วันคริสต์มาส เป็นเทศกาลแห่งความสุข และ การเฉลิมฉลองที่เต็มไปด้วยประเพณีที่แตกต่างกันไปในแต่ละประเทศทั่วโลก แม้ว่าเทศกาลนี้จะมีรากฐานมาจากศาสนาคริสต์ แต่การเฉลิมฉลองและวิธีการต้อนรับเทศกาลนี้ก็มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่สะท้อนถึงวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของแต่ละท้องถิ่น บางประเทศอาจจะมุ่งเน้นไปที่การตกแต่งบ้านอย่างอลังการ ขณะที่บางประเทศอาจเน้นที่การรวมตัวของครอบครัวและชุมชน หรือจัดขบวนแห่ที่เกี่ยวข้องกับความเชื่อและประเพณีทางศาสนา บทความนี้จะพาไปสำรวจ 7 ธรรมเนียมวันคริสต์มาสจากทั่วโลก ซึ่งแต่ละประเทศฉลองคริสต์มาสกันอย่างไร และมีประเพณีอะไรที่น่าสนใจบ้าง
- 1. คริสต์มาสในสหรัฐอเมริกา ซานตาคลอสและการตกแต่งบ้าน
- 2. คริสต์มาสในอังกฤษ การแต่งตัวเป็นคริสต์มาสแครกเกอร์
- 3. คริสต์มาสในเยอรมนี ตลาดคริสต์มาสและปฏิทินอัดเวนต์
- 4. คริสต์มาสในฟิลิปปินส์ เทศกาลคริสต์มาสที่ยาวที่สุด
- 5. คริสต์มาสในเม็กซิโก การจัดขบวน Posadas
- 6. คริสต์มาสในสวีเดน วันซานตา ลูเซีย
- 7. คริสต์มาสในอิตาลี การทำขนม Panettone
- สรุป
1. คริสต์มาสในสหรัฐอเมริกา ซานตาคลอสและการตกแต่งบ้าน
ในสหรัฐอเมริกา วันคริสต์มาสเป็นช่วงเวลาที่ผู้คนเฉลิมฉลองอย่างเต็มที่ ตั้งแต่วันที่ 24 ธันวาคม (คริสต์มาสอีฟ) ไปจนถึงวันที่ 25 ธันวาคม (คริสต์มาส) สิ่งหนึ่งที่โดดเด่นในเทศกาลนี้คือ ซานตาคลอส (Santa Claus) ซึ่งเป็นตัวแทนของความสุขและความประทับใจสำหรับเด็ก ๆ ทั่วประเทศ ซานตาคลอสในสหรัฐอเมริกาถือว่าเป็นบุคคลที่มีบทบาทสำคัญ โดยมีภาพลักษณ์ของชายแก่ใจดีในชุดแดงขี่เลื่อนที่ลากโดยกวางเรนเดียร์ และเข้าไปมอบของขวัญให้เด็ก ๆ ทางปล่องไฟในช่วงกลางคืนของคริสต์มาสอีฟ
นอกจากซานตาคลอสแล้ว ชาวอเมริกันยังนิยม ตกแต่งบ้านและสวนด้วยไฟคริสต์มาส ที่สดใสและสีสันหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการประดับต้นคริสต์มาสในบ้าน หรือการติดตั้งไฟและของประดับนอกบ้าน เช่น รูปซานตาคลอส กวางเรนเดียร์ และตุ๊กตาหิมะ บ้านหลายหลังยังจัดต้นคริสต์มาสภายในบ้าน ซึ่งประดับด้วยของประดับหลากหลายสี ลูกบอลคริสต์มาส สายรุ้ง และไฟสวยงาม
การฉลองคริสต์มาสในสหรัฐอเมริกาไม่เพียงแต่เป็นการมอบของขวัญให้กัน แต่ยังมีการจัดงานเลี้ยงที่ครอบครัวจะรวมตัวกันเพื่อรับประทานอาหารค่ำมื้อใหญ่ ซึ่งเมนูหลักที่มักจะเห็นคือ ไก่งวงอบ ที่เสิร์ฟพร้อมกับมันฝรั่งบด น้ำเกรวี่ ขนมปัง ขนมหวานหลากหลาย เช่น พายแอปเปิ้ลและพายฟักทอง ถือเป็นมื้อพิเศษที่สื่อถึงความอบอุ่นและการอยู่ร่วมกันของครอบครัว
2. คริสต์มาสในอังกฤษ การแต่งตัวเป็นคริสต์มาสแครกเกอร์
การเฉลิมฉลองคริสต์มาสในอังกฤษมีหลายสิ่งที่คล้ายคลึงกับสหรัฐอเมริกา แต่หนึ่งในประเพณีที่โดดเด่นที่สุดคือ Christmas Crackers ซึ่งเป็นกระบอกกระดาษรูปทรงยาวที่มักจะถูกเปิดออกในระหว่างมื้ออาหารคริสต์มาส โดยภายในจะมีของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น ของเล่น หรือหมวกกระดาษสีสันสดใส ซึ่งผู้คนมักจะนำมาสวมใส่ในขณะที่รับประทานอาหาร เพื่อเพิ่มบรรยากาศความสนุกสนาน
นอกจาก Christmas Crackers แล้ว ในวันคริสต์มาส เช้าของวันที่ 25 ธันวาคม ครอบครัวในอังกฤษจะตื่นเช้าเพื่อมาเปิดของขวัญกันรอบต้นคริสต์มาส การให้ของขวัญเป็นสิ่งสำคัญในประเพณีของอังกฤษ ซึ่งผู้คนมักจะเตรียมของขวัญเล็ก ๆ สำหรับเพื่อนและครอบครัว เพื่อแสดงความรักและความห่วงใย การเปิดของขวัญเป็นช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยความสุข โดยเฉพาะสำหรับเด็ก ๆ ที่รอคอยของขวัญจากซานตาคลอส
อาหารค่ำคริสต์มาสของชาวอังกฤษยังเน้นไปที่การรับประทาน ไก่งวงย่าง เสิร์ฟพร้อมกับมันฝรั่งอบ พายแคร็กเกอร์ (Sausage Rolls) และของหวานที่ไม่อาจขาดได้คือ พุดดิ้งคริสต์มาส ซึ่งทำจากผลไม้แห้ง ถั่ว และเครื่องเทศที่หอมหวาน มักจะถูกจุดไฟเมื่อเสิร์ฟเพื่อเพิ่มความพิเศษให้กับเทศกาลนี้ พุดดิ้งคริสต์มาสนี้เป็นสูตรที่มีมาตั้งแต่ยุควิคตอเรียและถือเป็นของหวานประจำเทศกาลที่สืบทอดมาอย่างยาวนาน
3. คริสต์มาสในเยอรมนี ตลาดคริสต์มาสและปฏิทินอัดเวนต์
เยอรมนีเป็นอีกหนึ่งประเทศที่มีการฉลองคริสต์มาสอย่างอลังการ โดยธรรมเนียมที่โดดเด่นที่สุดคือ ตลาดคริสต์มาส หรือ “Weihnachtsmarkt” ที่จัดขึ้นทั่วประเทศ ตลาดคริสต์มาสของเยอรมนีถือเป็นหนึ่งในงานเทศกาลที่เก่าแก่และมีชื่อเสียงที่สุดในยุโรป ซึ่งมีประวัติยาวนานตั้งแต่ยุคกลาง ตลาดคริสต์มาสเหล่านี้มีร้านค้ามากมายที่ขายของขวัญทำมือ ตุ๊กตา ของประดับต้นคริสต์มาส และอาหารท้องถิ่น เช่น ขนมปังขิง (Lebkuchen) และไวน์ร้อน (Glühwein) ที่ช่วยเพิ่มความอบอุ่นในช่วงหน้าหนาว
นอกจากนี้ เด็ก ๆ ในเยอรมนียังตื่นเต้นกับ ปฏิทินอัดเวนต์ (Advent Calendar) ซึ่งเป็นปฏิทินที่เริ่มต้นในวันที่ 1 ธันวาคม จนถึงวันคริสต์มาส ปฏิทินนี้มีช่อง 24 ช่องที่เด็ก ๆ สามารถเปิดได้วันละหนึ่งช่อง เพื่อพบกับของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น ช็อกโกแลตหรือของเล่น การเปิดปฏิทินอัดเวนต์เป็นประเพณีที่สร้างความตื่นเต้นและเพิ่มความสนุกสนานให้กับช่วงเวลารอคอยวันคริสต์มาส
นอกจากนี้ ครอบครัวในเยอรมนียังเฉลิมฉลองด้วยการตกแต่งบ้านด้วย พวงมาลัยอัดเวนต์ (Advent Wreath) ซึ่งเป็นพวงดอกไม้ที่ประดับด้วยเทียน 4 เล่ม ที่จะถูกจุดทุกวันอาทิตย์ในเดือนธันวาคมเพื่อเตรียมรับวันคริสต์มาส อีกทั้งยังมีการจัดทำ ต้นคริสต์มาส (Tannenbaum) ที่ประดับประดาด้วยไฟและลูกบอลคริสต์มาสตามแบบฉบับของเยอรมัน
4. คริสต์มาสในฟิลิปปินส์ เทศกาลคริสต์มาสที่ยาวที่สุด
ฟิลิปปินส์ถือเป็นประเทศที่มีการเฉลิมฉลองคริสต์มาสยาวนานที่สุดในโลก เริ่มต้นตั้งแต่เดือนกันยายนไปจนถึงต้นเดือนมกราคม ช่วงเวลาที่ผู้คนเตรียมความพร้อมด้วยการตกแต่งบ้านด้วย โคมไฟคริสต์มาส หรือที่เรียกว่า Parol ซึ่งเป็นโคมไฟรูปดาวที่สื่อถึงการมาของพระเยซูและใช้เป็นสัญลักษณ์สำคัญของเทศกาลนี้
ในช่วงเทศกาลคริสต์มาส ฟิลิปปินส์จะมีการจัดกิจกรรมทางศาสนาที่เรียกว่า Simbang Gabi ซึ่งเป็นการเข้าร่วมมิสซาที่จัดขึ้นในช่วง 9 วันก่อนถึงวันคริสต์มาส ถือเป็นการเตรียมจิตใจและการขอบคุณสำหรับพระเจ้า การเฉลิมฉลองยังมีบรรยากาศของการรวมตัวของครอบครัวและชุมชน โดยหลังจากเข้าร่วมมิสซาแล้ว ครอบครัวมักจะร่วมรับประทานอาหารด้วยกัน ซึ่งมักจะมีเมนูพื้นบ้านที่เรียกว่า Noche Buena เป็นมื้ออาหารพิเศษในคืนก่อนวันคริสต์มาส
เมนูในเทศกาลคริสต์มาสของฟิลิปปินส์มีหลากหลาย แต่ที่โดดเด่นคือ แฮมคริสต์มาส (Hamón), Queso de Bola (ชีสทรงกลม), และ ขนมปัง Pandesal ซึ่งเป็นขนมปังนุ่มๆ ที่มักจะเสิร์ฟคู่กับช็อกโกแลตร้อน ถือเป็นเมนูที่สร้างบรรยากาศอบอุ่นให้กับการเฉลิมฉลอง
5. คริสต์มาสในเม็กซิโก การจัดขบวน Posadas
ในเม็กซิโก การฉลองคริสต์มาสเริ่มตั้งแต่วันที่ 16 ธันวาคมไปจนถึงวันที่ 24 ธันวาคม โดยมีประเพณีสำคัญที่เรียกว่า Posadas ซึ่งเป็นการจัดขบวนเดินเพื่อจำลองเรื่องราวการเดินทางของโยเซฟและมารีย์ที่พยายามหาที่พักก่อนจะกำเนิดพระเยซูในเมืองเบธเลเฮม ขบวนนี้จะเดินผ่านบ้านเรือนต่าง ๆ โดยร้องเพลงเพื่อขอที่พัก ซึ่งเป็นการสร้างบรรยากาศของการต้อนรับและความอบอุ่นในชุมชน
ในช่วงที่มีการเฉลิมฉลองคริสต์มาสในเม็กซิโก ครอบครัวจะมีการทำอาหารพิเศษ เช่น ทามาเล่ (Tamales) อาหารที่ทำจากแป้งข้าวโพดห่อด้วยใบตองหรือใบข้าวโพดและยัดไส้ด้วยเนื้อสัตว์หรือพริก การเฉลิมฉลองยังมีกิจกรรมสนุกสนานสำหรับเด็ก ๆ ที่นิยมทำกันคือ การตีปิญญาตา (Piñata) ซึ่งเป็นตุ๊กตากระดาษที่ใส่ลูกอมและของขวัญไว้ข้างใน เมื่อเด็ก ๆ ตีปิญญาตาจนแตก ลูกอมและของขวัญจะหล่นลงมา ทำให้กิจกรรมนี้เป็นที่รอคอยของเด็ก ๆ ในทุก ๆ ปี
นอกจากนี้ ในคืนวันที่ 24 ธันวาคม (Nochebuena) ครอบครัวในเม็กซิโกจะเข้าร่วมมิสซาเพื่อเฉลิมฉลองการประสูติของพระเยซู และหลังจากนั้นก็จะรวมตัวกันที่บ้านเพื่อรับประทานอาหารค่ำคริสต์มาส ซึ่งเป็นมื้อพิเศษที่เต็มไปด้วยอาหารอร่อยและบรรยากาศที่อบอุ่น
6. คริสต์มาสในสวีเดน วันซานตา ลูเซีย
การฉลองคริสต์มาสในสวีเดนเริ่มต้นอย่างเป็นทางการในวันที่ 13 ธันวาคม ซึ่งเป็น วันซานตา ลูเซีย (St. Lucia’s Day) เพื่อเฉลิมฉลองนักบุญลูเซีย สัญลักษณ์ของแสงสว่างและความหวังในช่วงฤดูหนาวที่หนาวเย็นและยาวนานของสวีเดน วันซานตา ลูเซียเป็นวันที่มีขบวนแห่ของเด็กหญิงที่แต่งกายเป็นซานตา ลูเซีย โดยเด็กหญิงที่เป็นหัวหน้าขบวนจะสวมมงกุฎที่ประดับด้วยเทียน (มักเป็นเทียนไฟฟ้าเพื่อความปลอดภัย) และนำขบวนร้องเพลงแสดงความยินดี ซึ่งขบวนนี้จะจัดขึ้นในโรงเรียน โบสถ์ และที่สาธารณะทั่วประเทศ
หลังจากนั้น ในช่วงวันคริสต์มาส ครอบครัวชาวสวีเดนจะจัดงานเลี้ยงอาหารค่ำที่เรียกว่า Julbord ซึ่งเป็นบุฟเฟต์อาหารที่ประกอบด้วยเมนูหลากหลาย เช่น ปลาแซลมอนรมควัน แฮมคริสต์มาส มันฝรั่งอบ และขนมปังขิง (Pepparkakor) เป็นของหวาน นอกจากนี้ ยังมีเครื่องดื่มท้องถิ่นอย่าง Glögg ซึ่งเป็นไวน์ร้อนที่มักจะดื่มในช่วงหน้าหนาวเพื่อให้ความอบอุ่น
ในสวีเดน คริสต์มาสไม่ใช่แค่การเฉลิมฉลองทางศาสนา แต่ยังเป็นการรวมตัวของครอบครัวและเพื่อนฝูงเพื่อแบ่งปันความสุขและความอบอุ่น ซึ่งถือเป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดของปี
7. คริสต์มาสในอิตาลี การทำขนม Panettone
ในประเทศอิตาลี คริสต์มาสเป็นเทศกาลที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นและการรวมตัวของครอบครัว การเตรียมขนม Panettone ซึ่งเป็นขนมปังหวานใส่ผลไม้แห้งและลูกเกด ถือเป็นหนึ่งในประเพณีที่สำคัญในช่วงคริสต์มาส Panettone เป็นขนมที่มีประวัติยาวนานและได้รับความนิยมทั่วประเทศ ซึ่งมักจะถูกนำมาใช้เป็นของขวัญให้กับเพื่อนและครอบครัวในช่วงเทศกาลนี้
การเฉลิมฉลองคริสต์มาสในอิตาลีเริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 8 ธันวาคม ซึ่งเป็นวันสมโภชพระนางมารีย์ปฏิสนธินิรมล (Immaculate Conception) และดำเนินต่อเนื่องไปจนถึงวันที่ 6 มกราคม ซึ่งเป็นวันเฉลิมฉลองวันพระคริสต์แสดงองค์ (Epiphany) โดยในช่วงเวลานี้ ครอบครัวจะเข้าร่วมการนมัสการในโบสถ์เพื่อเฉลิมฉลองการประสูติของพระเยซู
ในคืนวันที่ 24 ธันวาคม ครอบครัวชาวอิตาเลียนจะจัด La Vigilia di Natale ซึ่งเป็นมื้อค่ำพิเศษที่มักจะประกอบด้วยปลา เช่น ปลาคอดอบหรือปลาหมึก และในวันคริสต์มาส วันที่ 25 ธันวาคม ครอบครัวจะแลกเปลี่ยนของขวัญและร่วมรับประทานมื้ออาหารใหญ่ที่เต็มไปด้วยเมนูพิเศษ เช่น พาสต้าและขนมปังต่าง ๆ
สรุป
เทศกาลคริสต์มาสอาจมีจุดกำเนิดจากประเพณีทางศาสนา แต่การเฉลิมฉลองของแต่ละประเทศทั่วโลกมีเอกลักษณ์และความหลากหลายที่น่าประทับใจ ทั้งในแง่ของอาหาร การจัดงานขบวนแห่ หรือการตกแต่งที่มีเสน่ห์เฉพาะตัว การเรียนรู้เกี่ยวกับธรรมเนียมวันคริสต์มาสจากประเทศต่าง ๆ ทำให้เราเห็นถึงความสำคัญของการร่วมแบ่งปันความสุขและความอบอุ่นในช่วงเวลาพิเศษนี้
ชมบทความท่องเที่ยวอื่นๆได้ที่นี้