เป็นที่ทราบกันดีว่าการเปลี่ยนแปลงการปกครองของรัสเซียในปี 1917 ที่ตามมาด้วยสงครามกลางเมืองและการประหารหมู่ราชวงศ์โรมานอฟที่ว่าโหดสัสแล้ว แต่ก่อนหน้ายุคนั้นยังมีอีกหลายเหตุการณ์ที่ซาร์ต้องมาโดนปลิดชีพด้วยเหตุการณ์ต่าง ๆ อาจเป็นที่มาของคำว่า “โหดสัสรัสเซีย” ยิ่งกว่าเหตุการณ์ไหน ๆ
พระเจ้าซาร์อิวานที่ 6 (Ivan VI Antonovich)
ซาร์อิวานที่ 6 หรือ อิวาน อันโตโนวิช (ค.ศ. 1740 – 1764) ประสูติมาในช่วงเวลาที่เรียกกันว่ายุคแห่งการยึดอำนาจในวังหลวงช่วงศตวรรษที่ 18 เมื่อผู้ปกครองผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันครองอำนาจอย่างรวดเร็วฉับพลันจากอิทธิพลของขุนนางในราชสำนัก พระองค์ถูกสถาปนาให้เป็นซาร์ตอนพระชนมายุเพียง 2 เดือนสืบทอดพระนางอันนา อิวานอฟนาในปี ค.ศ.1740
ในอีก 2 เดือนต่อมาฝ่ายขุนนางผู้สนับสนุนซาร์อิวานที่ 6 ก็พ่ายแพ้แก่ขั้วตรงข้าม พระเจ้าซาร์อิวานที่ 6 ที่ยังไม่ทันได้เดินเตาะแตะก็ถูกคุมขังไปด้วย พระองค์ถูกคุมขังในปราสาทที่ห่างไกลและตัดขาดจากการติดต่อกับผู้คนโดยสิ้นเชิงในตลอดวัยพระเยาว์ ในปี1764 ทหารกลุ่มหนึ่งพยายามยึดอำนาจและปล่อยพระองค์ให้เป็นอิสระ แต่มิทันไรอิวานที่ 6 ผู้น่าสงสารก็ถูกผู้คุมแทงจนสิ้นพระชนม์ เพื่อไม่ให้ฝ่ายผู้ก่อการชิงตัวไปได้ สิริพระชนมายุรวม 23 พรรษา ปิดฉากพระชนม์ชีพที่น่าเศร้า
พระเจ้าซาร์ปีเตอร์ที่ 3 (Peter III of Russia)
ซาร์ปีเตอร์ที่ 3 (Peter III of Russia) (ค.ศ. 1728 – 1762) ผู้ประสูติในชาติกำเนิดเจ้าชายเยอรมันในพระนาม คาร์ล ปีเตอร์ อุลริช ทรงเป็นหลานตาของพระเจ้าปีเตอร์มหาราช เมื่อพระนางแคเทอรีน (เยคาเทรินา) ที่ 1 สมเด็จป้าสวรรคต พระองค์จึงขึ้นครองบัลลังก์สืบเป็นพระเจ้าปีเตอร์ที่ 3 แต่พระองค์ครองบัลลังก์ได้เพียง 6 เดือนก็ถูกยึดอำนาจโดยทหารรักษาพระองค์ โดยเฉพาะอเล็กเซย์ ออร์ลอฟ ภายใต้การขยิบพระเนตรของพระนางแคเทอรีน พระมเหสีเนื่องจากพระองค์ดำเนินนโยบายที่นิยมปรัสเซียมากเกินและกำลังจะก่อสงครามกับเดนมาร์กโดยพลการ หลังจากนั้นพระนางแคทเทอรีนพระมเหสีขึ้นครองอำนาจสืบต่อเป็นซารีนาแคทเทอรีนที่ 2
ในขณะนั้นหลังจากที่พระองค์ถูกถอดออกจากบัลลังค์ อดีตซาร์ปีเตอร์ที่ 3 ถูกคุมขัง ณ พระราชวัง ณ เมือง Ropsha ก่อนจะสิ้นพระชนม์ใน 1 สัปดาห์ต่อมาโดยไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด สิริพระชนมายุรวม 34 พรรษา บ้างก็ว่าพระองค์สิ้นพระชนม์โดยบังเอิญในขณะที่ต่อสู้ในที่คุมขังด้วยเหตุบดันดาลโทสะ บ้างก็ว่าออร์ลอฟเป็นผู้ลงมือภายใต้ความเห็นชอบของซารีนาแคทเทอรีนที่ 2 เอง
พระเจ้าซาร์ปอล (ปาเวล) ที่ 1 (Peter III of Russia)
พระเจ้าซาร์ปาเวลที่ 1 (Peter III of Russia) (ค.ศ. 1754-1801) พระโอรสของพระเจ้าซาร์ปีเตอร์ที่ 3 และพระนางแคเทอรีนที่ 2 (มหาราช) ซาร์ปาเวลที่ 1 ทรงเกลียดชังพระมารดาตัวเองมาก แม้พระนางแคทเทอรีนมหาราชประสงค์ให้หลานย่า – เจ้าชายอเล็กซานเดอร์ขึ้นครองบัลลังก์ต่อแต่ไม่ทันการ พระองค์ขึ้นครองบัลลังก์เป็นพระเจ้าซาร์ปาเวลที่ 1 และดำเนินนโยบายนิยมปรัสเซียและทหารนิยมอย่างเข้มงวดเจริญรอยตามพระราชบิดารวมไปถึงการยกเลิกนโยบายต่างๆ และดูถูกเหยียดหยามมรดกทุกอย่างของซารีนาแคทเทอรีนมหาราช ทำให้เกิดความไม่พอใจในหมู่ขุนนางและขุนทหาร
ซาร์ปาเวลที่ 1 รู้พระองค์ดีว่าไม่เป็นที่นิยมและทรงหวาดระแวงจึงสร้างปราสาทส่วนพระองค์เพื่ออาศัยแทนที่วังหลวง (ปราสาทเซ็นต์มิคาอิล) ที่พระองค์เชื่อว่าจะปลอดภัยและคุ้มครองพระองค์ได้
แต่ในที่สุดคณะรัฐประหารคือนายพลนิโคลัย ซูบอฟและปีเตอร์ ฟอน เดอร์ พาเลินผู้ว่าราชการกรุงเซ็นต์ปีเตอร์สเบิร์กร่วมมือกับทหารรักษาพระองค์ในปราสาท บุกเข้าไปในห้องบรรทมเข้าทุบตีและใช้ผ้าพันคอรัดพระศอจนสิ้นพระชนม์ ณ พระที่ สิริพระชนมายุรวม 46 พรรษา วันต่อมาพระโอรสของพระองค์และหลานย่าของพระนางแคทเทอรีนมหาราชก็ขึ้นครองบัลลังก์สืบต่อเป็นพระเจ้าซาร์อเล็กซานเดอร์ที่ 1 ว่ากันว่าทรงมีส่วนรู้เห็นกับคณะรัฐประหารแม้ลึก ๆ ไม่ได้คาดคิดว่าพระบิดาจะต้องถูกสังหาร
พระเจ้าซาร์อเล็กซานเดอร์ที่ 2 (Alexander II of Russia)
พระเจ้าซาร์อเล็กซานเดอร์ที่ 2 (Alexander II of Russia) (ค.ศ. 1818-1881) ทรงเป็นซาร์นักปฏิรูปด้วยเหตุที่พระองค์คิดว่ารัสเซียมีความล้าหลังเป็นเหตุให้แพ้สงครามไครเมียในปี 1853 ซึ่งเป็นเหตุให้พระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 1 พระราชบิดาต้องตรอมพระทัยสิ้นพระชนม์ ตลอดรัชกาลทรงดำเนินนโยบายปฏิรูปหลายด้าน ที่สำคัญที่สุดคือการเลิกทาส แต่การปฏิรูปของพระองค์ก็ทำให้เกิดขบวนการปฏิวัติหลายกลุ่มซึ่งเริ่มใช้ความรุนแรงและหมายเอาชีวิตของราชวงศ์และขุนนาง
พระองค์ทรงรอดชีวิตจากระเบิดห้องห้องหนึ่งในพระราชวังฤดูหนาวโดยกลุ่มนาโรดนายา โวลนา (People’s Will) และการลอบยิงในหลาย ๆ ครั้ง
จนกระทั่งในวันที่ 1 มีนาคม 1881 กลุ่มผู้ก่อการจุดระเบิดในขณะที่ขบวนรถม้าพระที่นั่งแล่นผ่าน พระองค์ในขณะที่พระวรกายบาดเจ็บยังทรงรีบรุดเข้าไปช่วยทหารคอสแซ็ครักษาพระองค์ที่บาดเจ็บด้วย ในขณะนั้นเองผู้ก่อการชาวโปแลนด์ Ignacy Hryniewiecki ได้ระเบิดเข้าใส่ซ้ำพลีชีพตนเอง พระเจ้าซาร์อเล็กซานเดอร์ที่ 2 ทรงสิ้นพระชนม์ในเวลาต่อมาจากการบาดเจ็บสาหัสพระเพลาขาด สิริพระชนมายุรวม 62 พรรษา พระเจ้าซาร์อเล็กซานเดอร์ที่ 3 พระโอรสและผู้ครองบัลลังก์สืบต่อรับสั่งให้สร้างวิหารหยดเลือดอุทิศแด่พระราชบิดา ณ จุดที่พระองค์ถูกระเบิดบาดเจ็บสาหัสก่อนสิ้นพระชนม์
สนใจโปรแกรมทัวร์รัสเซียและทัวร์เส้นทางอื่นๆ >>> https://www.patourlogy.com