ทัวร์อเมริกาใต้ เปรู – โบลิเวีย – ชิลี (Peru – Bolivia – Chile)

โปรแกรมการเดินทางประจำปี พ.ศ. 2566 > รอประกาศอีกครั้ง

วันที่ 1 : กรุงเทพฯ – อัมสเตอร์ดัม(Amsterdam)

• 08.30 น. นัดหมายพบกันที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารขาออก ชั้น 4 เคาท์เตอร์สายการบิน KLM(Royal Dutch Airlines)
• 12.05 น. เดินทางออกจากประเทศไทย โดยสายการบิน KLM  เที่ยวบิน KL0876 ให้ท่านได้เพลิดเพลินกับอาหารและสิ่งอํานวยความสะดวกบนเครื่องบิน (ระยะเวลาบินประมาณ 11 ชั่วโมง 30 นาที)
• 18.45 น. เดินทางถึง สนามบินสกิบโฮล (Schiphol International Airport) ประเทศเนเธอร์แลนด์ หลังจากนั้นนาท่านผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง
• ที่พัก Mercure Schiphol Terminal Hotel ตั้งอยู่ใน transit hall  ใช้ transit visa ของประเทศเนเธอร์แลนด์

สนามบิน Schiphol

วันที่ 2 : อัมสเตอร์ดัม (Amsterdam) – ลิมา (Lima)

• 12.35 น. เดินทางออกจากเนเธอร์แลนด์โดยสายการบิน KLM  เที่ยวบิน KL0743 ให้ท่านได้เพลิดเพลินกับอาหารและสิ่งอํานวยความสะดวกบนเครื่องบิน (ระยะเวลาบิน 12 ชั่วโมง)
• 18.05 น. เดินทางถึง สนามบินฮอร์เฮ ชาเวส (Jorge Chavez International Airport) เมืองลิม่า(Lima) ประเทศเปรู
• 19.00 น. นำท่านเดินทางโรงแรมเพื่อพักผ่อนตามอัธยาศัยจากการต่อเครื่อง
• ที่พัก  Costa del Sol Wyndham Lima Airport หรือเทียบเท่า*

เมืองลิม่า (Lima) ประเทศเปรู

วันที่ 3 : ซาเครส วัลเล่ย์ (Sacred Valley)

• 09.10 น. นำท่านเดินทางสู่ สนามบินฮอร์เฮ ชาเวส (Jorge Chavez International Airport) เพื่อเดินทางต่อไปยังเมือง กุสโก (Cusco) โดยสายการบิน LATAM เที่ยวบิน LA2047 ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง 20 นาที
• 10.45น. เดินทางถึงสนามบินอเลฮานโดร เวลาสโก อเตเต (Alejandro Velasco Astete Airport) เมืองกุสโก
• นำท่านเดินทางไปยังชมหุบเขาศักดิ์สิทธิ์ โดยจะผ่านหมู่บ้านชินเชโร (Chinchero), มาราซ (Maras), โมเรย์(Moray) และโอลานเทย์ทัมโบ (Ollantaytambo) หมู่บ้านชินเชโร(Chinchero) ที่เป็นหมู่บ้านที่สำคัญแห่งหนึ่งของชาวอินคา ซึ่งเราจะสามารถพบเห็นชาวบ้านที่ยังแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าทอท้องถิ่นสีสันสดใสแบบโบราณของชาวแอนดีส
• เดินทางต่อไปที่ มาราซ(Maras) แหล่งผลิตเกลือที่คุณภาพดีที่สุดในโลก ที่มีมาตั้งแต่สมัยอินคา แนวนาขั้นบันไดที่เรียงอยู่ตามลำดับความสูงของภูเขา ก่อนออกเดินทางต่อไปยัง โมเรย์(Moray) นาขั้นบนไดวงกลมขนาดใหญ่หลายๆวงรูปร่างแปลกตาที่ชาวอินคาทำไว้เพื่อทดลองปลูกพืชพันธุ์ต่างๆ จากจุดนี้ท่านสามารถมองเห็น หมู่บ้านอูรุมบัมบา (Urubamba)ได้อีกด้วย
• หลังจากนั้นเดินทางต่อมายัง หมู่บ้านโอลานเทย์ทัมโบ (Ollantaytambo) สถานที่ที่มีโครงสร้างตึกซับซ้อนมากมายของอณาจักรอินคา หมู่บ้านโอลานเทย์ทัมโบเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงในการทำนาขั้นบันไดและเป็นเมืองป้อมปราการที่ดี แถมยังเป็นศูนย์กลางทางศาสนา หมู่บ้านโอลานเทย์ทัมโบเป็นเมืองแห่งเดียวของชาวอินคาที่ยังมีคนอาศัยอยู่และยังเป็นตัวอย่างการวังแผนผังเมืองที่ดีของชาวอินคา ถนนที่ปูด้วยหินนั้นมีมาตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 13 และยังคงใช้อยู่ในปัจจุบัน (ระมาณ 7 ชั่วโมง)
• ที่พัก Casa Andina Valle Sagrado Hotel Villas หรือเทียบเท่า*

มาราซ  (Maras) เหมืองเกลือที่มีมาตั้งแต่สมัยอินคา

โมเรย์(Moray) นาขั้นบนไดวงกลมขนาดใหญ่ที่ชาวอินคาทำไว้เพื่อทดลองปลุกพืชพันธุ์ต่างๆ

วันที่ 4 : มาชู ปิกชู (Machu Picchu)

• เดินทางสู่สถานีรถไฟโอลานเทย์ทัมโบ เพื่อเดินทางต่อไปยัง หมู่บ้านอากวาซ คาลิอันเตส (Aguas Calientes) เพื่อไปเยี่ยมชมมาชูปิกชู ซึ่งจะเดินทางด้วยรถไฟโดนทุกท่านสามารถนำสัมภาระติดตัวไปได้ไม่เกิน 10 กิโลกรัม กรณีเป็นกระเป๋าลาก Carry-on ไซส์ไม่เกิน 22 นื้ว โดยรถตู้จะนำกระเป๋าสัมภาระใบใหญ่กับไปฝากที่โรงแรมในกุสโกให้ล่วงหน้า*
• 09.15 น. เดินทางสู่ หมู่บ้านอากวาซ คาลิอันเตส(Aguas Calientes) ด้วยรถไฟขบวนที่ 13 (Vistadome train #31) ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง
• 10.52 น. รถไฟถึงสถานี อากวาซ คาลิอันเตส(Aguas Calientes)
• บ่าย เดินทางสู่ มาชูปิกชู (Machu Picchu) เมืองที่สาบสูญแห่งอาณาจักรอินคา ที่ระดับความสูงกว่า 2,400 เมตรเหนือระดับนํ้าทะเล หนึ่งในสถานที่ที่มีชื่อเสียงที่สุดของ สถาปัตยกรรมของชาวอินคาที่ถูกล้อมรอบด้วยป่าเมฆที่เขียวชอุ่มที่ ซึ่งเพิ่งถูกค้นพบ โดยนักสํารวจชาวอเมริกันที่ชื่อว่า Hiram Bingham เมื่อปี 1911
• มาชูปิกชู สถานที่ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นสถาปัตยกรรมที่สำคัญของโลก ด้วยการนำหินขนาดใหญ่มาสร้างเป็นบ้านเรือนและวิหารโดยที่ไม่มีการใช้ปูนหรือสลักในการเชื่อมต่อหินแต่ละก้อน และบ้านเรือนและวิหารเหล่านี้ยังคงอยู่มาจนถึงปัจจุบัน
• ที่พัก  Belmond Sanctuary Lodge หรือเทียบเท่า*

รถไฟสู่มาชูปิกชู (Machu Picchu)

มาชูปิกชู (Machu Picchu)

มาชูปิกชู (Machu Picchu)

วันที่ 5 : มาชู ปิกชู (Machu Picchu)

• เดินทางสู่ มาชูปิกชู(Machu Picchu) อีกครั้งเพื่อเดินขึ้น ฮวานน่าปิกชู (Huayna Picchu) หรือที่รู้จักกันในอีกชื่อคือ “young mountain” เพื่อชมวัดที่อยู่บนเขา Temple of the Moon  ซึ่งจากบริเวณวัดนี่เองสามารถมองเห็นมาชูปิกชูได้ทั้งเมือง ซึ่งนับเป็นอีกจุดไฮไลทืที่นิยมกันมาชมแสงแรงที่ส่องสะท้อนผ่านมาชูปิกชู ก่อนเดินทางกลับมาเช็คเอาท์ที่โรงแรมแล้วเดินทางต่อไปยังสถานีรถไฟอากวาซ คาลิอันเตส เพื่อขึ้นรถไฟสู่เมืองกุสโก ณ สถานีโปรอย (Poroy Station)
• 15.20 น. เดินทางสู่กุสโก(Cusco) ด้วยรถไฟขบวนที่ 34 (Vistadome train #34) ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง 45 นาที
• 19.05 น. รถไฟถึงสถานีโปรอย(Poroy Station) เข้าสู่ที่พักเพื่อพักผ่อนตามตามอัธยาศัย
• ที่พัก Palacio del Inka, A Luxury Collection Hotel หรือเทียบเท่า*

ฮวานน่าปิกชู (Huayna Picchu)

ฮวานน่าปิกชู (Huayna Picchu)

วันที่ 6 : กุสโก (Cusco) 

• ช่วงเช้าจะมีเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกนำท่านไปออกวีซ่าโบลิเวีย จากนั้นช่วงบ่ายเยี่ยมชมเมืองคุสโกซึ่งเป็นหนึ่งในเมืองมรดกโลกของ UNESCO โดยจะเริ่มต้นที่  ตลาดซาน เปโดร(San Pedro) ตลาดท้องถิ่นที่จะชวนให้คุณหลงมนตร์เสน่ห์สัมผัสกับอาหารท้องถิ่น และวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวกุสโก
• เข้าชม วิหาร Koricancha วิหารแห่งดวงอาทิตย์ของชาวอินคาซึ่งปัจจุบันกลายเป็นโบสถ์ที่สร้างทับวิหารเดิมในยุคล่าอาณานิคมของชาวยุโรป จากนั้นเยี่ยมชมจัตุรัสกลางเมือง โบสถ์คุสโก ที่เป็นสิ่งก่อสร้างสำคัญทางศาสนาประจำเมือง จากนั้นเดินทางสู่ ป้อมปราการ Sacsayhuaman สถาปัตยกรรมของชาวอินคา และ Kenko สถานที่สำหรับบูชาดวงอาทิตย์ดวงจันทร์และดวงดาว แล้วเดินทางต่อไปยัง Plaza de Armas จัตุรัสกลางเมืองที่เป็นศูนย์กลางของโบสถ์ที่สำคัญของเมืองกุสโก
• ที่พัก Palacio del Inka, A Luxury Collection Hotel หรือเทียบเท่า*

Plaza de Armas จัตุรัสกลางเมืองที่เป็นศูนย์กลางของโบสถ์ที่สำคัญของเมืองกุสโก

คุสโกซึ่งเป็นหนึ่งในเมืองมรดกโลกของ UNESCO

วันที่ 7 : คุสโก (Cusco) – หุบเขาสีรุ้ง (Rainbow mountain)

• ออกเดินทางจากเมืองคุสโกไปยัง หุบเขาสีรุ้ง (Rainbow mountain) หรือ Vinicunca ใช้เวลาประมาณ 2.45 ชั่วโมง ดินแดนแห่งเทพนิยายที่ได้ชื่อว่าเป็น จุดหมายปลายทางของนักเดินทางจากทั่วทุกมุมโลกความสวยงามตามธรรมชาติที่เกิดขึ้นได้ยากจากทรายที่มีแร่ธาตุต่างๆปนอยู่ ซึ่งสามารถเห็นแนวเทือกเขาสีรุ้งเรียงกันเป็นแนวยาวสุดลูกหูลูกตา
• บริเวณจุดนี้เองสามารถเลือกที่จะเดินด้วยเท้าหรือขี่ลาเพื่อเดินชมทัศนียภาพใช้เวลาตามอิสระประมาณ 1-2 ชั่วโมง
• จากนั้นเดินทางต่อไปยังเมือง Sicuani
• ที่พัก โรงแรม Wilkamayu Hotel

หุบเขาสีรุ้ง (Rainbow mountain)

วันที่ 8 : Sicuani – ปูโน (Puno)

• รับประทานอาหารเช้าที่ห้องอาหารของโรงแรม เช็คเอ้าท์
• ออกเดินทางสู่เมือง ปูโน (Puno) เมืองที่ได้ชื่อว่า ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้
• ระยะทาง 250 กิโลเมตร ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง
• ให้อิสระในการเดินเล่นหรือพักผ่อนเพื่อพร้อมสำหรับกิจกรรมวันพรุ่งนี้

ปูโน (Puno)

วันที่ 9 : ปูโน (Puno) – ทะเลสาบติติกากา (Lake Titicaca) – โคปาคาบานา (Copacabana)

• เดินทางไปยังทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดของอเมริกาใต้ ทะเลสาบ Titicaca ที่ตั้งอยู่ระหว่างชายแดนประเทศเปรูและโบลิเวีย เชื่อกันว่าเป็นจุดเริ่มกำเนิดของอินคา ทะเลสาบแห่งนี้ยังเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์นานาชาติ รวมไปถึงสัตว์น้ำหายากหลายชนิด เช่น กบยักษ์  เป็นต้น เดินทางไปยังเกาะลอยน้ำ Uros (Uros floating island) ระยะทางจากเมืองปูโน ที่ตั้งอยู่สูงระดับ 3,810 เมตรจากระดับน้ำทะเล เป็นเกาะของชาวบ้านท้องถิ่นที่เชื่อว่าเป็นต้นกำเนิดของชาวอินคา  ซึ่งเราจะได้เห็นยานพาหนะรูปร่างหน้าตาน่ารักซึ่งชาวท้องถิ่นเรียกเรือประเภทนี้ว่า  Totora reed boat
• ต่อกันที่เกาะ Island of the Sun  อีกหนึ่งเกาะที่มีชื่อเสียงของเปรู
• ออกเดินทางไป โคปาคาบานา (Copacabana)  เมืองริมทะเลสาบทิทิกาที่นับว่ามีความเจริญและสวยงามเป็นอันดับต้นๆของเปรู ศูนย์กลางท่าเรือขนาดใหญ่ที่คับคั่งด้วยเรือใบ เรือสำราญขนาดต่างๆ
• ที่พัก โรงแรม Hotel Onkel Inn, Torres de Copacabana

โคปาคาบานา (Copacabana)

Island of the Sun

วันที่ 10 : โคปาคาบานา (Copacabana) – ลาปาซ (La Paz)

• รับประทานอาหารเช้าที่ห้องอาหารของโรงแรม
• ออกเดินทางไปยังสนามบินเพื่อบินไปยังเมือง ลาปาซ (Lapaz) เมืองหลวงประเทศโบลิเวีย
• ระยะทาง 100 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง
• เดินชมตลาดพื้นเมืองในเมืองลาปาซไม่ว่าจะเป็น ตลาดปลา ตลาดดอกไม้ ตลาดอูรูกวัย ที่ตลาดอูรูกวัยจะมีนกและสัตว์สายพันธุ์ต่างๆของอเมริกาใต้ และยังมีอาหารท้องถิ่นให้ท่านลองชิม รวมไปถึงตลาดขายผ้าพื้นเมือง
• จัตุรัส ซาน เปโดร (San Pedro Square) ที่ๆเป็นสถานที่ตั้งของ คุก ซาน เปโดร (San Pedro Prison) ย่านการค้าที่มีชื่อเสียงของเมืองลาปาซ จนกระทั่งได้เวลาอันสมควร
• ขึ้นเคเบิ้ลคาร์ มี เทเลเฟอร์ริโค (Mi Telérico) กระเช้าลอยฟ้าในเมืองที่สูงและยาวที่สุดในโลก หรืออีกชื่อหนึ่งเรียกว่า “La Paz–El Alto Cable Car” อีกหนึ่งไฮไลท์ของการมาเยือนเมืองลาปาซ เป็นกระเช้าที่เชื่อมต่อระหว่างเมืองลาปาซและเมืองเอล อัลโต้ โดยนั่งขึ้นไปยังจุดชมวิว ที่เมืองเอล อัลโต้ ที่มีความสูงถึง 4,095 เมตร เพื่อชมความสวยงามของเมืองลาปาซที่ถูกห้อมล้อมด้วยภูเขา จนกระทั่งได้เวลาอันสมควร เดินทางกลับเมืองลาปาซ
• ที่พัก  Casa Grande  Hotel หรือเทียบเท่า*

Metropolitan Cathedral is located on Plaza Murillo Square in La Paz, Bolivia

ขึ้นเคเบิ้ลคาร์ มี เทเลเฟอร์ริโค (Mi Telérico)

วันที่ 11 : ทะเลเกลืออูยูนี (Uyuni)

• 09.00 น. นำท่านเดินทางสู่ สนามบินเอล อัลโต้ (International Airport) เพื่อเดินทางไปยัง เมืองอูยูนี (Uyuni) โดยสายการบิน Amazonas เที่ยวบิน Z8-302 ใช้เวลาบินประมาณ 40 นาที
• 09.50 น. เดินทางถึง สนามบินโฮยา อันดิน่า (Joya Andina Airport)
• ชม สุสานรถไฟ (Cementerio de Trenes) เป็นทางรถไฟสายเก่าแก่แห่งหนึ่งของโบลิเวียที่ถูกสร้างขึ้นเมื่อปลายปีศตวรรษที่ 19 โดยวิศวกรชาวอังกฤษที่เข้ามามีบทบาทในการสร้างทางรถไฟร่วมกับรัฐบาลโบลิเวีย ทางรถไฟสายนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อ ขนส่งแร่ธาตุจากลาปาซไปยังท่าเรือชิลีที่เชื่อต่อไปยังมหาสมุทรแปซิฟิก หลังจากนั้นในปี 1940 อุสหกรรมเหมืองแร่ได้ถูกยกเลิกสัญญาทำให้ทางรถไฟสายนี้ถูกปล่อยร้างและกลายเป็นสุสานรถไฟในปัจจุบัน
• เยี่ยมชม หมู่บ้านโคชานี (Colchani) แหล่งผลิตเกลือ และสินค้าแปรรูจากเกลือต่างๆ ในหมู่บ้านเองจะมีพิพิธภัณฑ์เกลือ(Playa Blanca) อยู่ด้วยจนกระทั่งได้เวลาอันสมควรเข้าสู่เขต Salar de Uyuni (Uyuni Salt Flat) ทะเลเกลือขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ทะเลเกลือแห่งนี้ครอบคลุมพื้นที่กว่า 10,000 ลูกบากศ์กิโลเมตร กลางที่ราบแห่งนี้มีความหนาของเกลือสูงมากกว่า 10 เมตร ในช่วงฤดูแล้งทะเลเกลือแห่งนี้จะแห้ง และเกลือจะเกาะกลุ่มเป็นรูปร่างต่างๆสวยงามซึ่งจะตรงกับช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม ส่วนในช่วงฤดูฝนจะปกคลุมไปด้วยน้ำ บนผิวน้ำจะสะท้อนแสงกระทบกับดวงอาทิตย์สวยงามไปอีกแบบ
• รับประทานอาหารกลางวันที่ร้านอาหารท้องถิ่นหรือเป็นแบบ picnic ขึ้นกับสถานการณ์
• เดินทางไปยัง เกาะ อิสล่า อินคาฮวานซิ (Isla Incahuasi) ที่อยู่ใจกลางทะเลเกลือแห่งนี้ โดยที่เนิ่นเขาหินขนาดใหญ่ มี Giant Cactus ที่มีความสูงถึง 12 เมตร และนำท่านชมพระอาทิตย์ตกดินที่ทะเลเกลือก่อนนำท่านกลับสู่ที่พักที่หมู่บ้าน Colchani
• ที่พัก Hotel De Sal Luna Salada หรือเทียบเท่า*

สุสานรถไฟ (Cementerio de Trenes)

Salar de Uyuni (Uyuni Salt Flat)

ทะเลเกลือที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก

ทะเลเกลือที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก อูยูนี่

อิสล่า อินคาฮวานซิ (Isla Incahuasi)

วันที่ 12 : ทะเลสาบโคโลลาดา (Lake Corolada)

• เดินทางไปยัง ทะเลสาบโคโลลาดา (Lake Corolada) ทะเลสาบน้ำเค็มตื้น ที่ตั้งอยู่ใน เขตอนุรักษ์แห่งชาติเอดัวร์โด้ อาวารัว แอนเดียน ฟาวน่า  (Eduardo Avaroa Andean Fauna National Reserve) ใกล้พรมแดนประเทศชิลีที่ตั้งอยู่บนความสูงถึง 4,267 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล
• ระยะทางประมาณ 250 กิโลเมตร
• ทะเลสาบโคโลลาดา (Lake Corolada) มีเอกลักษณ์ตรงสีน้ำทะเลเป็นสีแดงอันเกิดจากสันดอนบอแรกซ์สีขาวสว่างที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ แพลงก์ตอน สาหร่ายสีแดง และจุลินทรีย์ชนิดต่างๆ ซึ่งเป็นแหล่งอาหารของนกฟลามิงโก้สีชมพูสายพันธุ์หายาก ได้แก่ พูนา ฟลามิงโก้, ชิเลียน ฟลามิงโก้ และ แอนเดียน ฟลามิงโก้
• ที่พัก โรงแรม Los Flamencos Eco Hotel

ทะเลสาบโคโลลาดา (Lake Corolada)

ทะเลสาบโคโลลาดา (Lake Corolada)

วันที่ 13 : ทะเลสาบโคโลลาดา (Lake Corolada) – San Pedro de Atacama – ซานติอาโก้ (Santiago)

• เดินทางต่อไปยังเมือง San Pedro de Atacama ระยะทางประมาณ 150 กิโลเมตร
• เดินทางไปยังสนามบินเมือง San Pedro de Atacama
• ขึ้นเครื่องบินไปยังเมือง ซานติอาโก้ (Santiago) เมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของ ประเทศชิลี ตั้งอยู่ที่ระดับความสูง 520 เมตร (1,700 ฟุต) ในหุบเขาตอนกลางของประเทศ
• ที่พัก Plaza San Francisco Hotel หรือเทียบเท่า*

วันที่ 14 : ซานติอาโก้ (Santiago)

• ชมความยิ่งใหญ่ของ เมืองซานเตียโก (Santiago) เป็นส่วนหนึ่งของแคว้นซานเตียโกเมโทรโพลิแทน กว่าสามศตวรรษที่การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องได้เปลี่ยนให้ซานเตียโกเป็นเขตนครหลวงที่ทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่งในละตินอเมริกา พร้อมๆ กับการพัฒนาเขตชานเมืองอย่างกว้างขวาง ศูนย์การค้าหลายสิบแห่ง และสถาปัตยกรรมที่น่าประทับใจ รวมทั้งมีระบบโครงสร้างพื้นฐานที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของละตินอเมริกา เช่น ซานเตียโกเมโทร(Santiago Metro) และระบบใหม่ โกสตาเนรานอร์เต (Costanera Norte)” เป็นระบบขนส่งของย่านกลางกรุง เชื่อมระหว่างด้านตะวันออกสุดไปด้านตะวันตกสุดของเขตเมืองภายในเวลา 15 นาที
• ชมย่าน เบอร์นาโด โอ ฮิกกิ้น อเวนิว (Bernardo O Higgins Avenue) หรือที่ชาวชิลีรู้จักในนาม La Alameda หมายถึงถนนที่เต็มไปด้วยต้นปอปลา นับเป็นถนนสายหลักของเมืองซานเตียโก และเป็นย่านเมืองเก่าที่ยังคงความคลาสสิค นำท่านแวะถ่ายรูปกับศาลาว่าการเมือง(Santiago city hall)
• จากนั้นนำท่านสู่ย่าน จัตุรัสพลาซ่า เดอะ อาร์ม (Plaza De Arm) อันเป็นจตุรัสที่ตั้งของสถานปัตยกรรมโบราณต่างๆมากมาย
• ชม มหาวิหารแห่งซานเตียโก (Cathedral of Santiago) เป็นมหาวิหารที่สร้างด้วยศิลปะแบบนีโอคลาสสิคสร้างตั้งแต่ปี 1748 แล้วเสร็จในปี 1800
• ชมบริเวณด้านหน้าของ พระราชวังโมนิดา (La Moneda Palace) ทำเนียบประธานาธิบดีของประเทศชิลีในปัจจุบัน ใช้เป็นสถานที่ราชการของกระทรวงต่างๆของประเทศ  ออกแบบโดย โจแอนควิน โทเอากา สถาปนิกชาวอิตาเลี่ยน สร้างขึ้นในปี 1784-1805 ในแบบสถาปัตยกรรมนีโอคลาสสิค และมีเสาโรมันขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านเป็นซุ้มประตู ความสวยงามและเก่าแก่ของพระราชวังแห่งนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนจากองค์การยูเนสโก้ อีกด้วย
• ที่พัก Plaza San Francisco Hotel หรือเทียบเท่า*

เมืองซานเตียโก (Santiago)

มหาวิหารแห่งซานเตียโก (Cathedral of Santiago)

วันที่ 15 : ซานติอาโก้ (Santiago) – ปารีส (Paris)

• ชม ย่านโบฮีเมียนของชิลี หรือ รู้จักในนาม บาริโอ เบลล่า วิสต้า (Barrio Bellavista) เมืองเล็กๆที่ตั้งอยู่ระหว่างแม่น้ำมาโปโค(Mapocho River) และ เนินเขา ซาน คริสโตบอล San Cristobal Hill) สถานที่สุดฮิตในชิลี ย่านที่เต็มไปด้วย ร้านค้า, แกลลอรี่, ร้านกาแฟสไตล์เก๋ๆ, รวมถึงสิ่งก่อสร้างที่คงสถาปัตยกรรมหลากสีสันสวยสะดุดตา นอกจากนี้ยังเป็นย่านที่วางขายของที่ระลึกและสินค้าพื้นเมืองมากมาย จนกระทั่ง งานศิลปะ ของศิลปินหน้าใหม่ ที่ต้องการโชว์งานฝีมือ อิสระให้ท่านได้เดินเล่นและเพลินเพลินกับทั้งบรรยากาศของเมืองริมแม่น้ำและผลงานศิลป์ที่จัดแสดงในแกลลอรี่ หรือร้านค้าต่างๆ และแน่นอนสิ่งที่ไม่ควรพลาดคือการเก็บภาพอาคารหลากสีสันที่แต่งแต้มด้วยผลงานสีสันแปลกตาและสวยงามมาก
• เดินทางสู่ อะรูโค พาร์ค (Aruco Park) อิสระช้อปปิ้งคอมเพล็กซ์ขนาดใหญ่ 1 ใน 3 ของประเทศชิลี ที่มิได้มีเพียงอาคารช้อปปิ้งมอลล์เท่านั้น แต่ยังรายล้อมไปด้วย ร้านค้าอิสระ และเอนเตอร์เทนเมนท์ คอมเพล็กซ์ ครบครัน ทั้งโรงภาพยนตร์, โบว์ลิ่ง, ลานไอซ์สเกต ซึ่งจัดตกแต่งได้อย่างแปลกตาบนเนื้อที่โครงการกว่า 2,000 เอเคอร์อิสระให้ท่านได้เลือกซื้อสินค้าทั้งสินค้าแบรนด์เนม และ สินค้าพื้นเมืองต่างๆมากมาย ที่มีวางขายในร้านค้าต่างๆ จนกระทั่งได้เวลาอันสมควร
• 11.30 น. เดินทางสู่ สนามบินอาร์ตูโร่ เมริโน เบนิเตซ (Arturo Merino Benítez Airport) เมืองกุสโก เมืองซานติอาโก้
• 14.55 น. ออกเดินทางไปยังกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส โดยสายการบิน Air France เที่ยวบิน KL 2259 (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 13 ชั่วโมง 45 นาที)

จัตุรัสพลาซ่า เดอะ อาร์ม (Plaza De Arm)

วันที่ 17 : ปารีส(Paris) – อัมสเตอร์ดัม(Amsterdam) – กรุงเทพฯ

• 10.55 น. เดินทางถึงกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส (พักเปลี่ยนเครื่อง 1 ชั่วโมง 25 นาที)
• 12.20 น. ออกเดินทางสู่กรุงอัมสเตอร์ดัม โดยสายการบิน Air France เที่ยวบิยที่ KL 2012 (ใช้เวลาบิน 1 ชั่วโมง 25 นาที)
• 13.45 น. เดินทางถึงกรุงอัมสเตอร์ดัม (พักเปลี่ยนเครื่อง 3 ชั่วโมง 45 นาที)
• 17.30 น. ออกเดินทางสู่กรุงเทพ โดยสายการบินKLM เที่ยวบินที่ KL0875 (ใช้เวลาบินประมาณ 11 ชั่วโมง)

วันที่ 18 : กรุงเทพ

• 09.30 น. เดินทางถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพพร้อมความประทับใจมิรู้ลืม