุปกรณ์ที่แนะนำไว้ข้างต้น
จากนั้นขึ้น cable car จริงๆแล้วจะมีแบบโดยตรงต่อเดียวถึงที่พักเลย แต่ดันตรงกับวันที่ปิดซ่อม เราเลยต้องกลับไปใช้อันเก่า ซึ่งต้องต่อถึงสามช่วง
ลงจาก cable car ก็ต่อ chair lift และต่อด้วย Snowcat หรือไม่ก็ต้องเดิน ของเราแบกกันมาเยอะ ทุลักทุเลกันพอสมควรเลย แต่ก็ผ่านไปด้วยดี ส่วนตัวเคยนั่ง chair lift มาก่อนที่จีน เลยไม่กลัวเท่าไหร่ แต่หากใครเป็นครั้งแรกก็มีสั่นกันบ้าง
พอถึงที่พักชื่อ Heart of Elbrus ไกด์ให้เวลาเก็บของและพร้อมให้เเต่งตัวพร้อมออกไปเดินปรับตัวในช่วงบ่ายนี้ โดยวันนี้เป้าหมายคือความสูง 4,100 เมตร หรือเทียบเท่ากับ Priyut 11 (Hut refuge) นั่นเอง
สถานี Cable car สถานีที่ 2
Chair lift นั่งแล้วลมตีหน้า เหมือนเกิดเป็นนกแล้วบินได้เลย
ขาลง ฟ้าเริ่มปิด ความน่ากลัวเริ่มมาเยือนซะแล้ว รีบจ้ำกันเลยครับ ที่นี่วิ่งลงได้ ล้มก็กลิ้งสนุกสนานดีเหมือนกัน
เริ่มเดินกันยาวๆ เป้าหมายวันนี้ที่ Priyut11 ความสูง 4,100 เมตร จากระดับน้ำทะเล
วันที่ 6 : Hut refuge – Upper path of Pasthukov rock
วันนี้เราก็ยังคงต้องเดินปรับตัวในที่สูงโดยเพิ่มความสูงไปที่ Upper path ของ Pasthukov rock เป็นกลุ่มก้อนหินดำๆสุดท้ายที่อยู่สูงที่สุด ที่ระดับความสูง 4,800 เมตร
วันนี้เราเหนื่อยกันมาก เพราะสภาพอากาศแย่ ลมแรง หิมะก็ตกตลอดทาง ทำให้ใช้เวลานานในการเดิน และเดินได้แค่ความสูง 4,600เมตร ทั้งหนาวทั้งเหนื่อย ไกด์จึงหยุดการเดินต่อ
กลับมาถึงที่พักก็สลบกันเลย ไกด์เลยเสนอให้เราเลื่อนวัน summit push ไปเป็นอีกวันที่เราสำรองไว้ตั้งแต่แรก จากแผนเดิมที่ต้องปีนคืนนี้เลย
นี่คือ route และ landmark การปีนเขา Elbrus
เดินไปได้ สองชั่วโมง ลมแรงและหิมะเริ่มตกหนัก ได้อารมณ์กำลังแสดงเอมวีเจ้าหญิงเอลซ่า ><
วิวข้างหลังบ้าน อากาศดีมากๆวันนี้
ผมกำลังมองไปที่ยอดเอลบรุส
วันที่ 7 : Rest & Training Day คืนก่อนวันพิชิตเอลบรุส
วันนี้ไกด์อนุญาตให้เราตื่นสาย ทำตัวสบายๆ วันนี้อากาศดีมากๆ และตาม Mountain forecast คืนนี้จนถึงพรุ่งนี้อากาศจะดีมากเช่นกัน
ช่วงสายๆหลังจากทานอาหาร ไกด์ให้เราออกไปฝึกใช้อุปกรณืปีนเขา ใช้ขวาน ใช้เชือกในกรณีเหตุลื่นไถลตกเหว Self arrest แรกๆก็หวั่นเพราะไกด์พาเราลงไปฝึกที่ริมเหวจริงๆ แต่เล่นไปเล่นมาชักจะมันใหญ่ละ ฮ่าๆ
จบการฝึกก็กลับไปนอน เตรียมอุปกรณ์ให้พร้อมเพราะเราต้องนอนกันเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ด้วยความตื่นเต้นคนอื่นหลับหมดตั้งแต่หัวค่ำส่วนผม “สามทุ่มแหนะ!”
ห้องน้ำที่สวยที่สุดในชีวิตผม
วันที่ 8 : Hut refuge – Summit day พิชิตยอดเอลบรุส
วันแห่งความจริงก็มาถึง เราตื่นกันราวๆเที่ยงคืน วันนี้เป็นเราที่เราต้องปีนยาวจากที่พักถึงยอดและปีนลงมา อากาศข้างนอกหน้าต่างดีมาก ลมสงบ
เรารีบแต่งตัวและทานอาหารให้มีพลังงาน จะบอกว่าใช้เวลานานมากในการแต่งตัว เพราะวันนี้ต้องเต็มยศสุด
เสร็จแล้วไกด์เข้ามาเช็คอุปกรณ์เราแต่ละคนว่าสวมถูกต้องและครบถ้วนหรือไม่ จากนั้นจึงออกเดินทาง โดยนั่ง snow cat ไปยัง pasthukov rock เพื่อลดแรงและเวลาในช่วงนี้ แต่ก็ต้องจ่ายเงินเพิ่มหลายบาทพอสมควร นั่งไม่นาน ราว 20 นาทีได้ จากนั้นลงจากรถก็เริ่มปีนกันเลย
นักปีนเขากลุ่มอื่นๆก็กำลังมุ่งมั่นพิชิตยอดเขา Elbrus
สีทองเริ่มฉาบยอดเขาของเทือกเขา คอเคซัส
เรานั่งพักกันครั้งแรกที่ราวๆ 5,000 เมตรกว่าๆ
เป็นจุดที่นักปีนเขาจะพักนาน ก่อนเลี้ยวปีนขึ้นยอด หรือหันหลังกลับ ข้างหน้าจะเริ่มใช้ขวานน้ำแข็งและ Fixed rope
Fix rope มีสามเส้น เส้นนึงยาวราวๆ 50 เมตรน่าจะได้
ไกด์ปีนเขาของผม
ถึงแล้วครับ “ผมทำได้แล้ว”
วันที่ 9 : Hut refuge – หมู่บ้าน Terskol
วันนี้เป็นวันที่เราต้องอำลาภูเขาเอลบรุส (Elbrus) แล้วละครับ เหมือนขามาทุกอย่างเรียกได้ว่ามาอย่างไรกลับอย่างนั้น แผนวันนี้ลงกลับไปที่ Terskol ความสุขของวันนี้คือการได้อาบน้ำหลังจากไม่ได้อาบมาหลายวัน และได้ดื่มน้ำอัดลมเย็นๆสักขวดเป็นน้ำอัดลมที่อร่อยที่สุดในโลกเลย เดินตลาดสบายๆ รักษาสภาพร่างกายให้กลับสู่ภาวะปกติ และหายใจโล่งๆเต็มปอดอีกครั้ง
วันที่ 10 – 13 : หมู่บ้าน Terskol – Moscow – Bangkok
https://www.youtube.com/watch?v=TxtCbwdF4lM
ส่วนช่วงนี้ขอเล่าโดยย่อ เพราะไม่มีอะไรแล้วนอกจากเป็นการเดินทางกลับไปยังกรุงมอสโควอีกครั้ง มีเวลาพักเที่ยวกรุงมอสโควอีก 1 คืน ก่อนบินกลับมาประเทศไทยครับ เราเลยมีเวลาพักในเมือง ชมเมือง กินอาหาร ซื้อของฝากติดไม้ติดมือกันคนละนิดหน่อยที่ตลาดครับ
เก็บไปอีกหนึ่งยอดเขาในฝัน กลับมาก็คิดถึงทุกๆบรรยากาศบนภูเขา คิดถึงความสนุก คิดถึงพี่ๆในทีม ไกด์ ที่สำคัญความสุขช่วงนั้น สงสัยตัวเองอยู่เหมือนกันว่าสนุกบนความเหนื่อยขนาดนั้นได้อย่างไรกัน เรายอมดำ ยอมผิวลอก ยอมแม้กระทั้งท้าทายขีดจำกัดของตัวเอง หรืออาจจะเป็นความรู้สึกการได้พิชิตความลำบาก ผจญภัย จนสำเร็จแล้วทำให้เรามีความสุขได้ ถ้าอย่างนั้นก็คุ้มค่าแล้วที่จะออกไปปีนเขากันอีก แต่อนาคตก็ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้ไปพิชิตยอดเขาลูกไหนอีก แต่ตอนนี้ตกหลุมรักภูเขาสูงไปแล้ว
สนใจร่วมเดินทางกับพวกเรา
เรามีจัดทริปการเดินทางให้กับท่านที่สนใจการเดินทางแบบนี้ การเดินทางขึ้นสู่ยอดเขาเอลบรุส เรายินดีเป็นผู้ทำความฝันของคุณให้เป็นความจริง ทริปการเดินทางของเราเหมือนกับงานศิลปะหนึ่งชิ้นที่ได้รับการออกแบบดีไซน์และตกแต่งจนกลายเป็นสุนทรียภาพแห่งการเดินทางที่แท้จริง
ไม่ว่าท่านจะมาคนเดียว เป็นคู่ เป็นครอบครัว ก็ลงตัวด้วยการจัดสรรที่พักให้ลงตัวพร้อมมอบความทรงจำที่ไม่มีวันลืม
ติดตามแผนการเดินทางประจำปี พ.ศ.2565 เป็นต้นไปได้ที่นี่
หรือถ้าหากท่านต้องการให้เราจัดกลุ่มส่วนตัวสำหรับครอบครัวของท่าน เราก็ยินดีเช่นกันเพื่อจะทำให้การเดินทางข้ามทวีปครั้งนี้เป็นความทรงจำที่ดีแบบไม่มีวันลืม
- สอบถามเพิ่มเติม โทร : 096 640 4534
- แอด Line : https://line.me/R/ti/p/%40patourlogy
