ศุกร์ 13 หรือ “Friday the 13th” เป็นหนึ่งในวันแห่งโชคร้ายที่ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวางทั้งในวัฒนธรรมตะวันตกและในภาพยนตร์ยอดนิยมหลายเรื่อง แต่คำถามคือ วันศุกร์ที่ 13 นั้นเป็นเพียงตำนานหรือจริงๆ แล้วมันมีความหมายอะไรที่ลึกซึ้งกว่านั้น? ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปสำรวจต้นกำเนิดของความเชื่อเกี่ยวกับศุกร์ที่ 13 และค้นหาว่ามันเป็นเพียงเรื่องราวที่ถูกขยายความเกินจริง หรือว่ามีความจริงอยู่เบื้องหลัง
ต้นกำเนิดของ ศุกร์ 13
ความเชื่อเกี่ยวกับวันศุกร์ที่ 13 เป็นเรื่องที่ซับซ้อนและมีต้นกำเนิดมาจากหลายวัฒนธรรม ตำนานและความเชื่อเกี่ยวกับเลข 13 และวันศุกร์เป็นสิ่งที่ถูกแยกออกมาก่อนจะถูกผนวกเข้าด้วยกันในภายหลัง เพื่อให้เข้าใจได้ดียิ่งขึ้น เราจึงต้องพิจารณาที่มาของทั้งสองอย่างนี้
- เลข 13 กับความโชคร้าย
เลข 13 เป็นที่รู้จักในหลายวัฒนธรรมว่าเป็นเลขที่ไม่ดีหรือนำโชคร้าย ในตะวันตก ตัวเลขนี้ถูกมองว่าเป็นตัวแทนของความไม่สมบูรณ์ เลข 12 ถือเป็นเลขที่แสดงถึงความสมบูรณ์แบบและความสมดุล เช่น 12 เดือนในปี หรือ 12 ราศี ดังนั้น เลข 13 ซึ่งมากกว่าเลข 12 หนึ่งตำแหน่ง จึงถูกมองว่าเป็นการก้าวข้ามขอบเขตของความสมบูรณ์สู่สิ่งที่ผิดปกติ - วันศุกร์ กับความโชคร้าย
สำหรับวันศุกร์ หลายวัฒนธรรมในยุโรปมองว่าวันศุกร์เป็นวันที่ไม่เหมาะสมสำหรับการเริ่มต้นงานหรือการทำธุรกิจ ในทางศาสนาคริสต์ วันศุกร์เป็นวันที่พระเยซูถูกตรึงบนไม้กางเขน ซึ่งถือว่าเป็นเหตุการณ์ที่โศกเศร้าและเป็นวันแห่งความทุกข์ทรมาน ดังนั้นวันศุกร์จึงมีความหมายที่เป็นลบในแง่ของความเชื่อทางศาสนา
เมื่อทั้งเลข 13 และวันศุกร์มารวมกัน จึงกลายเป็นความเชื่อที่สร้างความหวาดกลัวว่า วันศุกร์ที่ 13 เป็นวันที่จะนำพาโชคร้ายมาอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
ตำนานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นใน ศุกร์ 13
มีเรื่องราวและเหตุการณ์หลายอย่างที่ถูกอ้างถึงว่ามีความเกี่ยวข้องกับวันศุกร์ที่ 13 โดยเฉพาะเหตุการณ์ที่ถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ ตำนานเหล่านี้บางส่วนถูกสร้างขึ้นเพื่อเสริมสร้างความเชื่อในโชคร้ายที่มาพร้อมกับวันนี้
- การจับกุมของเหล่าอัศวินเทมพลาร์ (Knights Templar)
หนึ่งในเหตุการณ์สำคัญที่ถูกเชื่อมโยงกับวันศุกร์ที่ 13 คือการจับกุมและทำลายล้างเหล่าอัศวินเทมพลาร์ในปี ค.ศ. 1307 กษัตริย์ฟิลิปที่ 4 แห่งฝรั่งเศสได้สั่งการให้จับกุมอัศวินเทมพลาร์ทั้งหมดในวันศุกร์ที่ 13 ตุลาคม ด้วยข้อหาว่าพวกเขามีความเชื่อผิดศาสนาและมีการกระทำที่ผิดศีลธรรม แม้ว่าเหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นจริง แต่บางคนเชื่อว่านี่เป็นเพียงหนึ่งในความพยายามของฝ่ายกษัตริย์ที่จะล้างผลาญองค์กรอัศวินที่มีอำนาจมากเกินไป - โศกนาฏกรรมและเหตุการณ์ในยุคปัจจุบัน
มีหลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันศุกร์ที่ 13 ซึ่งถูกอ้างถึงว่าเป็นตัวอย่างของโชคร้าย ตัวอย่างเช่น ในปี ค.ศ. 1972 เที่ยวบินของกองทัพอุรุกวัยตกในเทือกเขาแอนดีสในวันศุกร์ที่ 13 ซึ่งกลายเป็นเหตุการณ์ที่มีผู้รอดชีวิตต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ยากลำบากจนต้องกินศพเพื่อนของตนเองเพื่อความอยู่รอด แม้ว่าจะไม่มีหลักฐานว่าการตกของเครื่องบินนี้เกี่ยวข้องกับโชคร้าย แต่เหตุการณ์ในวันศุกร์ที่ 13 ยังคงเป็นที่พูดถึงและเชื่อมโยงกับความเชื่อเหล่านี้
ความเชื่อเกี่ยวกับวันศุกร์ที่ 13 ที่เเต่ต่างในหลายประเทศ
แม้ว่าความเชื่อเกี่ยวกับวันศุกร์ที่ 13 จะได้รับการพูดถึงอย่างมากในวัฒนธรรมตะวันตก แต่ก็มีบางประเทศที่มีมุมมองและความเชื่อแตกต่างกันไป ตัวอย่างเช่น
ญี่ปุ่น
ในวัฒนธรรมญี่ปุ่น เลขที่ถือว่าโชคร้ายคือ เลข 4 และ เลข 9 โดยเลข 4 ออกเสียงคล้ายกับคำว่า “ตาย” (死) และเลข 9 ออกเสียงคล้ายคำว่า “ทุกข์” (苦) ทำให้ในหลายๆ สถานที่ในญี่ปุ่นจะไม่มีห้องเลข 4 หรือ 9 หรือหลีกเลี่ยงการใช้ตัวเลขเหล่านี้ในเรื่องสำคัญ เช่น การตั้งเลขที่ห้องพักในโรงแรม หรือการจัดการงานพิธีสำคัญ
สเปน และประเทศในแถบละตินอเมริกา
ในประเทศเหล่านี้ ความเชื่อเรื่องวันโชคร้ายไม่ได้ตกที่วันศุกร์ที่ 13 แต่กลับเป็น วันอังคารที่ 13 (Martes 13) โดยมีสุภาษิตในภาษาสเปนว่า “En martes, ni te cases, ni te embarques, ni de tu casa te apartes” ซึ่งหมายถึง “อย่าแต่งงาน อย่าลงเรือ หรือออกจากบ้านในวันอังคาร” วันอังคารในที่นี้เชื่อมโยงกับเทพเจ้าแห่งสงคราม ‘มาร์ส’ (Mars) ซึ่งถือว่าเป็นตัวแทนของความรุนแรงและการต่อสู้
อิตาลี
ในอิตาลี ความเชื่อในเลข 13 กลับตรงข้ามกับหลายวัฒนธรรมที่มองว่าเลข 13 เป็นโชคร้าย คนอิตาลีมองว่าเลข 13 เป็นเลขนำโชค อย่างไรก็ตาม เลขที่พวกเขาถือว่าเป็นโชคร้ายจริงๆ คือ เลข 17 ซึ่งในโรมันโบราณ เลข 17 สามารถสลับตัวอักษรในภาษาละตินได้เป็น “VIXI” ซึ่งหมายถึง “ฉันเคยมีชีวิตอยู่” (เป็นสัญลักษณ์ของความตาย) ดังนั้นในวันศุกร์ที่ตรงกับเลข 17 จะเป็นวันที่ชาวอิตาลีเชื่อว่าโชคร้าย
วิธีจัดการความกลัววันศุกร์ที่ 13
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่รู้สึกกังวลในวันศุกร์ที่ 13 มีหลายวิธีที่สามารถช่วยลดความเครียดและความกลัวที่เกี่ยวข้องกับวันโชคร้ายนี้ได้ โดยอาจเป็นการใช้แนวคิดเชิงบวกหรือการเสริมสร้างความมั่นใจด้วยวิธีการต่อไปนี้
ใช้เทคนิคการผ่อนคลาย
การฝึกการหายใจลึก การทำสมาธิ หรือการออกกำลังกายสามารถช่วยลดความกังวลได้ หากคุณรู้สึกว่าความกลัวต่อวันศุกร์ที่ 13 กำลังครอบงำจิตใจ การหาวิธีผ่อนคลายตัวเองก็จะช่วยให้คุณสามารถเผชิญหน้ากับความกลัวได้อย่างมีสติ
เปลี่ยนมุมมองต่อวันศุกร์ที่ 13
แทนที่จะมองวันศุกร์ที่ 13 เป็นวันโชคร้าย คุณอาจมองมันเป็นโอกาสที่ดีในการทบทวนเป้าหมาย การตั้งเป้าหมายใหม่ หรือการทำสิ่งที่คุณตั้งใจมานานแต่ยังไม่ได้เริ่ม การเปลี่ยนมุมมองเชิงลบเป็นบวกสามารถช่วยให้คุณมีกำลังใจและไม่ถูกครอบงำโดยความกลัว
ค้นหาข้อมูลและทำความเข้าใจกับความเชื่อ
การเข้าใจที่มาของความเชื่อเกี่ยวกับวันศุกร์ที่ 13 ผ่านการศึกษาและค้นคว้าข้อมูลสามารถช่วยลดความกลัวได้ เมื่อคุณรู้ว่าความเชื่อนี้อาจไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่ชัดเจน คุณอาจรู้สึกมั่นใจมากขึ้นในการใช้ชีวิตในวันศุกร์ที่ 13 เหมือนวันธรรมดาอื่นๆ
วันศุกร์ที่ 13 เพียงตำนานหรือเรื่องจริง?
จากการศึกษาประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม พบว่าความเชื่อเกี่ยวกับวันศุกร์ที่ 13 ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการสะสมของตำนานและเหตุการณ์ที่ถูกขยายความเกินจริง แม้ว่าจะมีเหตุการณ์บางอย่างที่เกิดขึ้นในวันนี้ แต่ก็ไม่มีหลักฐานที่แน่ชัดว่าโชคร้ายในวันศุกร์ที่ 13 นั้นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในทางวิทยาศาสตร์หรือมีอิทธิพลมากกว่าการเชื่อในสิ่งที่ไม่มีมูล
อย่างไรก็ตาม ในมุมมองทางจิตวิทยา ความเชื่อในวันศุกร์ที่ 13 ยังส่งผลต่อพฤติกรรมและความคิดของผู้คนมากมาย การกลัวโชคร้ายในวันนี้อาจทำให้บางคนเลี่ยงการเดินทาง การลงทุน หรือการเริ่มต้นงานใหม่ในวันศุกร์ที่ 13 ซึ่งทำให้ความเชื่อเกี่ยวกับวันนี้ยังคงมีอยู่จนถึงปัจจุบัน
บทสรุป
วันศุกร์ที่ 13 อาจดูเหมือนเป็นเพียงเรื่องเล่าหรือตำนานที่ไม่มีมูลความจริง แต่ในทางปฏิบัติ ความเชื่อนี้ยังคงส่งผลต่อความคิดและพฤติกรรมของผู้คนในหลายวัฒนธรรม การเล่าเรื่องที่มาจากเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมสมัยนิยมช่วยเสริมสร้างความหวาดกลัวต่อวันนี้ให้มากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นวันแห่งโชคร้ายจริงหรือไม่ วันศุกร์ที่ 13 ยังคงเป็นวันที่ถูกพูดถึงและยากที่จะมองข้ามในวัฒนธรรมปัจจุบัน
ชมบทความท่องเที่ยวอื่นๆได้ที่นี้