หาดทรายมีมากมายหลากหลายสี หากนึกจะไปพักผ่อนที่หาดทรายสวยๆ สักที่ คนอาจจะนึกถึงหาดทรายขาวสีนวลตัดกับสีฟ้าของท้องฟ้าและน้ำทะเลที่เราสามารถเห็นได้ทั่วไป แต่หารู้ไม่ว่าแท้จริงแล้วหาดทรายไม่ได้มีเพียงสีขาวหรือสีน้ำตาลอ่อนอย่างที่เคยเข้าใจเท่านั้น ในประเทศต่างๆ ยังมีหาดทรายอีกมากมายหลายสีอีกมากมายไม่ว่าจะเป็นสีชมพูสดใส สีดำอึมครึม หรือสีอื่นๆ ที่อยู่ตามชายหาดทั่วโลก
วันนี้จึงจะพาไปดูหาดทราย 9 สี ในหลายประเทศพร้อมไขข้อข้องใจของหาดทรายหลากสีพวกนี้
หาดทรายแต่ละสีเกิดจากอะไร?
เหตุผลที่สีของทรายในแต่ละที่มีสีสันแตกต่างกันโดยส่วนใหญ่แล้วมีสาเหตุมาจาก แร่หิน แร่ธาตุหรือปาการังที่อยู่ในบริเวณนั้น เมื่อแร่หรือปาการังเหล่านั้นถูกลมหรือน้ำทะเลกัดเสาะจนจุดหนึ่งก็กลายเป็นเศษซากเล็กๆ และถูกคลื่นพัดขึ้นมาบนชายฝั่งบนปนกับทราย เมื่อเวลาผ่านไปสีสันของแร่เหล่านั้นก็มีจำนวนเยอะขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้กลายเป็นสีหลักของหาดทรายนั้นในที่สุด ความชื้นของอุณหภูมิก็มีผลทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของสีให้เข้มหรือจางขึ้นได้เช่นกัน
หาดทรายสีชมพู ณ เกาะฮาร์เบอร์ (Habour Island, Bahamas)
เริ่มต้นหวานๆ กันที่สีชมพูพาสเทลที่ใครผ่านมาเห็นเป็นต้องกรี๊ดเพราะสีทรายของชายหาดแห่งนี้ ณ เกาะฮาร์เบอร์ในประเทศบาฮามาสนั้นเป็นสีชมพูอ่อนคล้ายขนมสายไหมหรือสีขนของนกฟามิงโก้ หาดทรายแห่งนี้ทอดยาว 5 กิโลเมตรอยู่บนชายฝั่งของเกาะฮาเบอร์ติดกับมหาสมุทรแอตแลนติค ซึ่งสีชมพูของหาดทรายแห่งนี้ไม่ได้เกิดจากเวทมนต์หรือสิ่งวิเศษใดๆ เพียงแต่เป็นการทับถมของ ฟอรามินิเฟอรา (foraminifera) โปรโตซัวชนิดหนึ่งที่มีเปลือกสีแดงเหลือบชมพูรวมกับปาการังและเปลือกหอยอยู่บริเวณชายฝั่ง ซึ่งเมื่อเศษซากพวกนี้ถูกน้ำกัดเซาะก็จะกร่อนเป็นทรายเม็ดเล็กๆ แล้วแคลเซียมคาบอนเนตซึ่งเป็นสารที่อยู่ในเปลือกของพวกมันก็จะทำให้ทรายเหล่านี้มีสีชมพูและเข้าไปปะปนกับทรายสีขาวบนหาดจนทำให้หาดทรายแห่งนี้ปกคลุมไปด้วยทรายสีชมพูอย่างที่เห็นกันนั่นเอง
นอกจากที่เกาะฮาเบอร์ในประเทศบาฮามาสแล้ว หาดทรายสีชมพูยังสามารถพบได้อ่าวฮอร์สชู (Horseshoe Bay) ในเบอร์มิวด้าที่ตั้งอยู่ในเขตแดนสหรัฐและหาด Pantai Merah บนเกาะโคโมโดประเทศอินโดนีเซียเพื่อนบ้านของไทยอีกด้วย
หาดทรายสีดำ ณ ไอซ์แลนด์ (Reynisfjara Black Sand Beach, Iceland)
สายหวานกันไปแล้วตัดอารมณ์กลับมาที่สายเข้มคลาสสิคอยากหาดทรายสีดำในประเทศไอซ์แลนด์กันบ้าง โดยไอซ์แลนด์ขึ้นชื่ออยู่แล้วในเรื่องของการมีภูมิประเทศที่หลากหลายซึ่งหาด Reynisfjara ก็เป็นอีกหนึ่งที่ที่จะพลาดไม่ได้ ทรายในหาดแห่งนี้มีสีดำสนิทตัดกับน้ำทะเลและทอดยาวหลายกิโลเมตรตั้งแต่โขดหิน Dyrhóleay ที่ต้นหาดไปจนถึงหมู่บ้านเล็กๆ ในเมือง Vík โดยหาดทรายดำแห่งนี้นั้นมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลกได้รับการยกย่องจากนิตยสารดังอย่าง National Geographic ให้เป็นหนึ่งใน หาดที่สวยที่สุดในโลก
เหมาะแก่การมาเยือนสักครั้งอีกด้วย ไอซ์แลนด์เป็นประเทศที่มีภูเขาไฟปรากฏอยู่เกือบ 130 ลูกและยังคงมีบางส่วนปะทุอยู่ จึงทำให้สามารถคาดการณ์ได้ว่าสีดำของหาดทรายแห่งนี้ต้องมีความเกี่ยวข้องกับภูเขาไฟเหล่านี้แน่นอน ซึ่งก็จริงตามคากการณ์เพราะสาเหตุที่ทรายบนเกาะแห่งนี้มีดำสนิทเนื่องมาจากการระเบิดครั้งใหญ่ของภูเขาไฟ Katla ที่อยู่ใกล้เคียงบริเวณหาดเมื่อหลายพันปีก่อน การระเบิดครั้งนั้นนำพาเถ้าถ่านภูเขาไฟและลาวาออกมา และเมื่อลาวาที่มีอุณหภูมิสูงมาเจอกับน้ำทะเลที่มีอุณหภูมิที่แตกต่างกันมากจึงทำให้ลาวาแข็งตัว เมื่อเวลาผ่านไปลาวาที่แข็งตัวโดนทั้งน้ำกัดเซาะและการกร่อนจากลมทำให้หาดทรายแห่งนี้กลายเป็นสีดำในที่สุด
ในความเป็นจริงแล้วหาขาดความชื้นไปก็อาจจะทำให้ทรายในหาดแห่งนี้สีอ่อนลงกลายเป็นสีเทาได้แต่เนื่องด้วยหาด Reynisfjara ตั้งอยู่ในเขตมรสุมที่มีฝนตกตลอดเวลาของไอซ์แลนด์จึงทำให้หาดแห่งนี้คงสีดำขลับอย่างนี้ไว้ได้ต่างจากหาดในที่อื่นๆ
ทัวร์ไอซ์แลนด์ของบริษัทได้จัดพาไปชมหาดทรายดำแห่งนี้ในแผนการเดินทางปกติของเรา สามารถดูโปรแกรมได้ที่นี่ https://www.patourlogy.com/tour/ทัวร์ไอซ์แลนด์-ถ้ำน้ำแข
อีกหนึ่งหาดสีดำที่มีชื่อคือ หาดปูนาลู (Punalu’u Beach) ในหมู่เกาะฮาวายที่หาดทรายจะมีสีดำตลอดทั้งปี สาเหตุที่ทรายบนหาดแห่งนี้มีสีดำก็เป็นผลมาจากการระเบิดของภูเขาไฟกับหาดทรายดำในไอซแลนด์เพียงแต่ในฮาวายจะเป็นภูเขาไฟใต้น้ำที่ระเบิดขึ้นมาและและเมื่อลาวาที่ไหลทะลักออกมาเจอกับน้ำก็ทำให้เกิดการเย็นตัวอย่างรวดเร็วกลายเป็นหินบะซอลต์ ภายหลังจึงถูกคลื่นทะเลกัดเซาะและพัดเถ้าถ่าน เศษหินสีดำมาปกคลุมหาดในที่สุด ในจังหวัดพังงาของประเทศไทยเองก็มีหาดทรายสีดำตั้งอยู่ที่หาดนางทอง บริเวณเขาหลัก สีดำจากหาดแห่งนี้ไม่ได้เกิดจากภูเขาไฟระเบิดเหมือนต่างประเทศแต่เป็นผลพวงมาจากการทำเหมืองแร่ดีบุกในอดีต เมื่อกิจการเหมืองแร่เลิกกิจการไปแล้วก็ยังคงมีเศษซากลงเหลืออยู่และมากพอจนทำให้หาดนางทองกลายเป็นหาดทรายสีดำอีกแห่งในโลก
หาดทรายสีแดง ณ หาด Kaihalulu สหรัฐอเมริกา (Hawaii Island, USA)
ต่อกันที่หาดทรายแดง ณ หมู่เกาะฮาวาย ประเทศสหรัฐอเมริกา หมู่เกาะฮาวายเองก็เป็นที่รู้จักในฐานะสถานที่พักผ่อนติดทะเลที่สวยติดอันดับต้นๆ ของโลกอยู่แล้วโดยหาดทรายแห่งนี้ก็เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวแปลกตาที่นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางมาอาบแดด ดำน้ำหรือส่องนกได้ หาด Kaihalulu นี้ตั้งอยู่ทางตะวันออกของเกาะเมาอิ (Maui) เกาะที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองของหมู่เกาะฮาวาย บริเวณหาด Kaihalulu สีของหาดทรายรวมไปถึงโขดหินโดยรอบจะออกสีแดงเข้มจนไปถึงสีน้ำตาลแดงตัดกับสีฟ้าของน้ำทะซึ่งเป็นที่หาดูได้ยาก
ปัจจุบันนอกจากหาดแห่งนี้ก็จะมีหาดที่อยู่บริเวณเมืองซานโตรินี่ ประเทศกรีซเท่านั้น โดยหาดทรายแดงนั้นส่วนใหญ่มักจะมีสาเหตุมาจากการปะปนของแร่ซึ่งมีส่วนประกอบของแร่เล็กปริมาณมาก เมื่อแร่เหล็กมาเจอกับออกซิเจนในอากาศจะทำให้แร่เหล็กนั้นเปลี่ยนสีเป็นสีออกแดงเข้มและกลายสภาพเป็นเศษเล็กเศษน้อยอยู่บนโลก
เช่นเดียวกันกับหาด Kaihalulu แห่งนี้ที่ล้อมรอบด้วยกรวยกรวดภูเขาไฟที่อุดมไปด้วยแร่เล็ก ในครั้งอดีตเมื่อภูเขาไฟเหล่านี้ปะทุขึ้นมาจึงนำลาวาที่มีส่วนผสมของแร่เหล็กมายังหาด เมื่อเจอกับออกซิเจนในอากาศจึงเปลี่ยนหาดทรายขาวแห่งนี้เป็นหาดทรายแดงหายาก ณ ปัจจุบัน
หาดทรายสีม่วง ณ หาด Pfeiffer รัฐแคลิฟอร์เนีย (California, USA)
พูดถึงหาดสีม่วงที่โด่งดังที่สุดก็จะเป็นที่ไหนไปไม่ได้เลยถ้าไม่ใช่หาด Pfeiffer ที่ตั้งอยู่บนเขตป่าสงวน Los Padres ถนนสายหลัก Big Sur ในรัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งถนนสายนี้มีชื่อเสียงโด่งดังอยู่แล้วในฐานะถนนที่มีวิวสวยติดอันดับต้นๆ ของโลก พอมาประกอบกับหาดทรายสีม่วงก็ยิ่งทำให้ถนนสายนี้โดดเด่นขึ้นไปอีก ส่วนสาเหตุที่ทรายที่หาดไฟเฟอร์นั้นมีสีม่วงนั้นก็เนื่องมาจากแร่โกเมนแมงกานีสที่ถูกน้ำฝนกัดเซาะจากเนินหินรอบๆ หาดทำให้แร่โกเมนแมงกานีสสีม่วงนี้ไหลลงมาปะปนทรายบนชายฝั่งหาดไฟเฟอร์จนทำให้ชายฝั่งทางเหนือของถนนสายหลักนี้กลายเป็นสีม่วงนั่นเอง
อย่างไรก็ตามหาดแห่งนี้อาจจะไม่ได้มีสีม่วงเด่นให้เห็นได้ชัดๆ ตลอดเวลา ยิ่งหากฝนไม่ตกแล้วก็ยิ่งยากที่จะเห็นทรายที่หาดกลายเป็นสีม่วง เพราะฉะนั้นช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่นักท่องเที่ยวจะสามารถไปเยี่ยมชมหาดไฟเฟอร์นี้ได้จึงเป็นช่วงหลังมรสุมฤดูหนาวที่จะมีฝนตกหนักในรัฐแคลิฟอเนียร์ เมื่อท้องฟ้าแจ่มใส ลองไปเดินที่หาด รับรองม่วงสมใจ!
หาดทรายสีม่วงสามารถพบได้น้อยและสีม่วงก็อาจจะไม่ได้กระจายตัวทั่วหาด มีการค้นพบหาดสีม่วงไม่กี่แห่งบนโลก ตัวอย่างหาดสีม่วงที่พบในสหรัฐอเมริกา และสถานที่นั้นก็คือเกาะ Plum ซึ่งตั้งอยู่ที่บริเวณชายฝั่งของนิวยอร์ก ทรายสีม่วงบนเกาะแห่งนี้เกิดจากการผสมกันระหว่างเศษแร่ธาตุสีชมพูจากพลอยโกเมนสีแดงเข้ม (almandine-pyrope garnet) กับเศษแร่ธาตุสีเข้มจากแร่อีพิโดตหรือหินบริเวณหาดจนกลายมาเป็นหาดสีม่วงอีกแห่งในสหรัฐ
หาดทรายสีเขียว ณ หาดปาปาโคเลีย สหรัฐอเมริกา (Hawaii Island, USA)
โทนร้อนกันไปเยอะแล้ว ลองเปลี่ยนมาดูหาดโทนเย็นกันบ้างและหาดโทนเย็นแรกที่อยากจะพาไปดูคือหาดทรายสีเขียวดั่งทุ่งหญ้ากว้าง หากดูจากรูปไกลๆ อาจจะงงได้ว่านี่มันรูปทุ่งหญ้าริมทะเลหรือเปล่า แต่จริงๆ แล้วที่นี่คือหาดทรายเขียวที่มีชื่อว่าหาดปาปาโคเลีย (Papakolea Beach) หรือมีชื่อท้องถิ่นว่า Mahana Beach โดยหาดแห่งนี้ตั้งอยู่ทางใต้ของเกาะฮาวาย สหรัฐอเมริกา หาดปาปาโคเลียแห่งนี้ถือเป็น 1 ใน 4 หาดทรายเขียวในโลก เรียกได้ว่าหาดูได้ไม่ง่ายเลย
สีเขียวของหาดทรายแห่งนี้ได้มาจากแร่โอลิวีน แร่สีเขียวซึ่งมีที่มาจากลาวาที่เย็นและแข็งตัวลงหลังจากการปะทุของภูเขาไฟ Pu’u Mahana เมื่อประมาณ 49,000 ปีก่อนซึ่งการระเบิดครั้งนั้นถือเป็นการระเบิดครั้งสุดท้ายที่ระเบิดแมกมาซึ่งมีแร่โอลิวีนประกอบอยู่ออกมาจำนวนมากและลาวาเหล่านั้นได้ไหลลงสู่ชายหาด ภายหลังจากการแข็งตัวและโดนน้ำทะเลกัดเซาะจึงกลายเป็นทรายสีเขียวมะกอกในที่สุด
หาดทรายเขียวอีก 3 ที่จะสามารถพบได้ที่เกาะกาลาปากอส (Galapagos) หาด Talofofo ในประเทศกวม และเมืองคูรู จังหวัดเฟรนช์เกียร์น่าประเทศฝรั่งเศส (Kourou, French Guiana)
หาดทรายขาว ณ เมืองเซบู (Cebu, Philippines)
ผ่านมาหลายสี หาดทรายขาวอาจจะดูธรรมดาสำหรับนักเดินทางแต่อย่าเพิ่งเลื่อนผ่านเพราะหาดทรายขาวที่เกาะเซบู ราชินีเกาะใต้ของประเทศฟิลิปปินส์นั้นมีสีขาวชัดเจนกว่าหาดทรายที่อื่นๆ และเป็นหาดทรายที่ทอดยาวตลอดทั้งเกาะและในเกาะก็มีสีทรายที่แตกต่างกันไปในแต่ละหาด ส่วนหาดที่ถูกจัดอันดับว่าเป็นหาดที่สวยที่สุดได้แก่หาด Sta. Fe ในเกาะ Bantayan ที่อยู่ทางตอนเหนือของหาดเซบูอีกที โดยหาดทรายขาวแห่งนี้เกิดจากการที่ทรายหรือเศษซากจำนวนมากลงไปทับถมระหว่างรอยแยกของมหาสมุทรเมื่อเวลาผ่านไปจึงเกิดเป็นหาดทรายขาวขนาดใหญ่ในปัจจุบัน
หาดทรายขาวสามารถพบได้ทั่วไปตามชายหาดทั่วโลกอาทิ หาดทรายขาวHauklandstranda ที่เกาะโลโฟเทนของนอร์เวย์ และหาดทรายขาวในรัฐ New South Wales ของประเทศออสเตรเลียที่ถูกจัดให้เป็ดหาดที่มีทรายสีขาวที่สุดในโลก
หาดทรายเรืองแสง ณ เกาะ Vaadhoo มัลดีฟส์ (Vaadhoo Island, Maldives)
พูดเรื่องเรืองแสงหลายคนอาจจะเคยเห็นสิ่งมีชีวิตเรืองแสงอย่างหิ่งห้อยหรือแมงกระพุนที่เรืองแสงในความมืด แต่มีใครเคยเห็นหาดเรืองแสงด้วยตาของตนเองหรือเปล่า หากยังไม่เคยอยากจะแนะนำในรู้จักกับหาดเรืองแสง ณ เกาะ Vaadhoo ของหมู่เกาะมัลดีฟส์หมู่เกาะที่ขึ้นชื่อเรื่องวิวทะเลที่สวยที่สุดและเป็นสถานที่พักผ่อนอันดับต้นๆ ของโลกกัน
เกาะแห่งนี้นอกจากจะขึ้นชื่อเรื่องวิวทะเลที่สวยงามแล้ว ความลับของเกาะก็คือในยามค่ำคืนหาดทรายของเกาะจะเรืองแสงอีกด้วย แต่อย่าเพิ่งตกใจกันไปเพราะที่หาดทรายแห่งนี้เรืองแสงไม่ได้เป็นเพราะทรายเรืองแสงได้เองแต่อย่างใดแต่มันเป็นปรากฏการณ์ที่เรียกว่า Bioluminescence หรือการเรืองแสงทางชีวภาพของสิ่งมีชีวิตที่เกิดขึ้นบริเวณหาดนั่นเอง ซึ่งในกรณีของหาดมัลดีฟส์นั้นเป็นการเรืองแสงของแพลงก์ตอนที่อยู่ในน้ำและถูกพัดขึ้นมาบนชายฝั่งจึงทำให้ได้เห็นเป็นแพลงก์ตอนสีฟ้าเรืองแสงอยู่บนหาดหรือบางทีก็เรืองแสงอยู่บนผิวน้ำจนทำให้หาดแห่งนี้ถูกขนานนามว่าหาดเรืองแสงนั่นเอง
ในส่วนของหาดเรืองแสงนี้ก็สามารถพูดได้ว่าหาดแห่งใดมีระบบนิเวศน์อุดมสมบูรณ์ มีแพลงก์ตอนอาศัยอยู่ปริมาณมากก็จะสามารถพบปรากฏการณ์หาดเรืองแสงได้ อาทิ อ่าว Mosquito ในเปอร์โตริโก้ Indian River Lagoon ในฟลอริด้าและอ่าวโทยามะของญี่ปุ่น
หาดทรายแก้ว ณ รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา (Glass Beach – California, USA)
ที่รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกาอีกครั้งเพราะไม่เพียงแต่รัฐนี้จะมีหาดทรายสีม่วงอันโด่งดังเท่านั้น หาดทรายแห่งนี้ยังเป็นหาดทรายแก้วเพียงหนึ่งเดียวในโลกอีกด้วย อ่านไม่ผิดหาดทรายแก้วหลากสีท้อนแสงนี้ตั้งอยู่ใน Fort Bragg เมืองทางตอนเหนือของรัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งต้นกำเนิดของหาดแห่งนี้มีความแตกต่างจากหาดอื่นๆ เล็กน้อยตรงที่แก้วก้อนกลมๆ มากมายที่อยู่บนหาดทรายแห่งนี้ไม่ได้มาจากธรรมชาติแต่อย่างใดหากแต่มาจากขยะที่ผู้คนที่อาศัยอยู่บริเวณทิ้งลงไปบนหาดโดยรอบทั้งสิ้น
โดยเมื่อครั้งอดีตประมาณปี ค.ศ. 1906 – 1967 หาดแห่งนี้เคยเป็นที่ทิ้งขยะกองโตมีทั้งอุปกรณ์เครื่องใช้ในบ้าน เศษขวด เศษแก้ว แบตเตอรี่ไปจนถึงรถจักรยานยนต์และรถยนต์เลยทีเดียว ผู้อยู่อาศัยขนาดนั้นได้ทิ้งขยะ ณ หาดแห่งนี้ทีละนิดๆ จนในที่สุดก็มีขยะเต็มพื้นที่หาดทำให้ทางการบริหารส่วนท่องถิ่นที่ดูแลเรื่องทรัพยากรน้ำของรัฐแคลิฟอร์เนียได้ปิดตัวที่ทิ้งขยะแห่งนี้ลงเพื่อทำความสะอาด
ในปี ค.ศ. 1967 หากแต่เจ้าหน้าที่เองก็ไม่สามารถกำจัดขยะกองโตในบริเวณนี้ได้หมด ยังคงหลงเหลือเศษแก้ว เศษขวดเป็นขญะของเมืองอยู่มากมาย แต่เมื่อเวลาผ่านไปใครกันจะคาดคิดว่าคลื่นทะเลที่ซัดเข้ามาบริเวณหาดประกอบกับลมและสภาพอากาศ ณ หาดแห่งนี้จะทำให้คมแหลมของเศษแก้วเหล่านั้นจะถูกน้ำกัดเซาะจนกลายสภาพมาเป็นกินก้อนกลมหลากสีมากมายกระจายตามหาดจนกลายมาเป็นหาดทรายแก้วแห่งถนนสายหลักของแคลิฟอร์เนีย
นอกจากสหรัฐแล้วดินแดนหนาวเย็นอย่างรัสเซียเองก็มีหาดทรายแก้วเช่นกัน บนอ่าว Ussuri ของรัสเซียนั้นหาดทรายแก้วสีใสนั้นปะปนกับหิมะอยู่ทั่วหาดในฤดูหนาวซึ่งหาดแห่งนี้เองก็เคยเป็นจุดทิ้งขยะของกองทัพโซเวียตในสมัยสงครามเช่นกัน ในส่วนของเกาะไอร์แลนด์ก็สามารถพบกับหาดทรายแก้วในบริเวณที่เคยเป็นที่ตั้งของโรงงานผลิตแก้วใน Sandy’s Parish ณ เบอร์มิวด้าได้เช่นกัน
หาดสีรุ้ง ณ ควีนส์แลนด์ (Rainbow Beach – Queensland, Australia)
ปิดท้ายด้วยหาดทรายสีรุ้งส่งตรงจากรัฐควีนส์แลนด์ ประเทศออสเตรเลีย หาดแห่งนี้ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติ Cooloola ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองหลวงบริสเบนไปประมาณ 200 กิโลเมตร ที่เรียกว่าหาดสีรุ้งนี่ไม่ได้หมายความว่าที่หาดมีทราย 7 สีเสมือนสีรุ้งกินน้ำแต่อย่างใดเพียงแต่จะสื่อถึงความหลากหลายของสีทรายที่มีมากถึง 74 สีต่างหาก หากดูแต่ภาพกว้างหาดสีรุ้งแห่งนี้ก็อาจจะดูเหมือนหาดทรายขาวทั่วไป แต่หากเดินไปเรื่อยๆ ตามชายฝั่งที่หาดก็จะพบว่าสีของหาดเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ทรายสีต่างๆ ทั้งส้ม ดำและแดงไล่สีทอดยาวไปตามหาดสีรุ้งแห่งนี้ สีของทรายบนหาดสีรุ้งก็มีต้นกำเนิดคล้ายๆ กับหาดทรายสีในที่อื่นๆ คือเกิดจากการที่แร่ธาตุและหินโดนน้ำกัดเซาะจนทำให้สีของหินหรือแร่ธาตุเหล่านั้นลงมาปะปนกับทรายบนหาด
ในกรณีของ The Rainbow Beach แห่งนี้ก็เป็นแร่ Iron Oxide จะเป็นแร่หลักที่อยู่ในโขดหินรอบๆ หาดทำให้เกิดเป็นสีสันต่างๆ บนหาดแห่งนี้นั่นเอง
ได้อ่านอย่างนี้แล้วเห็นความสวยงามแปลกตาของหาดทรายแต่ละประเทศกันบ้างหรือเปล่า นอกจาก 9 ประเทศที่ยกตัวอย่างกันมาก็ยังมีอีกหาดประเทศที่มีทรายสีแปลกๆเช่นนี้เช่นกัน อย่างในประเทศกรีซเอง นอกจากหาดทรายแดงแล้วก็ยังมีหาดทรายสีดำอยู่ที่หาด Kamari เพียงแต่สีทรายในหาดอาจจะไม่ได้ดำสนิทอย่างในประเทศไอซ์แลนด์เนื่องจากแร่ธาตุซึ่งอยู่บริเวณหาดมีความแตกต่างกัน หาดสีอื่นๆเองด้วยเช่นกัน บางหาดมีสีที่คล้ายคลึงกันก็ไม่ได้แปลว่ามีส่วนผสมของแร่เดียวกัน ถือเป็นความมหัศจรรย์ของธรรมชาติที่เราไม่อาจคาดเดาได้ ใครไปเยี่ยมชมก็รับประกันได้ว่าของจริงสวยกว่ารูปภาพเป็นไหนๆ
References
- How Does Sand Get Its Color?
- Where to Find Pink Sand Beaches
- Where to Find the World’s Most Extraordinary Beach Sea Glass
- REYNISFJARA BEACH
อ่านบทความเกี่ยวกับการท่องเที่ยวอื่นๆต่อได้ที่ >>> https://www.patourlogy.com/blog/inspiration
สนใจทัวร์ส่วนตัว และโปรแกรมทัวร์ คลิ๊ก >>> https://www.patourlogy.com/ทริปทัวร์เดินทาง