ชาวอินูอิต หรือ ชนเผ่าน้ำแข็งเอสกิโม..กลุ่มคนที่อาศัยอยู่ในบ้านที่ทำจากน้ำแข็งอยู่ในเขตเหนือสุดของขั้วโลกบริเวณมหาสมุทรอาร์คติค ใช้ชีวิตโดยการล่าสัตว์ ในอดีตการส่วมใส่ชุดขนสัตว์ตลอดทั้งปี หลายคนอาจจะพอนึกภาพออกหรือเคยเห็นตามสารคดีต่างๆ แต่ใครเคยสงสัยไหมว่า…
ชาวอินูอิตคือใคร???
ชาวอินูอิต พวกเขามาจากไหน และใช้ชีวิตในอากาศหนาวติดลบหลักสิบองศามาได้อย่างไรนับพันปีได้ วันนี้จึงจะพาไปรู้จักกับเหล่ามนุษย์ขั้วโลกกัน
ทำความรู้จักกับชนเผ่าชาวอินูอิต
ชนเผ่าอินูอิต หรือ ชาวอินุก (Inuit or Inukk) เป็นกลุ่มชนพื้นเมืองดั้งเดิมที่กระจายตัวอาศัยอยู่บริเวณแถบอาร์คติคหรือดินแดนขั้วโลกเหนืออันหนาวเหน็บ โดยชาวอินูอิตแต่ละกลุ่มกระจายตัวอาศัยอยู่ตามพื้นที่ยาวถึง 12,000 ไมล์ตั้งแต่ไซบีเรีย ยาวลงมาจนถึงชายฝั่งอลาสก้าของทวีปอเมริกาเหนือ ข้ามไปแคนาดาจนและไปจนถึงกรีนแลนด์ ถือได้ว่าชาวอินูอิตจึงเป็นชนเผ่าหนึ่งที่กระจายตัวอยู่อาศัยมากที่สุดในโลกโดยมีประชากรเพียงแค่ 60,000 คนเท่านั้น ประชากรอินูอิตส่วนใหญ่ประมาณ 25,000 – 30,000 คน โดยส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในอลาสก้า และส่วนที่เหลืออพยพไปตั้งรกรากและสร้างวัฒนธรรมในประเทศแคนนาดา กรีนแลนด์และไซบีเรีย
ทำไมถึงไม่เรียกว่าเอสกิโม (Eskimo)?
ชื่อ เอสกิโม (Eskimo) ที่เป็นที่รู้จักกันก่อนหน้านี้นั้นมีที่มาจากชนเผ่าพื้นเมืองอินเดียแดงใช้เรียกพวกเขา ซึ่งคำว่า เอสกิโม (Eskimo) มีความหมายว่า คนกินเนื้อ (ไม่เจริญไม่มีอารยธรรม) และมักถูกเรียกด้วยเชิงดูถูก เหยียดหยาม คนต่างถิ่นหรือแม้แต่คนในพื้นที่จึงไม่นิยมใช้กันและชาวอินูอิตนิยมเรียกตัวเองว่า ชาวอินูอิตหรือชาวอินุก มากกว่า นอกจากนี้ภาษาที่ชาวอินูอิตใช้ในแต่ละพื้นที่ยังมีความแตกต่างกันด้วยโดยภาษาอินูอิตนั้นเป็นภาษาที่จัดอยู่ใน ตระกูลเอสกิโม-อะลิวต์ (Eskimo–Aleut) ซึ่งแตกออกมาเป็นภาษาอินูอิต (Inuit) และยูปิก (Yup’ik) ในส่วนของภาษาอินูอิตแบ่งตามสำเนียงท้องถิ่นได้อีก 3 สำเนียงได้แก่
- Inupiaq ที่ใช้กันในอลาสก้า
- Inuktitut ในภาคตะวันออกของแคนนาดา
- Kalaallisut ในกรีนแลนด์
ต้นกำเนิดชาวอินูอิต (Inuit)
หลายคนเมื่อได้ยินว่าชาวอินูอิตนั้นอาศัยอยู่ในแถบอาร์คติค ก็มักจะคิดไปว่าชาวอินูอิตต้องมีถิ่นกำเนินมาจากทวีปอเมริกาสักประเทศแน่นอน แต่หารู้ไม่ว่าจากการเปรียบเทียบทั้งทางด้านวัฒนธรรมและรากฐานภาษาแล้วชาวอินูอิตแต่โบราณนั้นสืบเชื้อสายมาจากชาวมองโกลอยด์ในแถบเอเชียตะวันออกและได้อพยพเข้ามาในทวีปอเมริกาเหนือ ภายหลังจากการอพยพครั้งนั้นกลุ่มชนพื้นเมืองอื่นๆ จึงได้อพยพตามเข้ามา
มุ่งหน้าสู่เกาะกรีนแลนด์
เมื่อ 4-5 พันปีก่อนหรือประมาณ 2,500 ปีก่อนคริสต์ศักราช ว่ากันว่าได้มีมนุษย์กลุ่มแรกเดินทางเข้ามายังกรีนแลนด์ และมนุษย์กลุ่มนั้นก็คือ ชาวอินูอิตกลุ่มแรกได้เดินทางข้ามมาจากทวีปอเมริกาเหนือ โดยอาศัยประเทศแคนนาดาในช่วงฤดูหนาวที่มีอากาศหนาวจัดเป็นทางผ่านเนื่องจากในช่วงนั้นทะเลบริเวณช่องแคบของเมืองตูเล่ (Thule) เมืองทางเหนือของกรีนแลนด์จะแข็งเป็นน้ำแข็งจนชนพื้นเมืองกลุ่มนั้นสามารถได้เดินผ่านข้ามทะเลน้ำแข็งมาได้จนถึงแผ่นดินกรีนแลนด์ซึ่งในสมัยนั้นยังไม่มีผู้คนอาศัยอยู่ และได้เกิดเป็นวัฒนธรรมชนเผ่าอินูอิตแรกแห่งเกาะกรีนแลนด์ จากประวัติศาสตร์กล่าวว่าชาวอินูอิตไม่น้อยกว่า 6 ชนเผ่าได้อพยพเข้ามาในกรีนแลนด์ในช่วงเวลาที่แตกต่างกันจนเกิดเป็นวัฒนธรรมแยกย่อยตามชาวอินูอิตกลุ่มต่างๆ อาทิ
- Independence I (2500–1800 ปีก่อนคริสต์ศักราช)
- Saqqaq (2300–900 ปีก่อนคริสต์ศักราช)
- Independence II (1200–700 ปีก่อนคริสต์ศักราช)
- Dorset I (600 ก่อนคริสต์ศักราช – ค.ศ. 100)
- Dorset II (ค.ศ. 700–1200)
- Thule (ค.ศ. 900 – 1100)
กล่าวกันว่าชาวกรีนแลนด์ ณ ปัจจุบันส่วนใหญ่สืบเชื้อสายมาจากชนเผ่าอินูอิตกลุ่มสุดท้ายที่เข้ามายังตูเล่ในช่วงประมาณศตวรรษที่ 9 ทั้งสิ้น
ในขณะเดียวกันในช่วงศตวรรษที่ 9 ก็ไม่ได้มีเพียงชาวอินูอิตกลุ่มสุดท้ายอพยพเข้ามาในดินแดนเท่านั้น ในเวลาดังกล่าวยังมีการค้นพบหลักฐานการเดินทางมายังกรีนแลนด์ของ เอริค เดอะ เรด (Eric the Red) นักเดินเรือชาวนอร์สหรือที่เป็นที่รู้จักกันในนามชาวไวกิ้งที่เดินทางมาจากไอซ์แลนด์ ในปี ค.ศ. 982 อีกด้วย Erik the Red เป็นคนที่ถือว่ามีความสำคัญในประวัติศาสตร์กรีนแลนด์เนื่องจากเขาเป็นชาวยุโรปคนแรกที่ค้นพบเกาะกรีนแลนด์ เขาจึงเดินทางกลับไปยังประเทศไอซ์แลนด์เพื่อป่าวประกาศว่าพบดินแดนใหม่และยังเป็นคนตั้งชื่อเกาะแห่งนี้ว่า ‘Greenland’ เพื่อดึงดูดให้คนเดินทางมายังเกาะน้ำแข็งแห่งนี้
ผลเป็นไปดังคาด ด้วยกลยุทธ์อันเฉียบแหลมนี้ทำให้มีชาวนอร์สหลายคนตัดสินใจเดินทางมายังเกาะแห่งนี้แต่มันกลับไม่เป็นผลดีต่อชาวอินูอิตเท่าใดนัก เนื่องจากชาวนอร์สมีการดำเนินชีวิตที่แตกต่างจึงทำให้เกิดการรุกรานดินแดนของกันและกัน อีกทั้งยังเกิดความขัดแย้งทางวัฒนธรรมเป็นครั้งครา หากแต่ประมาณปีค.ศ. 1500 บันทึกหลักฐานและการตั้งถิ่นฐานชาวนอร์สในกรีนแลนด์ก็ได้หายไปพบเพียงซากปรักพักผังหรือหลักฐานการสร้างที่อยู่อาศัยที่ชี้ว่าในอดีตพวกเขาเคยอาศัยอยู่บริเวณใดในกรีนแลนด์เท่านั้น เชื่อกันว่าชาวนอร์สในกรีนแลนด์นั้นไม่สามารถทนกับสภาพอากาศและภูมิประเทศอันหนาวเหน็บของกรีนแลนด์ได้จึงทยอยกันเสียล้มตายในที่สุด ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่าในปี ค.ศ. 1500 ชาวอินูอิตจึงเป็นมนุษย์เพียงกลุ่มเดียวที่สามารถเอาชีวิตรอดจากสภาพอากาศอันหนาวเย็นและอาศัยอยู่ในกรีนแลนด์ได้
การเข้ามาของชาวเดนิช นอร์เวย์และศาสนาคริสต์
ภายหลังการสูญหายของนักเดินเรือชาวนอร์ส ได้มีทั้งความพยายามในการค้นหาชาวนอร์สในกรีนแลนด์และการติดต่อกับนักเดินเรือจากประเทศต่างๆ ได้มีนักล่าวาฬหลากหลายเชื้อชาติทั้งนอร์เวย์และเดนมาร์กเดินทางเข้ามาล่าวาฬในเขตแดนของชาวอินูอิต และเป็นครั้งแรกที่มีการบันทึกว่าชาวอินูอิตได้มีการติดต่อซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้ากับนักล่าวาฬเหล่านั้น จากการติดต่อซื้อขายครั้งนี้ทำให้ชาวอินูอิตได้รู้จักลูกปัดแก้วที่ได้มาจากพ่อค้าชาวยุโรปซึ่งปัจจุบันได้เป็นส่วนหนึ่งในชุดประชาติอีกด้วย
นอกจากการซื้อขายแล้วก็ยังมีการสืบหาสาเหตุการหายไปของชาวนอร์สดังที่ได้กล่าวมาก่อนหน้านี้ Hans Egede ผู้ซึ่งได้รับภารกิจจากราชอาณาจักรเดนมาร์ก-นอร์เวย์ในสมัยนั้นได้เดินทางมายัง Godthab ที่ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของเมือง Nukk ในกรีนแลนด์เพื่อสืบหาการหายไปของชาวนอร์สและเผยแพร่ศาสนาคริสต์นิกายลูเทอรันแก่ชนพื้นเมืองอินูอิต โดยสุดท้ายแล้ว Hans Edge ล้มเหวในการหาหลักฐานหรือสาเหตุใดๆที่เกี่ยวกับการหายไปของชาวนอร์สในกรีนแลนด์ แต่กลับกันเขากลับประสบความสำเร็จในการเผยแพร่ศาสนาและความเชื่อของศาสนาคริสต์นิกายลูเทอรันให้แก่ชาวอินูอิตในกรีนแลนด์ ซึ่งส่งผลให้ชาวอินูอิตส่วนใหญ่นับถือศาสนาคริสต์นิกายลูเทอรันมาจนถึงปัจจุบัน และยังเป็นจุดเริ่มต้นของการเผยแพร่อิทธิผลของราชอาณาจักรเดนมาร์ก-นอร์เวย์ในกรีนแลนด์ก่อนที่จะควบรวมกรีนแลนด์จะมาเป็นอาณานิคมของอาณาจักร
ชีวิตนายพรานและชาวประมงของชาวอินูอิต
- ไขคำตอบทำไมชาวอินูอิตจึงเป็นชนพื้นเมืองกลุ่มเดียวที่อยู่รอดในดินแดนน้ำแข็งแห่งนี้?
- พวกเขากินอะไร? ใช้ชีวิตอย่างไรจนการประมงเป็นอุตสาหกรรมหลักของเกาะ?
โดยปกติแล้วชาวอินูอิตมักจะอาศัยอยู่รวมกันเป็นกลุ่มตามพื้นที่ต่างๆ ที่สะดวกต่อการทำประมง การล่าสัตว์ซึ่งเป็นอาชีพหลักในการดำรงชีพ พวกเขาจะสวมใส่เสื้อและบูทที่ทำจากขนหรือหนังสัตว์ที่ล่าได้เพื่อทำให้ร่างกายอบอุ่นอยู่ตลอดเวลาในหน้าหนาวและอาศัยอยู่ในที่พักที่สามารถให้ความอบอุ่นแก่พวกเขาได้ ชาวอินูอิตนั้นไม่นิยมสร้างที่พักถาวรเท่าใดนักหรือหากจะสร้างก็จะสร้างกระท่อมที่มีลักษณะคล้ายบ้านจากไม้และหินที่เรียกว่า Turf Hut ให้อยู่บริเวณแหล่งน้ำและให้ห่างออกไปจากที่ที่มีสิ่งมีชีวิตอื่นๆ อาศัยอยู่เพื่อรักษาความปลอดภัยทั้งจากหมีขั้วโลกหรือสิงโตทะเลที่อาจจะอาศัยอยู่บริเวณนั้น เพราะฉะนั้นเมื่อชาวอินูอิตออกไปล่าสัตว์ พวกเขาก็จะนิยมสร้างที่พักชั่วคราวอย่าง ‘อิกลู (Igloo)’ ที่พอจะพักอาศัยและกำบังลมได้ในระหว่างออกล่าสัตว์ อิกลูมีลักษณะเป็นบ้านที่ทำมากจากก้อนน้ำแข็งที่ถูกตัดเป็นสี่เหลี่ยมขนาดต่างกันโดยใช้มีดตัดน้ำแข็งชนิดพิเศษซึ่งเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่คิดค้นโดยชาวอินูอิตเอง การสร้างอิกลูทำได้โดยการนำเอาก้อนน้ำแข็งที่ตัดแล้วมาวางต่อกันเป็นที่พักทรงโดมขนาดเล็กเหมาะแก่การพักอาศัยและยังมีพื้นที่ในการเก็บอุปกรณ์ล่าสัตว์ต่างๆ ส่วนใหญ่แล้วการสร้างอิกลูนี้มักจะเห็นได้จากชาวอินูอิตที่อาศัยอยู่ทางตอนเหนือของกรีนแลนด์เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีอุณหภูมิต่ำที่สุดในช่วงเวลานั้น
ด้วยเหตุที่ว่าชาวอินูอิตอาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีอากาศหนาวจัดในช่วงฤดูหนาว การปลูกพืชจึงไม่เป็นที่นิยมนัก ส่วนใหญ่อาหารของชาวอินูอิตมักมาจากการล่าสัตว์ไม่ว่าจะเป็น วาฬ วอลรัส สิงโตทะเลหรือปลาชนิดต่างๆ ที่หาได้ พวกเขาจะแล่นเรือคายัค (Kayaks) ที่ทำจากหนังแมวน้ำและกิ่งไม้ออกไปหาปลาในทะเลและจะไม่กลับมาจนกว่าจะได้สะเบียงเพียงพอต่อความต้องการ อีกหนึ่งพาหนะสำคัญที่ช่วยอำนวยความสะดวกแก่การเดินทางของชาวอินูอิตได้แก่ Umiaq หรือเรือโดยสารที่มักใช้ในการเคลื่นย้ายผู้คน สิ่งของและใช้ในการล่าบางครั้งครา นอกจากนี้ในส่วนของการเดินทางทางบกชาวอินูอิตนิยมใช้การนั่งเลื่อนสุนัขเพื่อไปสำรวจในพื้นที่ต่างๆ อีกด้วย มีความเชื่อว่าชาวอินูอิตเป็นคนกลุ่มแรกที่นำสุนัขข้ามมายังดินแดนแห่งนี้
ชีวิตชาวอินูอิตในฤดูร้อน
หลังจากผ่านฤดูหนาวอันยาวนานไปแล้ว ก็ถึงช่วงเวลาของฤดูร้อนที่อากาศในกรีนแลนด์จะอุ่นขึ้นบ้าง น้ำแข็งบางส่วนรวมถึงอิกลูที่เป็นพี่พักชั่วคราวละลายหายไป ในช่วงนี้จะเป็นเวลาที่ชาวอินูอิตจะออกมาปลูกพืชตระกูลเบอร์รี่ ล่ากวางเรนเดียร์และตกปลาเพื่อเป็นเสบียงตลอดฤดูร้อนนี้ ในส่วนของที่พักอาศัยชาวอินูอิตจะสร้างเต็นท์ที่สามารถเคลื่อนย้ายได้ง่ายขึ้นมาเป็นที่พักอาศัยเพื่อที่พวกเขาจะได้เคลื่อนย้ายไปยังที่ต่างๆ ที่มีอาหารและสะดวกต่อการล่าสัตว์ของพวกเขานั่นเอง เต็นท์ที่ว่านี้จะทำจากไม้ระแนงและหนังแมวน้ำอีกเช่นเคยโดยจะใช้หินก้อนใหญ่ทับบริเวณปลายเพื่อสร้างความแข็งแรงแก่ที่พักอาศัยอีกที เหตุผลที่ชาวอินูอิตใช้มีหนังแมวน้ำในการสร้างที่พักอาศัยและพาหนะเดินทางเนื่องจากหนังแมวน้ำมีความแข็งแรง คงทนและสามารถรับมือต่อสภาพอากาศที่แปรเปลี่ยนได้
จะเห็นได้ว่าเหตุผลที่ชาวอินูอิตสามารถเอาชนะภัยธรรมชาติ สภาพอากาศอันโหดร้าย จนกลายเป็นหนึ่งในชนพื้นเมืองเก่าแก่ที่สามารถสืบทอดกันมารุ่นต่อรุ่นจนถึงปัจจุบันได้นั้นเกิดขึ้นการความฉลาดและทักษะในการปรับตัวเข้ากับธรรมชาติของพวกเขาได้เป็นอย่างดี พวกเขาเรียนรู้ที่จะอาศัยอยู่กับธรรมชาติรอบตัวและคิดค้นสิ่งประดิษฐ์ต่างๆ เพื่ออำนวยความสะดวกในการใช้ชีวิตและการหาอาหารไม่ว่าจะเป็น มีดตัดน้ำแข็ง อิกลูหรือเรือคายัคก็ล้วนต้องใช้ความสามารถและความพยายามในการประดิษฐ์ขึ้นมาทั้งสิ้น การไม่ยอมแพ้ต่อภัยธรรมชาตินี้เองทำให้ผู้คนที่ได้อ่านเรื่องราวของพวกเขาได้สัมผัสถึงเสน่ห์ของการใช้ชีวิตฉบับชาวอินูอิต
วิถีชีวิตที่สืบต่อจากรุ่นสู่รุ่นและดำเนินมาจนถึงปัจจุบัน
ปัจจุบันกรีนแลนด์มีประชากรประมาณ 56,000 คนและกว่า 50,000 คนนั้นล้วนสืบเชื้อสายมาจากชาวอินูอิตทั้งสิ้น พวกเขาใช้ภาษาอินูอิตหรือ Kalaallisut เป็นภาษาประจำชาติและต่อยอดภูมิปัญญาต่างๆ ในอดีตมาปรับใช้กับการดำรงชีพในปัจจุบัน แม้จะเผชิญกับบ้านเมืองและสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงชาวอินูอิตบางส่วนก็ยังคงดำเนินชีวิตคล้ายในอดีตตกปลาและล่าสัตว์เพื่อเลี้ยงชีพ ชาวอินูอิตส่วนมากปรับตัวตามชีวิตชุมชนเมืองมีบทบาทที่หลากหลายทั้งนักการเมืองและนักธุรกิจ อาจจะมีพิธีกรรมหรือข้าวของเครื่องใช้ที่เป็นภูมิปัญญาของชาวอินูอิตให้เห็นบ้างตามบ้านเรือนต่างๆ อุตสาหกรรมที่ล่อเลี้ยงเกาะแห่งนี้ก็ล้วนมาจากการล่าสัตว์ การประมงเชิงพาณิชย์ การทำเหมืองแร่และขุดเจาะน้ำมัน
ที่สำคัญที่สุดการท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์อย่างการไปสัมผัสกับการใช้ชีวิตของชาวอินูอิตในปัจจุบันกลายมาเป็นอุตสาหกรรมหลักที่มาคอยล่อเลี้ยงกรีนแลนด์ กิจกรรมต่างๆ ที่นักท่องเที่ยวสนใจอยากมาสัมผัสอย่างการใช้บริการสุนัขลากเลื่อนหรือการพายเรือคายัคที่เป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายก็ล้วนเป็นภูมิปัญญาที่มีต้นกำเนิดมาจากชาวอินูอิตทั้งสิ้น ในส่วนนี้แสดงให้เห็นว่าแม้สิ่งต่างๆ จะเปลี่ยนไป ยุคโบราณดำเนินมาถึงยุคสมัยใหม่ที่อะไรๆ ไม่เหมือนเดิม รถลากเลื่อนสุนัขกลายเป็นเพียงแค่กิจกรรมของนักท่องเที่ยวและถูกแทนที่ด้วยสโนว์โมบิล แต่ก็ยังมีอีกหลายสิ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนและหนึ่งในนั้นก็คือวัฒนธรรมของชาวอินูอิตที่เป็นเอกลักษณ์และรากฐานของเกาะแห่งนี้สืบต่อไป
อ่านต่อบทความอื่นๆได้ที่ >>> บทความเกี่ยวกับการท่องเที่ยว
โปรแกรมการเดินทาง >>> โปรแกรมท่องเที่ยวกรีนแลนด์
ที่มาบทความ
- https://www.everyculture.com/multi/Ha-La/Inuit.html#ixzz6whmABc9t
- https://www.britannica.com/place/Greenland/History
- https://visitgreenland.com/things-to-do/inuit-culture/#destinations-load-more