พิพิธภัณฑ์อารยธรรมอียิปต์แห่งชาติ” (National Museum of Egyptian Civilization : NMEC) ตั้งอยู่ในตัวเมืองไคโร เมืองหลวงของประเทศอียิปต์ เมื่อเดินผ่าประตูหลักเข้าไปก็จะเป็นโถงทางเดินที่มีลักษณะคล้ายท่อขนาดใหญ่ อันเป็นสัญลักษณ์ของความเงียบสงบและความมืดมิดของโลกหลังความตาย
โถงนิทรรศการหลัก หรือ Main Hall จัดแสดงโบราณวัตถุตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ มาสู่ยุคฟาโรห์ และยุคเกรโก-โรมัน, ยุคคอปติกและอิสลามิก มาจนถึงยุคโมเดิร์น หรืออียิปต์ในยุคสมัยปัจจุบัน โดยออกแบบให้ได้สัมผัสกับภาพรวมของวิวัฒนาการของอารยธรรมแต่ละยุคสมัย โบราณวัตถุที่จัดแสดงในโถงนิทรรศการหลักมีกว่า 1,500 ชิ้น ตัวอย่างชิ้นสำคัญๆ เช่น รูปปั้นของ Pharaonic Gods Horus และ Khnum, The old key of the Kaaba, จัดแสดงเสื้อผ้าแบบดั้งเดิม, แบบจำลองเรือโบราณ เป็นต้น
Royal Mummies Hall ซึ่งถูกออกแบบมาเป็นพิเศษสำหรับการจัดแสดงมัมมี่ของกษัตริย์และราชินีแห่งอียิปต์โบราณ บรรยากาศจะเป็นการจำลองมาจากสุสานที่ฝังพระศพจริงที่หุบผากษัตริย์ (Valley of The Kings) โดยมัมมี่กษัตริย์และราชินีที่จัดแสดงที่นี่ องค์ที่มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จัก อาทิ ฟาโรห์รามเสสที่ 2, ฟาโรห์ทุตโสที่ 3, ฟาโรห์ฮัตเซปซุต เป็นต้น
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ร้านอาหารท้องถิ่น
ที่พัก โรงแรม Steigenberger Hotel El Tahrir Cairo หรือเทียบเท่า
ชม มหาพีระมิดแห่งกีซา (The Great Pyramid of Giza) กลุ่มพีระมิดขนาดใหญ่ใช้ระยะเวลาการสร้างถึง 20 ปี ใช้แรงงานการสร้างไม่ต่ำกว่า 3-4 หมื่นคนจากการประเมินทางวิศวกรรมในปัจจุบันในการตัดหินแล้วย้ายมาวางซ้อนกันให้ชิดจนไม่มีสิ่งใดลอดผ่านได้ และยังได้รับการยกย่องให้เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกในยุคโบราณที่ยังคงเหลือมาถึงปัจจุบัน กลุ่มของมหาพีระมิดประกอบไปด้วยพีระมิดใหญ่ทั้งหมด 3 แห่งดังนี้
พีระมิดคูฟู (Khufu) หรือ มหาพีระมิดแห่งกิซ่า (The Great Pyramid of Giza) ที่เราเข้าใจกันซึ่งเป็นหนึ่งเดียวในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลก ที่ยังคงเหลืออยู่ในปัจจุบัน มีขนาดใหญ่ที่สุดและเก่าแก่ที่สุดในหมู่พีระมิดแห่งกิซ่า สร้างโดยฟาห์โรคูฟู ที่มีจุดประสงค์เพื่อเป็นที่ประทับสำหรับการฟื้นคืนชีพ
พีระมิดคาเฟร (Khafre) ตั้งอยู่ตรงกลางของพีระมิดทั้ง 3 พีระมิดคาเฟรมีมหาสฟิงซ์ (The Great Sphinx of Giza) หินแกะสลักขนาดมหึมาที่มักปรากฏในภาพถ่ายคู่กับพีระมิดคาเฟร
เดินทางสู่ ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำไนล์ (West Bank of Nile) เพื่อไปยัง หุบผากษัตริย์ (Valley of King) ซึ่งเป็นที่ฝังพระศพของฟาโรห์ และหุบผาราชินี รวมถึงหุบผาของพวกพระบรมวงศานุวงศ์ พวกขุนนางชั้นสูง
ชม หุบเขากษัตริย์ (The Valley of the Kings) เป็นบริเวณพื้นที่ที่ใช้ฝังศพของฟาโรห์และเชื้อพระวงศ์ในช่วง ยุคราชวงศ์ใหม่ของอียิปต์โบราณ (The New Kingdom) หุบเขาแห่งนี้ถูกล้อมรอบไปด้วยทะเลทรายและหุบเขาที่มีความซับซ้อนทำให้เหมาะกับการสร้างสุสานเพื่อป้องกันการถูกทำลายจากผู้ไม่ประสงค์ดี จากการค้นพบสุสานที่บริเวณหุบเขากษัตริย์แห่งนี้นักโบราณคดีขุดพบได้มากถึง 63 แห่ง (ที่มีหลายขนาดทั้งห้องเล็กๆ ไปจนถึงสุสานที่มีห้องซับซ้อน ที่มีห้องมากกว่า 120 ห้อง) นอกจากนี้ยังมีการสร้างหลุมพรางเพื่อป้องกันพวกโจรที่จะเข้ามาขโมยทรัพย์สมบัติภายในสุสานด้วย หุบเขาแห่งกษัตริย์เป็นที่รู้จักมากขึ้นหลังจากการค้นพบสุสานของ ฟาโรห์ตุตันคามุน (Tutankhamun) อดีตยุวกษัตริย์ที่สุสานมีความสมบูรณ์อย่างมาก (ซึ่งต่างจากสุสานแห่งอื่นๆที่มักจะถูกโจรขโมยสมบัติบุกเข้ามาก่อนหน้านี้แล้ว)
ชม วิหารฮัตเชปซุต (Mortuary Temple of Hatshepsut) ที่ประดิษฐานพระศพของฟาโรห์หญิงพระนามฮัตเซปซุตหรือที่รู้จักกันดีในประวัติศาสตร์ว่าราชินีมีเครา