โลกของเรามีประวัติศาสตร์ยาวนานหลายพันปี และทิ้งร่องรอยไว้ในสถานที่สำคัญที่สะท้อนถึงความยิ่งใหญ่ของอารยธรรมในอดีต หากคุณหลงใหลในความงดงามของสถานที่ที่เต็มไปด้วยเรื่องราวและมนต์เสน่ห์แห่งอดีตกาล นี่คือ 10 สถานที่สำคัญ ที่คุณควรไปเยือนสักครั้งในชีวิต
- 1. มหาพีระมิดแห่งกิซา (Great Pyramid of Giza) อียิปต์
- 2. นครวัด (Angkor Wat) กัมพูชา
- 3. โคลอสเซียม (Colosseum) อิตาลี
- 4. กำแพงเมืองจีน (Great Wall of China) จีน
- 5. มาชูปิกชู (Machu Picchu) เปรู
- 6. ปิรามิดแห่งชิเชนอิตซา (Chichen Itza) เม็กซิโก
- 7. นครเปตรา (Petra) จอร์แดน
- 8. สโตนเฮนจ์ (Stonehenge) อังกฤษ
- 9. ฮาเกียโซเฟีย (Hagia Sophia) ตุรกี
- 10. ทัชมาฮาล (Taj Mahal) อินเดีย
- สรุป
1. มหาพีระมิดแห่งกิซา (Great Pyramid of Giza) อียิปต์
มหาพีระมิดแห่งกิซา เป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคโบราณเพียงแห่งเดียวที่ยังคงอยู่ในปัจจุบัน สร้างขึ้นในราว 2,560 ปีก่อนคริสตกาล เพื่อเป็นสุสานของฟาโรห์คูฟู (Khufu) ซึ่งเป็นหนึ่งในกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ของอียิปต์โบราณ ความมหัศจรรย์ของพีระมิดแห่งนี้ไม่ได้มีแค่ความสูงกว่า 140 เมตรในยุคนั้น แต่ยังรวมถึงวิธีการก่อสร้างที่นักโบราณคดียังคงตั้งคำถามว่า ชาวอียิปต์โบราณสามารถเคลื่อนย้ายและประกอบหินขนาดมหึมาได้อย่างไร
นักท่องเที่ยวที่มาเยือนสามารถสัมผัสความยิ่งใหญ่ของโครงสร้าง และเรียนรู้เรื่องราวเกี่ยวกับวิทยาการ และ ความเชื่อของชาวอียิปต์ นอกจากนี้ บริเวณใกล้เคียงยังมีสฟิงซ์ (The Great Sphinx) รูปปั้นสัตว์ประหลาดในตำนานที่เป็นตัวแทนแห่งปัญญาและพลังอำนาจของชาวอียิปต์โบราณ
2. นครวัด (Angkor Wat) กัมพูชา
นครวัดเป็นสัญลักษณ์ที่ยิ่งใหญ่ของอารยธรรมขอม สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 12 โดยพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 เพื่อถวายแด่พระวิษณุ นอกจากจะเป็นสถาปัตยกรรมทางศาสนาที่ใหญ่ที่สุดในโลก นครวัดยังได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกในปี 1992
ความงดงามของนครวัดอยู่ที่การแกะสลักภาพนูนต่ำที่บอกเล่าเรื่องราวจากมหากาพย์รามายณะ และ มหาภารตะ นอกจากนี้ การออกแบบสถาปัตยกรรมที่มีการคำนวณทิศทางแสงอาทิตย์ และ เงาสะท้อนของดวงดาวทำให้สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยความศักดิ์สิทธิ์และ เสน่ห์ที่ไม่เหมือนใคร การมาเยือนในช่วงพระอาทิตย์ขึ้นหรือพระอาทิตย์ตกจะทำให้คุณเห็นนครวัดในแสงที่สวยงามที่สุด
3. โคลอสเซียม (Colosseum) อิตาลี
โคลอสเซียม หรือที่เรียกว่า Flavian Amphitheatre เป็นสนามกีฬากลางแจ้งที่ใหญ่ที่สุดในยุคโบราณ สร้างขึ้นในกรุงโรมเมื่อราวปี ค.ศ. 70-80 โดยจักรพรรดิเวสเปเซียน และ เสร็จสิ้นโดยพระโอรสไททัส สถานที่แห่งนี้เป็นตัวแทนของความรุ่งเรืองของจักรวรรดิโรมันและการออกแบบวิศวกรรมที่ล้ำหน้าในยุคนั้น
โคลอสเซียมถูกใช้เป็นสถานที่จัดการแข่งขันกลาดิเอเตอร์ (Gladiator Games) การล่าสัตว์ และกิจกรรมบันเทิงอื่น ๆ ซึ่งบางกิจกรรมมีผู้เข้าร่วมชมถึง 50,000-80,000 คน โครงสร้างอันน่าทึ่งของโคลอสเซียมยังคงเป็นแรงบันดาลใจให้กับสถาปัตยกรรมยุคปัจจุบัน การมาเยือนสถานที่แห่งนี้คือการย้อนกลับไปยังยุคของการต่อสู้ที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นและประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ของโรมัน
4. กำแพงเมืองจีน (Great Wall of China) จีน
กำแพงเมืองจีน คือหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของโลกที่สะท้อนถึงความพยายามและความยิ่งใหญ่ของอารยธรรมจีนโบราณ กำแพงแห่งนี้เริ่มสร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 7 ก่อนคริสตกาล และ ได้รับการเสริมสร้างในยุคของราชวงศ์หมิง (ค.ศ. 1368-1644) มีความยาวรวมกว่า 21,000 กิโลเมตร โดยมีจุดประสงค์เพื่อป้องกันการรุกรานจากชนเผ่านอกด่าน เช่น มองโกล และแมนจูเรีย
การเดินทางไปเยี่ยมชมกำแพงเมืองจีน เช่น ที่บริเวณ Badaling หรือ Mutianyu ทำให้คุณได้สัมผัสถึงวิวทิวทัศน์ที่งดงาม และ ซึมซับเรื่องราวแห่งประวัติศาสตร์ นักท่องเที่ยวที่มาเยือนมักเพลิดเพลินกับการเดินบนกำแพงที่ทอดยาวไปตามแนวเขาและที่ราบ เหมือนย้อนเวลากลับไปในยุคที่จักรพรรดิยังปกครองแผ่นดินจีน
5. มาชูปิกชู (Machu Picchu) เปรู
มาชูปิกชู เมืองโบราณของอารยธรรมอินคา ตั้งอยู่บนยอดเขาสูงกว่า 2,430 เมตร เหนือระดับน้ำทะเลในประเทศเปรู เชื่อกันว่าสร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 15 และถูกทิ้งร้างไปเมื่อจักรวรรดิอินคาล่มสลาย มาชูปิกชูถูกค้นพบอีกครั้งในปี 1911 โดยนักสำรวจชาวอเมริกัน Hiram Bingham
สิ่งที่ทำให้มาชูปิกชูพิเศษคือการก่อสร้างที่ผสานเข้ากับภูมิทัศน์ธรรมชาติได้อย่างลงตัว ด้วยหินขนาดมหึมาที่ถูกจัดวางอย่างแม่นยำ โดยไม่ใช้ปูนเชื่อม นักท่องเที่ยวสามารถสำรวจพื้นที่สำคัญ เช่น วิหารสุริยัน (Temple of the Sun) และลานเกษตรขั้นบันได (Terraces) ที่สะท้อนถึงความสามารถของชาวอินคาในการปรับตัวให้เข้ากับสภาพภูมิประเทศ การเดินทางไปเยือนมาชูปิกชูมักเริ่มต้นด้วยการเดินป่าตามเส้นทาง Inca Trail หรือขึ้นรถไฟสายท่องเที่ยวสุดพิเศษ
6. ปิรามิดแห่งชิเชนอิตซา (Chichen Itza) เม็กซิโก
ชิเชนอิตซา เป็นแหล่งมรดกโลกที่สำคัญของอารยธรรมมายา ตั้งอยู่ในเขตคาบสมุทรยูคาทาน ประเทศเม็กซิโก สร้างขึ้นราวปี ค.ศ. 600-900 โดยชาวมายา และถือเป็นศูนย์กลางทางศาสนาและดาราศาสตร์ของอารยธรรมแห่งนี้
จุดเด่นที่สุดของชิเชนอิตซาคือ พีระมิดเอลกัสติโย (El Castillo) หรือวิหารของเทพเจ้าคูคูลคาน (Kukulkan) ที่สะท้อนถึงความเชื่อทางดาราศาสตร์และการออกแบบทางคณิตศาสตร์อันซับซ้อน โดยในช่วงวันวสันตวิษุวัตและวันศารทวิษุวัต แสงแดดจะตกกระทบที่ขั้นบันไดของพีระมิดจนเกิดเป็นเงาคล้ายงูเลื้อยลงมา สะท้อนถึงความอัจฉริยะของชาวมายา
นักท่องเที่ยวที่มาเยือนยังสามารถสำรวจสถานที่อื่น ๆ ในบริเวณ เช่น สนามบอลโบราณ (Ball Court) และวิหารนักรบ (Temple of the Warriors) ชิเชนอิตซาจึงเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยเรื่องราวและมนต์เสน่ห์แห่งอดีตที่น่าประทับใจ
7. นครเปตรา (Petra) จอร์แดน
นครเปตรา เมืองที่ถูกแกะสลักจากหินทรายสีชมพู ตั้งอยู่ในหุบเขาวาดีมูซา ประเทศจอร์แดน เปตราเคยเป็นเมืองหลวงของชาวนาบาเทียน (Nabateans) ที่มีอายุย้อนกลับไปกว่า 2,000 ปี และมีความสำคัญในฐานะศูนย์กลางการค้าในยุคโบราณ สถานที่แห่งนี้ได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่ในปี 2007
จุดเด่นของเปตราคือ อัลคาซเนห์ (Al-Khazneh) หรือ “มหาวิหารศักดิ์สิทธิ์” ที่แกะสลักอย่างวิจิตรจากหินผาสูงตระหง่าน นอกจากนี้ คุณยังสามารถเดินชมสถานที่อื่น ๆ เช่น โรงละครโรมัน และถนนโคลอนเนด (Colonnaded Street) นักท่องเที่ยวที่มาเยือนเปตรามักเพลิดเพลินกับการเดินผ่านทางเข้าซิก (Siq) ซึ่งเป็นเส้นทางแคบยาวที่เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์ การเยือนเปตราคือการย้อนกลับไปสัมผัสประวัติศาสตร์และความยิ่งใหญ่ของอารยธรรมโบราณ
8. สโตนเฮนจ์ (Stonehenge) อังกฤษ
สโตนเฮนจ์ เป็นอนุสาวรีย์หินขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ในเมืองวิลต์เชอร์ ประเทศอังกฤษ มีอายุมากกว่า 4,500 ปี สถานที่แห่งนี้ยังคงเต็มไปด้วยความลึกลับ เพราะนักวิทยาศาสตร์และนักโบราณคดียังไม่สามารถระบุได้แน่ชัดว่าสร้างขึ้นเพื่ออะไร บ้างเชื่อว่าใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนา หรือเป็นศูนย์ดาราศาสตร์โบราณ
การจัดเรียงหินที่มีน้ำหนักกว่า 25 ตันในลักษณะวงกลมเป็นสิ่งที่สะท้อนถึงความรู้ด้านวิศวกรรมและคณิตศาสตร์ในยุคนั้น นักท่องเที่ยวที่มาเยือนสามารถเดินชมสถานที่พร้อมเรียนรู้ประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจจากศูนย์บริการนักท่องเที่ยว การชมพระอาทิตย์ขึ้นหรือพระอาทิตย์ตกที่สโตนเฮนจ์เป็นประสบการณ์ที่ไม่ควรพลาด
9. ฮาเกียโซเฟีย (Hagia Sophia) ตุรกี
ฮาเกียโซเฟีย ตั้งอยู่ในนครอิสตันบูล ประเทศตุรกี เป็นสถาปัตยกรรมที่สะท้อนถึงความรุ่งเรืองของจักรวรรดิไบแซนไทน์และจักรวรรดิออตโตมัน เดิมทีสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 537 ในฐานะมหาวิหารคริสต์ศาสนา ต่อมาถูกเปลี่ยนเป็นมัสยิดในปี ค.ศ. 1453 และกลายเป็นพิพิธภัณฑ์ในปี ค.ศ. 1935 ปัจจุบันฮาเกียโซเฟียได้รับการฟื้นฟูให้กลับมาเป็นมัสยิดอีกครั้ง
โดมขนาดใหญ่และการตกแต่งด้วยโมเสกวิจิตรบรรจงภายในฮาเกียโซเฟียเป็นสิ่งที่ทำให้นักท่องเที่ยวทั่วโลกหลงใหล สถานที่แห่งนี้เป็นจุดผสมผสานของศิลปะและวัฒนธรรมจากสองอารยธรรมที่สำคัญในประวัติศาสตร์ การมาเยือนฮาเกียโซเฟียคือการดื่มด่ำกับความงามที่ยั่งยืนของอดีต
10. ทัชมาฮาล (Taj Mahal) อินเดีย
ทัชมาฮาล อนุสรณ์สถานแห่งความรัก ตั้งอยู่ในเมืองอัครา ประเทศอินเดีย สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1632 โดยจักรพรรดิชาห์ชะฮันเพื่อเป็นสุสานให้แก่พระนางมุมตัซ มาฮาล พระมเหสีที่รักยิ่ง ทัชมาฮาลเป็นโครงสร้างหินอ่อนสีขาวที่ตกแต่งด้วยลวดลายแกะสลักและการฝังอัญมณีอย่างประณีต
ความงดงามของทัชมาฮาลอยู่ที่ความสมมาตรและการสะท้อนของแสงบนผิวหินอ่อน นักท่องเที่ยวที่มาเยือนมักจะตื่นตากับภาพสะท้อนของอนุสรณ์สถานในสระน้ำที่อยู่ด้านหน้า นอกจากนี้ บรรยากาศของทัชมาฮาลในช่วงพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตกทำให้ที่นี่เป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์และเรื่องราวแห่งความรักที่ยิ่งใหญ่เหนือกาลเวลา
สรุป
สถานที่สำคัญนับพันปีเหล่านี้เป็นมากกว่าสถานที่ท่องเที่ยว เพราะมันสะท้อนถึงความยิ่งใหญ่ของอารยธรรมในอดีตและมรดกทางวัฒนธรรมที่ต้องรักษาไว้ หากคุณกำลังมองหาประสบการณ์ที่เต็มไปด้วยเรื่องราวและความทรงจำ ลองวางแผนเดินทางไปเยือน 10 สถานที่สำคัญ นี้สักครั้งในชีวิต แล้วคุณจะเข้าใจความยิ่งใหญ่ของโลกใบนี้อย่างแท้จริง
ชมบทความท่องเที่ยวอื่นๆได้ที่นี้