ทัวร์แสวงบุญ จอร์แดน-อิสราเอล (สำหรับคริสเตียน)

ทัวร์เส้นทางแสวงบุญสำหรับชาวคริสเตียน เยือนจอร์แดน เพตรา และเข้าสู่ดินแดนแห่งพันธสัญญา

รับฟังเรื่องราวสถานที่ตามคำภัร์ไบเบิลและตามรอยพระเยซู

ทัวร์นี้เป็นแพคเกจทัวร์ที่สามารถจัดกลุ่มเดินทางได้ตั้งแต่จำนวน 2 ท่านขึ้นไป โดยท่านสามารถเดินทางได้ทุกวัน

ข้อควรรู้สำหรับทริปนี้

1. ทริปนี้เป็นทริปเส้นทางแสวงบุญสำหรับชาวคริสต์ ดังนั้นเส้นทางท่องเที่ยวและไกด์จะดำเนินไปตามเส้นทางตามรอยคัมภีร์หรือสถานที่ระบุไว้ในคัมภีร์ไบเบิล
2. ไม่ได้รวมอาหารเที่ยง และ อาหารเย็นไว้ เนื่องจากเป็นแพคเกจทัวร์ ขึ้นกับจำนวนเดินทางของท่าน
3. ไฟลต์บินจากกรุงเทพไปยังกรุงอัมมาน ประเทศจอร์แดน มีให้บริการทุกวัน ดังนั้นท่านสามารถเลือกวันและเวลาตามที่ท่านสะดวกได้
4. วีซ่าสำหรับเดินทางเข้าประเทศอิสราเอล (Israel Visa) สามารถขอจากที่อัมมาน ถ้าเป็นกลุ่มเดินทางที่มีสมาชิกไม่น้อยกว่า 10 ท่านขึ้นไป สำหรับกรณีที่สมาชิกน้อยกว่า 10 ท่าน ท่านจำเป็นต้องทำวีซ่าประเทศอิสราเอลจากประเทศไทยก่อนเดินทาง

แผนการเดินทาง

วันที่ 1 : กรุงเทพ – อัมมาน (Amman)

• 22:00 พร้อมกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ เคาน์เตอร์สายการบิน Qatar Airways

วันที่ 2 : อัมมาน (Amman) – เพตรา (Petra)

• 00.25 น. ออกเดินทางสู่ประเทศจอร์แดน ด้วยสายการบิน Royal Jordanian RJ 183 (ระยะเวลาบิน 8 ชั่วโมง 45 นาที)
• 05.10 น. เดินทางถึง ท่าอากาศยานนานาชาติ Queen Alia International Airport
• รับประทานอาหารเช้า
• หลังจากนั้นเดินทางสู่จังหวัด Wadi Musa
• ลิตเติ้ลเพตรา (Little Petra) ส่วนหนึ่งของอารยธรรม ชาวนาบาเทียน (Nabatean) ชนชาติผู้สร้างนครเพตรา รับฟังเรื่องราวของที่พักของอดีตกองทัพคาราวานที่มาอาศัยพื้นที่แห่งนี้เป็นโรงเตี๊ยมในสมัยโบราณก่อนที่จะเดินทางเข้าสู่นครเพตราในเวลาถัดมา
• รับประทานอาหารเที่ยง
• ชม พิพิธภัณฑ์เพตรา (Petra Museum) รับฟังเรื่องราวมหัศจรรย์ในการสร้างเพตรา เช่น เทคโนโลยีการกักเก็บน้ำในสมัยโบราณ
• เมือง วาดี มูซา (Wadi Musa) ศูนย์กลางการท่องเที่ยวนครเพตรา
• ที่พัก โรงแรม Edom Hotel
  

วันที่ 3 : เพตรา (Petra) – อัมมาน (Amman)

ครึ่งวันเช้า

• นครเพตรา (Petra) ที่ได้รับประกาศให้เป็นมรดกโลก และ เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก มหานครสีกุหลาบแกะสลักได้ถูกซ่อนตัวอย่างลึกลับใน หุบเขาวาดี มูซา (Wadi Musa) โดย ชาวนาบาเทียน (Nabatean) ได้สกัดผาหินทรายเป็นที่อยู่อาศัย และ นครแห่งนี้เคยเป็นนครแห่งการค้าขนาดใหญ่ ก่อนหายสาบสูญไปจากโลกกว่า 700 ปีจนถูกค้นพบอีกครั้งเมื่อปี คศ. 1812 โดยนักสำรวจชาวสวิสเซอร์แลนด์นายโจฮันน์ ลุดวิก เบิร์กฮาดท์ ที่นี่จึงมีชื่อหนึ่งว่า “นครที่สูญหายไป The Lost City”
• มหาวิหารศักดิ์สิทธิ์ เอลคาซเนท์ (Al Khazneh หรือ The Treasury) ไอคอนของเพตรา ลักษณะเป็นวิหารที่เจาะหน้าผาหินและแกะสลักความสูงถึง 40 เมตร ของภูเขาที่มีลักษณะเป็นภูเขาสีชมพูทั้งลูกโดดเด่นด้วยเอกลักษณ์ของสถาปัตยกรรมของอียิปต์และโรมัน
• รับประทานอาหารเที่ยง

ช่วงบ่าย

• ชม ป้อมปราการแห่ง Machaerus ที่ซึ่งยอห์นผู้ให้รับบัพติศมาถูกตัดศีรษะที่นี่
• เดินทางกลับสู่กรุงอัมมาน
• ที่พัก โรงแรม Lilac Amman Hotel

วันที่ 4 : ภูเขาเนโบ (Mount Nebo) – มาดาบา (Madaba) – เทลอาวีฟ (Tel Aviv)

• เริ่มต้นที่ เมืองมาดาบา (Madaba) ซึ่งเป็นเมืองมาเดบาในพระคัมภีร์ไบเบิล ซึ่งอยู่ห่างจากอัมมานไปทางใต้ 30 กิโลเมตร มาดาบาเป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดีจากภาพโมเสคไบแซนไทน์และอุมัยยะฮ์ และที่โบสถ์กรีกออร์โธดอกซ์แห่งเซนต์จอร์จ เราเห็นแผนที่โมเสกที่เก่าแก่ที่สุดที่ยังหลงเหลืออยู่ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์
• มาดาบา (Madaba) ศูนย์กลางที่ขึ้นชื่อเรื่องการทำโมเสกเป็นศิลปะการตกแต่งด้วยชิ้นแก้ว, หิน,หรือกระเบื้องชิ้นเล็กๆ
  • โบสถ์กรีก-ออโธดอกซ์แห่งเซนต์จอร์จ (Greek Orthodox Church of Antioch) ชมแผนที่อันศักดิ์สิทธิ์ของชาวเยรูซาเลมที่ตกแต่งโดยโมเสกสีต่างๆ จำนวนกว่า 2.3 ล้านชิ้น
• หลังจากนั้นเดินทางไปยัง ภูเขาเนโบ (Mount Nebo) เชื่อกันว่าน่าจะเป็นบริเวณที่เสียชีวิตและฝังศพของ “โมเสส” ผู้นำชาวยิวเดินทางจากประเทศอียิปต์มายังเยรูซาเลม มองเห็นทิวทัศน์อันตระการตาของหุบเขาจอร์แดนและทะเลเดดซี
• จากจุดชมวิว ศึกษาภาพพาโนรามาเมื่อเราอ่านพระคัมภีร์ของพระเจ้าแสดงให้โมเสสเห็น “ดินแดนแห่งคำสัญญา” ก่อนที่พระองค์จะทรงนำเขากลับบ้านสู่สวรรค์ เรามองไปทางเหนือของที่ราบโมอับ (Moab) ซึ่งเป็นบริเวณที่ชนเผ่าอิสราเอลตั้งค่ายก่อนข้ามแม่น้ำจอร์แดนและนึกภาพสถานที่ที่พระเยซูรับบัพติศมา
• ข้ามแม่น้ำจอร์แดนเดินทางข้ามสู่ประเทศอิสราเอล ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง
• เดินทางเข้าสู่เมืองหลวง กรุงเทลอาวีฟ (Tel Aviv) เมืองสมัยใหม่ที่เป็นศูนย์กลางของธุรกิจการค้า การเงิน อาหาร และที่พัก ซึ่งที่นี่มีวัฒนธรรมที่ผสมผสานกันหลากหลายประเทศและมีชีวิตที่ทันสมัยแบบตะวันตกเป็นส่วนใหญ่ ชมบรรยากาศอันสวยงามของชายทะเลเมดิเตอร์เรเนียนหรือเดินเลือกซื้อสินค้าแบรนด์เนมตามห้างดังๆในเมืองเทล อาวีฟ ใช้เวลาสักการะกับพระอาทิตย์ตกเหนือ “ทะเลใหญ่” เวลาสวดมนต์และขอบคุณสำหรับพรพิเศษข้างหน้าคำอธิษฐานเพื่อชาวแผ่นดินนี้
• พักที่ โรงแรม Sea Net Tel Aviv หรือเทียบเท่า

วันที่ 4 : เทลอาวีฟ (Tel Aviv) – เซซาเรีย (Caesarea) – ภูเขาคาร์เมล (Mt. Carmel) – นาซาเร็ธ (Nazareth)

• มุ่งหน้าไปทางทิศเหนือสู่ เซซาเรีย (Caesarea) เมืองชายฝั่งริมทะเลเมดิเตอร์เรเนียนที่สวยงามและมีความสำคัญเป็นอันดับ 3 ของรัฐอิสราเอล
• นำท่านชมเมืองท่าเก่าแก่โบราณสมัยโรมันชม สนามแข่งม้าฮิปโปโดรม ชมเสาหินโบราณโรมันและโรงละครโรมันกลางแจ้งมีการออกแบบตามแบบมาตรฐานโรมัน
• จากนั่นชม ท่อส่งน้ำที่มีอายุมากกว่า 2,000 ปี กษัตริย์เฮรอดมหาราชได้สั่งให้สร้างท่อระบายน้ำที่ไหลระหว่างมหาสมุทรและน้ำบาดาลในเมือง มีความยาวประมาณ 10 กิโลเมตร ช่วยให้ประชาชนสะดวกขึ้นและมีน้ำกินน้ำใช้ จนต่อมาเมื่อประชากรเริ่มขยายเพิ่มมากขึ้น จึงมีการปรับปรุงท่อระบายน้ำแห่งนี้ในศตวรรษที่ 2
• เยือน ภูเขาคาร์เมล (Mt. Carmel) ที่ซึ่งเอลียาห์ (Elijah) ท้าทายกษัตริย์อาหับ (King Ahab) และผู้เผยพระวจนะของพระบาอัล (Prophet of Baal)
• หลังจากนั้นเดินทางผ่าน หุบเขายิสเรล (Jezreel Valley) ไปยังเมกิดโด (Megiddo) สนามรบอาร์มาเก็ดดอน (Armageddon Battlefield) ที่ซึ่งนักโบราณคดีได้ค้นพบอารยธรรมที่ลึกลงไปใต้ดินถึง 20 ระดับชั้น เข้าสู่พื้นที่คานา (Cana) และนาซาเร็ธ (Nazareth) บ้านในวัยเด็กของพระเยซู
• เยี่ยมชม หมู่บ้านนาซาเร็ธ (Nazareth)
• พักที่ โรงแรม Astoria Galilee Hotel หรือเทียบเท่า

วันที่ 5 : แดน (Dan) – ซีซาเรีย ฟิลิปปี (Caesarea Philippi) – ทะเลกาลิลี (Sea of Galilee) – คาเปอร์นาอุม (Capernaum) – มักดาลา (Magdala)

• เดินทางไปยังสถานที่ทางเหนือที่มีความสำคัญมาก 2 แห่ง คือ
  • แดน (Dan) เป็นที่ที่ลูกหลานของอิสราเอลตกสู่ก้นบึ้งของการเสียสละทางเลือก
  • ซีซาเรีย ฟิลิปปี (Caesarea Philippi) ซึ่งเป็นสถานที่สารภาพบาปของเปโตร (Peter’s Confession) และสถานที่บูชาผู้นอกศาสนา (Pagan worship)
• เราผ่านจุดที่เป็นไปได้ของการทวีคูณของก้อนขนมปัง (loaves) และปลาในเบธไซดา (Bethsaida) และภูเขาแห่งความเป็นสุข (Mount of the Beatitudes)
• กลับมาที่ทะเลสาบไทบีเรียสเพื่อรับประทานอาหารเที่ยง
• เยี่ยมชมเรือประมงโบราณตามด้วยการล่องเรือผ่อนคลายในทะเลกาลิลี (Sea of Galilee) และร่วมอ่านพระคัมภีร์สั้นๆ และการให้ข้อคิดทางวิญญาณ
• เมืองคาเปอร์นาอุม (Capernaum) เราชมการขุดค้นของหมู่บ้านริมทะเลและบ้านของปีเตอร์ (Peter’s home)
• เยี่ยมชม มักดาลา (Magdala) บ้านเกิดของ แมรี มักดาลีน (Mary Magdalene) การขุดค้นพบโบสถ์ยิว (First Century Synagogue) ที่ก่อสร้างตั้งแต่ในสมัยศตวรรษที่ 1 ครั้งล่าสุดบวกกับหมู่บ้านที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดีทำให้มักดาลาเป็นสถานที่ในพระคัมภีร์ที่น่าสนใจที่สุดแห่งหนึ่งในอิสราเอล
• พักที่ โรงแรม Astoria Galilee Hotel หรือเทียบเท่า

วันที่ 6 : แม่น้ำจอร์แดน (Queser El Yehud) – ไซโทโพลิส (Scythopolis) – ทะเลสาบเดดซี (Dead Sea)

• เราเริ่มต้นวันใหม่ด้วยโอกาสที่จะรับบัพติศที่สถานที่ทำพิธีล้างบาปในแม่น้ำจอร์แดน
• เดินทางไปทางใต้สู่ เบทชาน (Beit-shan) หรือ ไซโทโพลิส (Scythopolis)  ซึ่งเป็นแหล่งโบราณคดีที่งดงามที่สุดในอิสราเอล ตั้งอยู่ที่จุดเชื่อมต่อทางยุทธศาสตร์ของหุบเขายิสเรลและหุบเขาจอร์แดน (Jezreel and Jordan valleys) เช่นเดียวกับเมืองเจริโค เมืองนี้ถูกยึดครองอย่างต่อเนื่องเกือบตลอดประวัติศาสตร์ หลังจาก พิชิตซาอูลและราชโอรส (Saul and his sons) บนภูเขากิลโบอา (Mt. Gilboa) แล้ว ชาวฟีลิสเตีย (Philistines) ก็ แขวนศพไว้ที่ผนังเบทชาน (Beit-Shean)
• ในช่วงระยะเวลาของพระเยซู เมืองเบทชาน (Beit-shan) ถูกเปลี่ยนชื่อเป็น “ไซโทโพลิส” (Scythopolis) นักโบราณคดีได้ค้นพบซากปรักหักพังของโรมัน/ไบแซนไทน์ไซโทโพลิสจำนวนมาก ในช่วงเวลาของพระเยซู ไซโทโพลิสเป็นหนึ่งในเมืองใหญ่ของ เดคาโพลิส (Decapolis) กลุ่มเมืองสิบเมืองที่แบ่งปันวัฒนธรรมและการปกครองของกรีก ตามหุบเขาจอร์แดนอันอุดมสมบูรณ์ทางใต้
• ไกด์ของชี้ให้เห็นถึงการฟื้นฟูทางการเกษตรของ “ดินแดนแห่งน้ำนมและน้ำผึ้ง” (Land of Milk and Honey) และการพัฒนาชลประทานที่ซับซ้อนของอิสราเอล
• เราผ่าน เมืองเยริโค (Jericho) ในเขตเวสต์แบงก์ ดินแดนปาเลสไตน์ ได้ชื่อว่าเป็นเมืองเก่าแก่ที่สุดในโลกที่มีประชากรอาศัยอยู่อย่างต่อเนื่อง ตั้งอยู่ในเขตเวสต์แบงก์ ใกล้กับแม่น้ำจอร์แดน ปัจจุบันเป็นบ้านของประชากรราว 20,000 คน อายุของเมืองนี้ราว 9,000 ปีก่อนคริสตกาล เมืองนี้มีชื่อเสียงว่าเก่าแก่ที่สุดในโลก
• เดินทางถึง แม่น้ำจอร์แดน (Queser El Yehud) ฝั่งอิสราเอลของ Bethany Beyond the Jordan ที่ซึ่งพระเยซูรับบัพติศมาโดย John the Baptist ที่ซึ่งเอลียาห์ (Elijah) และเอลีชา (Elisha) ข้ามแม่น้ำจอร์แดนรวมทั้งบริเวณที่ลูกหลานของอิสราเอลนำโดยโยชูวา (Joshua) เข้าไปในแผ่นดินตามคำสัญญา
• เดินทางสู่ ทะเลสาบเดดซี (Dead Sea) จุดที่ต่ำทีสุดในโลก มีความต่ำกว่าระดับน้ำทะเลถึง 400 เมตร และ มีความเค็มที่สุดในโลกมากกว่า 20 เปอร์เซนต์ของน้ำทะเลทั่วไป ทำให้ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดเลยอาศัยอยู่ได้ในท้องทะเลแห่งนี้ โดยสาเหตุของความเค็มเนื่องจากปริมาณน้ำได้ระเหยออกไปเรื่อยๆมาตั้งแต่โบราณกาลคงเหลือไว้แต่เกลือที่ยังอยู่ โดยทะเลสาบเดดซีเป็นส่วนหนึ่งของรอยแยกใหญ่ของแผ่นเปลือกโลกที่เรียกว่า African Great Rift ซึ่งในอนาคตทะเลสาบเดดซีจะเหลือเป็นเพียงประวัติศาสตร์ และพื้นที่ส่วนนี้จะแยกออกจากกันโดยมีน้ำทะเลมากั้นครับ
• พักที่ โรงแรม Holy Land Hotel หรือเทียบเท่า

วันที่ 7 : ป้อมปราการมาซาดา (Fortess of Masada) – ถ้ำ Qumran – เต็นท์ของอับราฮัม (Abraham’s Tent)

• นั่งกระเช้าลอยฟ้าไปยัง ป้อมปราการบนยอดเขามาซาดา (Fortess of Masada) สร้างระหว่างปี103-76 ก่อนคริสตกาล เดิมเป็นวังที่กษัตริย์เฮรอดสร้างไว้ เพื่อเป็นที่หลบภัยของตนเอง และครอบครัวต่อมาเมื่อโรมันกวาดล้างชาวยิวในกรุงเยรูซาเล็มในปี ค.ศ.73 ชาวยิวกลุ่มหนึ่งได้หลบหนีขึ้นไปซ่อนตัวอยู่ในป้อมแห่งนี้ประวัติศาสตร์ได้จารึกความกล้าหาญของชาวยิว 976 คนที่เลือกการตายมากกว่าที่จะยอมตกเป็นเชลยของกองทัพโรมัน
• หลังจากนั้นไปที่ Ein Gedi “Spring of the Goat” ซึ่งเป็นโอเอซิสบนชายฝั่งตะวันตกของทะเลเดดซี เนื่องจากสภาพอากาศที่อบอุ่นและแหล่งน้ำที่อุดมสมบูรณ์ สถานที่แห่งนี้จึงมีชื่อเสียงในด้านพืชที่มีกลิ่นหอมและสวนอินทผาลัม นี่คือที่ที่กษัตริย์ดาวิด (King David) ซ่อนตัวจากซาอูล (Saul) และเป็นที่ที่พระเจ้าเอาชนะศัตรูของชาวอิสราเอล (Israelites) ด้วยการสรรเสริญและการนมัสการที่นำโดยกษัตริย์เยโฮชาฟัท (King Jehoshaphat)
• เยี่ยมชม ถ้ำ Qumran ที่มีการค้นพบม้วนหนังสือเดดซี (Dead Sea Scrolls)
• เย็นนี้เราจะเข้าร่วมในดินแดนปฐมกาล (Genesis Land)
• อาหารค่ำใน เต็นท์ของอับราฮัม (Abraham’s Tent) ที่ซึ่งเราเพลิดเพลินกับการเดินทางย้อนเวลาnการหวนคิดถึงชีวิตในสมัยของพระบิดา พร้อมด้วยเครื่องแต่งกาย การนำเสนอที่น่าทึ่ง และอาหารต้นตำรับ
• ที่พัก โรงแรม Holy Land Hotel

วันที่ 8 : เมืองเก่าเยรูซาเลม (Jerusalem) – ภูเขาพระวิหาร (Temple Mount) – เบธเลเฮม (Bethlehem)

• เดินทางเข้าสู่ เมืองเก่าเยรูซาเล็ม (Old Jerusalem) เยี่ยมชม กำแพงร้องไห้ (Wailing Wall หรือ Western Wall) ซึ่งเชื่อกันว่า เป็นสถานที่ที่ใกล้ชิดกับพระเจ้ามากที่สุดในโลก และพระเจ้าจะคอยฟังคำขอของผู้ที่มาสวดอ้อนวอน ณ กำแพงแห่งนี้
• ผ่านชม โดมทอง (Dome of the Rock) ซึ่งเป็นอนุสรณ์สถานที่สำคัญของชาวมุสลิม มีรูปทรงแปดเหลี่ยม และตั้งอยู่โดดเด่นเป็นสัญลักษณ์ของกรุงเยรูซาเล็ม (ในส่วนอนุสรณ์สถานไม่อนุญาตผู้ที่ไม่ได้นับถือศาสนามุสลิมเข้าด้านในรวมถึงบริเวณรอบๆมัสยิดอัลอักซอ)
• ไปยัง ห้องพิพากษาของปีลาต (Judgment Hall of Pilate) ได้ยินเกี่ยวกับผู้ที่สมคบคิดต่อต้านพระองค์ และระลึกถึงการเฆี่ยนตีอย่างทารุณและความอัปยศอดสูของพระองค์ จากที่นี่ เราจะสามารถเห็นสระน้ำเบเทสดา ประตูสตีเฟน และโบสถ์เซนต์แอน (Pool of Bethesda, Stephen’s Gate and St. Ann’s Church)
• ชม Southern Wall Excavations ด้านใต้ของพระวิหารนี้เป็นทางเข้าหลักของคนทั่วไป ในขณะที่นักบวชและชาวเลวีมีทางเข้าของตนเองจากด้านตะวันออกที่ บางส่วนของบันไดยักษ์ซึ่งนำไปสู่วิหารศักดิ์ศิษย์ได้ถูกค้นพบพร้อมกับสระน้ำบริสุทธิ์ จากที่นี่พระเยซูเสด็จเข้าไปในภูเขาพระวิหาร (Temple Mount) และขับไล่พ่อค้าแม่ค้าและคนแลกเงินที่เอาเปรียบประชาชนออกไป มีแนวโน้มว่าที่นี่จะเป็นสถานที่ที่เปโตรยืนและเทศนา และเป็นที่ซึ่งคนหลายพันคนได้รับความรอดและรับบัพติศมาในวันเพ็นเทคอสต์ (Day of Pentecost)
• เดินทางสู่ เมืองเบธเลเฮม (Bethlehem) โดยเราจะผ่านด่านเข้าสู่ดินแดนของปาเลสไตน์ เบธเลเฮมเป็นสถานที่ประสูติของพระเยซู ซึ่งตามพระคัมภีร์กล่าวว่าพระเยซูประสูติในรางหญ้าภายในถ้ำ ซึ่งปัจจุบันมีโบสถ์สร้างคร่อมไว้คือ Church of Nativity เป็นโบสถ์ที่เก่าแก่และศักดิ์สิทธิ์ที่สุดแห่งหนึ่ง บริเวณติดกันมีโบสถ์ถึง 3 นิกายคือ ออร์โธดอกซ์ คาธอลิกและอาร์เมเนียน ในวันคริสต์มาสการประกอบพิธีซึ่งชาวคริสต์ทั่วโลกจะคอยเฝ้าชมการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ที่กระทำโบสถ์แห่งนี้
• ที่พัก โรงแรม Holy Land Hotel

วันที่ 9 : เยรูซาเลม (Jerusalem) – เวีย โดโลโรซา (Via Dolorosa)

• เราเดินไปตามทางที่พระเยซูทรงดำเนิน เริ่มต้นวันด้วยทัศนียภาพแบบพาโนรามาของเมือง ภูเขาโมไรอาห์ (Mount Moriah) และ โดมออฟเดอะร็อค (Dome of the Rock) จากบน เนินเขามะกอก (Mount of Olives) และ สวนเกทเสมนี (Garden of Gethsemane)
• เดินผ่านช่องทางระหว่างต้นมะกอกโบราณ พร้อมกับอ่านพระคัมภีร์คำอธิษฐานของพระเยซูและใช้เวลาไตร่ตรองส่วนตัวเป็นสิ่งสำคัญที่นี่ เมื่อผ่านสุสานโปรเตสแตนต์ (Protestant Cemetery) เราไปที่ “ห้องชั้นบน” (Upper Room) ด้านนอกประตูไซอัน (Zion Gate) ที่ซึ่งสาวกที่พระเยซูทรงรักเอาศีรษะวางบนอกของพระองค์ และต่อมาโธมัสก็ร้องว่า “พระเจ้าของฉันและพระเจ้าของฉัน”
• เดินไปตามถนน เวีย โดโลโรซา (Via Dolorosa) เราได้รับการเตือนถึงวิถีแห่งความทุกข์ทรมานของพระองค์พร้อมกับการไปเยือนโบสถ์แห่งสุสานศักดิ์สิทธิ์ (Church of the Holy Sepulcher) ไกด์ของเราจะอธิบายความคิดเห็นที่แตกต่างกันเกี่ยวกับเส้นทางที่พระคริสต์ทรงนำและสถานที่จริงของการตรึงกางเขนและการฝังศพนั้นเป็นการศึกษาที่น่าสนใจมาก
• จุดศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของวันนี้คือพื้นที่ของยอดเขากลโกธา (Golgotha) และ สุสานในสวน (Garden Tomb) ซึ่งเราเฉลิมฉลองการฟื้นคืนพระชนม์ด้วยการมีส่วนร่วมและช่วงเวลาแห่งการสรรเสริญ
• ที่พัก โรงแรม Holy Land Hotel

วันที่ 10 : เยรูซาเลม (Jerusalem) – อัมมาน (Amman)

• ออกเดินทางจากเมืองเยรูซาเลม ข้ามประเทศกลับสู่ประเทศจอร์แดน
• กรุงอัมมาน (Amman) เมืองหลวงของประเทศจอร์แดน โดยกรุงอัมมานมีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 6,000 ปี
  • ป้อมปราการแห่งกรุงอัมมาน (Amman Citadel) ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นจุดสังเกตเหตุบ้าน การเมืองต่าง ๆรอบเมือง
  • โรงละครโรมัน (Roman Theater) อีกไฮไลท์หนึ่งของเมืองอัมมานโรงละครที่มีความเก่าแก่สมัยโรมันตั้งอยู่ใจกลางเมืองอัมมาน
• เย็น ให้ท่านได้ท่องเที่ยวอย่างอิสระภายในเขตเมืองอัมมานใหม่ (Amman Boulevard)
• 20.00 น. นำท่านเดินทางสู่ สนามบิน Queen Alia International Airport เพื่อเดินทางกลับสู่ประเทศไทย

วันที่ 11 : อัมมาน (Amman) – กรุงเทพ

• 01.15 น. ออกเดินทางกลับสู่กรุงเทพมหานคร โดยสายการบิน Royal Jordanian RJ 182 (ระยะเวลาบิน 9 ชั่วโมง)
• 15.15 น. เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิโดยสวัสดิภาพ

ราคาแพคเกจ