ทะเลสาบเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่มีความสวยงามและสงบ ทว่าไม่ใช่ทะเลสาบทุกแห่งที่ปลอดภัย บางแห่งซ่อนความอันตรายที่อาจไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปรู้จักกับ 10 ทะเลสาบแห่งความตาย ซึ่งความงามของมันอาจทำให้คุณหลงลืมถึงความเสี่ยงที่แฝงอยู่
- 1. ทะเลสาบนาตรอน (Lake Natron) แทนซาเนีย
- 2. ทะเลสาบมิชิแกน (Lake Michigan) สหรัฐอเมริกา
- 3. ทะเลสาบโบอิลิง (Boiling Lake) โดมินิกา
- 4. ทะเลสาบ Jellyfish ในปาเลา (Jellyfish Lake Palau)
- 5. ทะเลสาบคีวู (Lake Kivu) รวันดา-คองโก
- 6. ทะเลสาบแห่งน้ำยาพิษ (Lake of the Ozarks) สหรัฐอเมริกา
- 7. ทะเลสาบน้ำดี (Lake Nyos) แคเมอรูน
- 8. ทะเลสาบแกรนด์ (Grand Lake) สหรัฐอเมริกา
- 9. ทะเลสาบเชอร์โนบิล (Chernobyl Lakes) ยูเครน
- 10. ทะเลสาบคราเตอร์เลค (Crater Lake) สหรัฐอเมริกา
1. ทะเลสาบนาตรอน (Lake Natron) แทนซาเนีย
ทะเลสาบนาตรอนในแทนซาเนียไม่เพียงแต่เป็นที่รู้จักจากความเป็นด่างสูงมากที่สามารถเผาไหม้ผิวหนังและตาของสิ่งมีชีวิตที่เข้าใกล้ได้ แต่ยังมีความพิเศษในเรื่องของความสามารถในการ “ทำให้สัตว์ตายและกลายเป็นหิน” เนื่องจากมีแบคทีเรียที่ให้สีแดงและแร่ธาตุหลายชนิดที่ละลายอยู่ในน้ำ ซึ่งทำให้สัตว์ที่ตายแล้วถูกคงรูปในสภาพที่คล้ายกับการถูกหินห่อหุ้ม ทะเลสาบนี้ยังเป็นที่อยู่อาศัยของนกฟลามิงโก้ชนิดหนึ่งที่สามารถทนต่อสภาพแวดล้อมที่เป็นด่างได้
2. ทะเลสาบมิชิแกน (Lake Michigan) สหรัฐอเมริกา
ทะเลสาบมิชิแกนเป็นหนึ่งในทะเลสาบใหญ่ของอเมริกาเหนือและเป็นทะเลสาบที่มีความงามอันน่าตื่นตาตื่นใจ อย่างไรก็ตาม ความงามของมันซ่อนเร้นความอันตรายที่ไม่ควรมองข้าม ทะเลสาบมิชิแกนมีประวัติของเหตุการณ์พายุรุนแรงและการสูญหายของเรือและเครื่องบินอย่างลึกลับ ทำให้บางครั้งมันได้รับฉายาว่า “ทะเลสาบสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า” อันตรายหลักที่นักท่องเที่ยวและนักเดินทางควรระวังคือความผันผวนของสภาพอากาศและคลื่นลมที่ทะเลสาบมิชิแกน ในช่วงเวลาที่สภาพอากาศเปลี่ยนแปลง คลื่นสามารถสูงถึงหลายฟุต ทำให้การเดินเรือและกิจกรรมอื่นๆ บนทะเลสาบมีความเสี่ยงสูง นอกจากนี้ พื้นที่ริมฝั่งบางส่วนของทะเลสาบมีกระแสน้ำที่แรง ซึ่งสามารถดึงผู้ว่ายน้ำไปสู่อันตรายได้
3. ทะเลสาบโบอิลิง (Boiling Lake) โดมินิกา
ทะเลสาบโบอิลิงในโดมินิกาเป็นหนึ่งในทะเลสาบที่มีน้ำเดือดตลอดเวลา และเป็นหนึ่งใน “ทะเลสาบน้ำเดือด” ที่ใหญ่ที่สุดในโลก อุณหภูมิน้ำสูงถึง 92 ถึง 100 องศาเซลเซียส สภาพแวดล้อมที่เข้มข้นนี้เกิดจากภูเขาไฟที่มีการปะทุอยู่ใต้พื้นผิวน้ำ การเดินทางไปยังทะเลสาบนี้ต้องมีความระมัดระวังสูงเนื่องจากอากาศร้อนและก๊าซที่เป็นอันตรายที่อาจปล่อยออกมาจากทะเลสาบ อย่างไรก็ตาม ความสวยงามและความไม่ธรรมดาของทะเลสาบโบอิลิงยังคงดึงดูดนักผจญภัยและนักวิทยาศาสตร์ที่ต้องการศึกษาปรากฏการณ์ธรรมชาติอันน่าทึ่งนี้
4. ทะเลสาบ Jellyfish ในปาเลา (Jellyfish Lake Palau)
ต่างจากทะเลสาบอันตรายที่กล่าวมาข้างต้น ทะเลสาบ Jellyfish ในประเทศปาเลาเสนอความงามที่ไม่ซ่อนเร้นความตาย แต่กลับมีเสน่ห์แห่งความสงบที่ไม่เหมือนใคร ทะเลสาบนี้เป็นบ้านของล้านๆ ตัวแมงกะพรุนที่ไม่มีพิษ ซึ่งเป็นผลมาจากการแยกตัวของทะเลสาบจากมหาสมุทรเมื่อหลายพันปีก่อน ทำให้แมงกะพรุนในทะเลสาบนี้ปรับตัวโดยการสูญเสียความสามารถในการสร้างพิษเพื่อป้องกันตัวการเยือนทะเลสาบ Jellyfish ในปาเลาต้องทำด้วยความระมัดระวังและความเคารพต่อสิ่งแวดล้อม เนื่องจากประชากรแมงกะพรุนในทะเลสาบนี้สามารถได้รับผลกระทบจากการกระทำของมนุษย์ เช่น ครีมกันแดดที่อาจมีสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อแมงกะพรุน ดังนั้น การรักษาความสะอาดและการปกป้องสิ่งแวดล้อมจึงเป็นสิ่งสำคัญเมื่อเยี่ยมชมทะเลสาบแห่งนี้
5. ทะเลสาบคีวู (Lake Kivu) รวันดา-คองโก
ทะเลสาบไคฟู, ตั้งอยู่บนพรมแดนระหว่างรวันดาและสาธารณรัฐประชาชนคองโก, เป็นหนึ่งในทะเลสาบที่สวยงามแต่อันตรายในโลก เนื่องจากมีก๊าซมีเทนและ CO2 สะสมอยู่ใต้ทะเลสาบจำนวนมาก หากเกิดการปลดปล่อยก๊าซเหล่านี้อย่างรวดเร็วอาจนำไปสู่ “การระเบิดของทะเลสาบ” ซึ่งสามารถทำลายล้างชุมชนริมฝั่งได้อย่างมาก ทะเลสาบไคฟูยังคงถูกศึกษาและตรวจสอบอย่างใกล้ชิดเพื่อป้องกันภัยพิบัติที่อาจเกิดขึ้น
6. ทะเลสาบแห่งน้ำยาพิษ (Lake of the Ozarks) สหรัฐอเมริกา
ทะเลสาบแห่งนี้ตั้งอยู่ในรัฐมิสซูรีและเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมสำหรับกิจกรรมทางน้ำ อย่างไรก็ตาม ในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา ทะเลสาบแห่งนี้ได้รับผลกระทบจากการปนเปื้อนด้วยสารพิษ PCB ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็ง สารพิษนี้มาจากการทิ้งของเสียจากการผลิตและการเกษตรที่ไม่เหมาะสม ทำให้น้ำในทะเลสาบมีอันตรายต่อสุขภาพของมนุษย์และสัตว์น้ำ
7. ทะเลสาบน้ำดี (Lake Nyos) แคเมอรูน
ทะเลสาบน้ำดีเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของ “ทะเลสาบปะทุก๊าซ” ซึ่งเกิดจากการปล่อยก๊าซ CO2 จากหินภูเขาไฟใต้ทะเลสาบออกมายังพื้นผิวน้ำและบริเวณใกล้เคียง ในปี 1986 เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ก๊าซ CO2 รั่วไหลออกมาในปริมาณมหาศาล คร่าชีวิตผู้คนมากกว่า 1,700 คนและสัตว์นับไม่ถ้วน ทำให้ทะเลสาบน้ำดีกลายเป็นหนึ่งในทะเลสาบที่อันตรายที่สุดในโลก
8. ทะเลสาบแกรนด์ (Grand Lake) สหรัฐอเมริกา
ทะเลสาบแกรนด์ตั้งอยู่ในรัฐโคโลราโด และเป็นหนึ่งในทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในรัฐ แม้ว่าทะเลสาบนี้จะมีความสวยงามธรรมชาติที่น่าทึ่ง แต่ก็เป็นที่รู้จักด้วยประวัติของการมีสารพิษจากการทิ้งของเสียจากเหมืองแร่ การทำเหมืองแร่ในอดีตได้ทิ้งร่องรอยของสารหนูและโลหะหนักอื่นๆ ไว้ในน้ำและตะกอนของทะเลสาบ ทำให้น้ำในบางส่วนของทะเลสาบมีอันตรายต่อสุขภาพ แม้จะมีความพยายามในการทำความสะอาดและฟื้นฟูสภาพแวดล้อม แต่ผลกระทบจากการปนเปื้อนยังคงเป็นปัญหาที่น่ากังวล
9. ทะเลสาบเชอร์โนบิล (Chernobyl Lakes) ยูเครน
ทะเลสาบในพื้นที่เชอร์โนบิลไม่เพียงแต่เป็นสักขีพยานของหนึ่งในภัยพิบัตินิวเคลียร์ที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติเท่านั้น แต่ยังเป็นบ้านของหนึ่งในทะเลสาบที่อันตรายที่สุดในโลกด้วย เหตุการณ์ระเบิดเชอร์โนบิลในปี 1986 ได้ปล่อยกัมมันตภาพรังสีออกมาสู่สิ่งแวดล้อม ทำให้ทะเลสาบและพื้นที่โดยรอบมีระดับรังสีที่สูงอย่างน่าตกใจ น้ำในทะเลสาบเหล่านี้มีอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตทุกรูปแบบ และการเข้าใกล้พื้นที่เหล่านี้จำเป็นต้องมีมาตรการป้องกันที่เข้มงวด เช่น การใส่ชุดป้องกันรังสีและอุปกรณ์วัดรังสี เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้น
10. ทะเลสาบคราเตอร์เลค (Crater Lake) สหรัฐอเมริกา
ทะเลสาบคราเตอร์เลคไม่เพียงแต่เป็นหนึ่งในทะเลสาบที่สวยงามที่สุดในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น แต่ยังเป็นทะเลสาบที่น่าสนใจและลึกลับ เนื่องจากเกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟเมาท์มาซามา (Mount Mazama) ที่รุนแรงเมื่อประมาณ 7,700 ปีก่อน ซึ่งทำให้เกิดปล่องภูเขาไฟขนาดใหญ่ที่ถูกน้ำฝนและน้ำละลายจากหิมะเติมเต็มจนกลายเป็นทะเลสาบ ทะเลสาบคราเตอร์เลคมีความลึกสูงสุดถึง 1,943 ฟุต (592 เมตร) ทำให้เป็นทะเลสาบที่ลึกที่สุดในสหรัฐอเมริกาและหนึ่งในทะเลสาบที่ลึกที่สุดในโลก ความลึกของทะเลสาบช่วยให้มีสีน้ำเงินครามที่สวยงามอย่างไม่น่าเชื่อ แต่ความงามนี้ก็มาพร้อมกับอันตราย อุณหภูมิน้ำที่เย็นจัดตลอดทั้งปีและความลึกที่ยากต่อการประเมินอาจเป็นอันตรายต่อนักว่ายน้ำหรือนักดำน้ำที่ไม่มีประสบการณ์หรือไม่ได้เตรียมตัวอย่างเหมาะสม
แม้ความงามของทะเลสาบเหล่านี้จะดึงดูดใจ แต่ความอันตรายที่ซ่อนอยู่ก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม การเยี่ยมชมพื้นที่เหล่านี้ควรทำด้วยความระมัดระวังและการเตรียมตัวที่เพียงพอ
ชมบทความท่องเที่ยวอื่นๆได้ที่นี้