ฮุกกะ (Hygge) แนวความคิดให้ชีวิตเป็นสุขชองชาวเดนมาร์ก แม้ประเทศเดนมาร์กจะมีฤดูหนาวที่หนาวเหน็บอุณหภูมิต่ำกว่า 0 องศา และในช่วงเวลานี้จะมีแสงแดดส่องสว่างเพียงแค่ 6 ชั่วโมงต่อวัน แต่ในรายงานการสำรวจระดับโลกของสำนักต่างๆ เดนมาร์กมักจะถูกจัดให้เป็นประเทศที่มีความสุขในระดับต้นๆ ของโลกเสมอเป็นประจำทุกปี ผู้คนอยากรู้ว่าอะไรคือเคล็ดลับที่ไขปริศนาแห่งความสุขนี้แม้ในสภาพอากาศที่ไม่ค่อยเป็นใจ และผู้เชี่ยวชาญด้านความสุขหลายๆ คนก็เห็นตรงกันว่า ฮุกกะ หรือฮุกก้า (Hygge) คือ ปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่ง ที่มีผลต่อระดับความสุขของชาวเดนมาร์กอย่างไม่มีข้อสงสัย
ต้นกำเนิดของคำว่าฮุกกะ (Hygge)
แม้ฮุกกะจะเป็นที่รู้จักแพร่หลายไปทั่วโลกว่าเป็นจิตวิญญาณของชาวเดนมาร์ก แต่คำว่า ‘ฮุกกะ’ ไม่ได้มีต้นกำเนิดจากรากศัพท์ในภาษาเดนมาร์กแท้ๆ กลับเป็นคำในภาษานอร์เวย์โบราณซึ่งมีความหมายว่า “ความเป็นอยู่ที่ดี” คำว่า “ฮุกกะ” ปรากฏตัวครั้งแรกในเดนมาร์ก โดยผ่านงานเขียนของนักประพันธ์ชาวเดนมาร์กเมื่อราวปลายศตวรรษที่ 18 และชาวเดนมาร์กก็รับมันไว้ในอ้อมใจนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
ความหมายของฮุกกะในทัศนะของชาวเดนมาร์ก
คำว่า ‘hygge’ ในภาษาเดนมาร์กไม่มีการแปลความตามตัวอักษรเพียงคำใดคำหนึ่ง แต่เป็นคำจำกัดความของปรัชญา แนวคิด และศิลปะในการดำรงค์ชีวิตของชาวเดนมาร์ก ความหมายที่ดูจะตรงที่สุดคือ ‘ความผาสุก’ ซึ่งนิยามโดย ‘The Book of Hygge’ ซึ่งเขียนโดย Louisa Thomsen Brits คำนี้มีความหมายครอบคลุมถึง ‘ความรู้สึกว่าเราเป็นส่วนหนึ่งของที่นี่ ความอบอุ่นในหัวใจ ช่วงเวลาแห่งความสงบ และความพึงพอใจในตัวเอง‘ พจนานุกรม Oxford ได้เพิ่มคำว่า ‘Hygge’ ลงในทำเนียบคำศัพท์ ในปี 2017 โดยแปลไว้อย่างหลวม ๆ ว่า ‘cozy’ ซึ่งอาจเป็นคำที่สามารถตีความหมายได้กว้าง เช่น อาจหมายถึงการสร้างบรรยากาศของความสนิทสนมและความพึงพอใจที่แสนสบาย
The Hygge Ways
มาถึงตอนนี้หลายคนคงอยากรู้ว่าชาวเดนมาร์ก ‘ฮุกกะ’ กันในรูปแบบไหนได้บ้าง วิถีฮุกกะมีอยู่อย่างหลากหลาย เป็นสิ่งที่ได้รับการเรียนรู้และปฏิบัติต่อๆ กันมา
-
การจุดแสงเทียนที่อบอุ่น
แสงเทียนเป็นองค์ประกอบหลักในการสร้างบรรยากาศฮุกก้า และชาวเดนมาร์กก็ได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่บริโภคเทียนหอม (ต่อหัว) มากที่สุดในโลก การจัดแสงและกลิ่นเพื่อให้เกิดบรรยากาศอบอุ่นภายในบ้านเป็นสิ่งจำเป็นต่อปรัชญาของฮุกก้า ชาวเดนมาร์กติดนิสัยการจุดเทียนแม้จะเป็นเวลาเช้าก็ตาม การจุดเทียนระหว่างดื่มชายามเช้าถือเป็นเรื่องปกติ ซึ่งแน่นอนแสงเทียนนั้นขาดไม่ได้ในการทานอาหารมื้อเย็น และพวกเขายังดื่มด่ำกับพิธีกรรมการสิ้นสุดของวันด้วยการเป่าเทียนให้ดับก่อนเข้านอนอีกด้วย
-
การสร้างสวรรค์ฤดูหนาวในบ้าน
ในยามค่ำคืนฤดูหนาวอันแสนจะเยือกเย็นและกลางวันที่สั้นลง นั่นหมายถึงการที่ต้องใช้เวลาอยู่ในบ้านอย่างยาวนานมากขึ้น การทำให้บ้านเป็นสวรรค์ที่หลบภัยในฤดูหนาวจึงมีความสำคัญยิ่งกว่าฤดูอื่นๆ จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่ชาวเดนมาร์กภาคภูมิใจในการสร้างพื้นที่ที่อบอุ่นแสนสบายในแบบฮุกก้า ซึ่งออกมาในรูปแบบของการนำหมอนนิ่มๆ หลายใบมาซ้อนกันบนโซฟาตัวใหญ่และใช้ผ้าห่มเนื้อนุ่มละเอียดมาเสริมโดยเน้นใช้เนื้อผ้าขนสัตว์หรือผ้าฝ้ายออร์แกนิกธรรมชาติเพื่อผิวสัมผัสอันอ่อนโยน ปูพรมที่หนานุ่มต่อการสัมผัสบนพื้นเปล่าและประดับผ้าม่านหน้าต่างเป็นเดรปหลายชั้นเพื่อป้องกันไอของลมหนาวที่จะเข้ามาในบ้าน
-
การเฉลิมฉลองกับความเรียบง่าย
ฮุกก้าเน้นความเรียบง่าย การเก็บเกี่ยวกับ ‘ประสบการณ์’ ไม่ใช่ ‘สิ่งของ’ ช่วงเวลาของฮุกก้า จึงเป็นช่วงแห่งความสุขอย่างแท้จริงในการได้ทำสิ่งที่ชอบมากที่สุด ที่ปราศจากการแข่งขันทางวัตถุนิยม ฮุกก้าคือการรู้สึกขอบคุณสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่ชีวิตมอบให้ มีความสุขได้ง่ายๆ จากเรื่องธรรมดาๆ ในชีวิต เช่น การอ่านหนังสือดีๆ สักเล่ม การฟังอัลบั้มโปรดของคุณ หรือนั่งดูหิมะตกลงมาจากฟ้าข้างนอกหน้าต่างขณะที่ซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่มอุ่นๆ และการผ่อนคลายด้วยเครื่องดื่มร้อนที่โปรดปราน เป็นต้น
-
การออกไปชื่นชมธรรมชาติ
การออกไปอยู่ข้างนอกบ้านนั้นดีต่อสุขภาพร่างกายและจิตใจของมนุษย์ ซึ่งไม่ควรยกเว้นแม้ในช่วงเดือนที่อากาศหนาวเย็นอย่างแน่นอน อันที่จริงการใช้เวลานอกบ้านในช่วงฤดูหนาวอาจมีความสำคัญเป็นพิเศษในการป้องกันความผิดปกติทางอารมณ์ตามฤดูกาล และแน่นอนการออกไปหาเพื่อนฝูงและลองทำกิจกรรมผจญภัยในฤดูหนาวด้วยกันคือฮุกก้า การรวมกลุ่มเพื่อนรู้ใจและออกไปเดินเล่นในข้างนอก เพื่อดื่มด่ำกับธรรมชาติที่สดชื่นในฤดูหนาว ความเงียบสงบของสรรพสิ่งซึ่งปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาวสามารถฟื้นฟูพลังใจและร่างกายได้อย่างไม่น่าเชื่อ นอกจากนี้ยังหมายรวมถึงการนำเอาธรรมชาติเข้ามาเชื่อมโยงกับภายในบ้าน เช่นการเปิดช่องหน้าต่างหรือประตูเพื่อให้แสงแดดธรรมชาติเข้ามาภายในบ้านให้มากที่สุด การใช้เฟอร์นิเจอร์ไม้ที่เป็นผลผลิตจากธรรมชาติ การเชื่อมต่อบ้านกับส่วนที่เป็นสวนเข้าด้วยกัน และการจัดวางต้นไม้เขียวขจีไว้ที่ข้างหน้าต่าง สำหรับในวันที่อากาศไม่เป็นใจให้ออกไปข้างนอกได้ แต่ก็ยังได้รับพลังงานจากธรรมชาติซึ่งเป็นหัวใจหนึ่งของฮุกก้า
-
การดื่มด่ำกับรสชาติอาหาร
สำหรับชาวเดนมาร์กแล้ว อาหารถูกมองว่าเป็นสิ่งที่น่าค้นหาและแบ่งปันกัน ในคืนที่หนาวเย็นและมึดคลึ้ม เป็นเรื่องปกติที่ครอบครัวและเพื่อนที่รู้ใจจะมาล้อมวงทานอาหารร้อนๆ จานโปรดที่มักเรียกว่า comfort food ด้วยกัน และมักตบท้ายด้วยเค้กหรือไวน์แดงสักแก้ว Cecilia Fahlström บล็อกเกอร์และผู้เขียนตำราอาหารจากโคเปนเฮเกนได้กล่าวว่า ‘การอบขนมเป็น ช่วงเวลาแห่งความสงบสุข และการได้แบ่งปันขนมเค้กที่ทำเองกับครอบครัวและเพื่อนฝูงคืออะไรที่เป็นฮุกก้ามากสำหรับฉัน’ นอกจากอาหารและขนมแล้ว มีรายงานสถิติระบุว่า ชาวเดนมาร์กดื่มกาแฟมากกว่าชาวอเมริกันเสียอีก จนมีคำภาษาเดนมาร์กที่ควบรวมคำว่ากาแฟและฮุกก้าเข้าด้วยกัน นั่นคือ ‘Kaffehygge’ สำหรับคนเดนมาร์ก พิธีกรรมการต้มและชงกาแฟที่พิถีพิถัน การละเลียดกาแฟทีละนิด การดื่มด่ำกับกลิ่นกาแฟหอมอย่างช้าๆ คือฮุกก้า เครื่องดื่มร้อน (hot drink) เป็นส่วนที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งของฮุกก้า เพราะเป็นการทำให้ร่างกายอบอุ่น สดชื่น และทำให้รู้สึกสบายตัวซึ่งเป็นการเสริมพลังกายใจอย่างที่หลายคนอาจนึกไม่ถึง
-
การเชื่อมโยงความสัมพันธ์กับผู้คนรอบตัว
การใช้เวลาที่มีคุณภาพกับครอบครัวและเพื่อนฝูงที่รู้ใจ ซึ่งโดยมากจะเน้นการพบปะพูดคุยกันที่เรียบง่ายสบายๆ นำอาหารโฮมเมดมาแบ่งปันกันชิม ซึ่งแน่นอนที่สุดฮุกก้าไม่ใช่การเป็นเจ้าภาพงานเลี้ยงดินเนอร์ที่สมบูรณ์แบบไร้ที่ติแต่อย่างใด หากสิ่งสำคัญคือการโฟกัสที่การได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกัน การใส่ใจกัน การหล่อเลี้ยงความสัมพันธ์ระหว่างกันและกัน มากกว่าการสร้างความประทับใจในตัวอาหารหรือความหรูหราของสถานที่ ฮุกก้าจะเน้นไปที่ ‘การเป็น’ ไม่ใช่ ‘การมี’ การนั่งล้อมรอบเตาผิงในฤดูหนาว ทานซุปร้อนง่ายๆ ด้วยกัน คุยกันสบายๆ หรือแม้แต่ไม่คุยกันเลยแต่มีความสุขที่ได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกัน คือฮุกก้า
-
การใช้ชีวิตให้ช้าลง
การเดินตามวิถีของฮุกก้า อาจจะทำได้ยากในวิถีชีวิตที่ต้องเร่งรีบและต้องตัดสินใจรวดเร็วตลอดเวลา เพราะหัวใจหนึ่งของฮุกก้า คือการรับรู้และมีสติอยู่กับปัจจุบัน การหยุดนิ่งๆ เพื่อค้นพบช่วงเวลาที่ทำให้จิตใจสงบเพื่อพิจารณาและฟื้นฟูจิตวิญญาญหลังจากช่วงเวลาที่ทำงานหนัก การหยุดตำหนิหรือวิพากวิจารณ์ผู้อื่น การปล่อยวาง และการตระหนักว่าช่วงเวลาของปัจจุบันนั้นกำลังจะผ่านไป และโอบกอดเวลาใหม่ที่กำลังจะเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง
-
การฝึกขอบคุณในสิ่งรอบตัว
ฮุกกะ คือ การฝึกขอบคุณสิ่งรอบตัวที่ชีวิตมอบให้ โดยการชื่นชมแม้แต่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่ทำให้ชีวิตมีความสุขและมีความหมาย รวมไปถึงความสัมพันธ์ ความพึงพอใจในชิวิต ซึ่งไม่ใช่เงินทองและวัตถุ แม้ในวันที่ไม่ใช่วันที่ดีที่สุด แต่ปรัชญาของฮุกก้ายังทำให้ชาวเดนมาร์กตระหนักว่ายังมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างรอบตัวที่ยังควรค่าแก่การรู้สึกขอบคุณอยู่ ซึ่งแนวคิดนี้จะทำให้พวกเขายังคิดบวกได้ ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใด
มากกว่านั้นการปิดโทรศัพท์มือถือ หรือการอ่านหนังสือให้มากขึ้นก็ยังจะช่วยให้เราเข้าใจและได้อยู่กับตัวเองมากขึ้นอีกด้วย
มาทำความเข้าใจพื้นฐานทางการเมืองและสังคมของประเทศเดนมาร์กกัน
การจะเข้าใจฮุกกะให้ถึงแก่นนั้น ควรต้องเข้าในพื้นฐานทางสังคมของชาวเดนมาร์กด้วย ความไว้วางใจเป็นค่านิยมที่สำคัญในวัฒนธรรมของชาวเดนมาร์ก และเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้พวกเขามีความสุข ในประเทศเดนมาร์ก ความไว้วางใจซึ่งกันและกันเป็นสิ่งที่ทุกคนมีโดยอัตโนมัติ ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์ทางธุรกิจ ความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนกับรัฐบาล ไปจนถึงความสัมพันธ์ส่วนตัวระหว่างเพื่อนและครอบครัว ความซื่อสัตย์เป็นที่สิ่งที่ถูกคาดหวังขั้นพื้นฐาน และการทุจริตในการทำธุรกิจ หรือในหมู่ข้าราชการนั้นแทบไม่มีให้เห็น
นอกจากนี้ เดนมาร์กเป็นประเทศที่มีความปลอดภัยสูงมากเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ใครที่เดยไปเยือนประเทศเดนมาร์กจะเห็นว่าเด็กๆ ชาวเดนมาร์กมีเสรีภาพและมีความเป็นอิสระมากกว่าเด็กที่ใดในโลก เป็นเรื่องปกติที่จะเห็นเด็กๆ อายุน้อยกว่า 8 หรือ 9 ขวบ เดินทางโดยลำพังโดยระบบขนส่งสาธารณะ และเป็นเรื่องปกติเช่นกันที่จะเห็นผู้โดยสารที่เป็นผู้ใหญ่คนอื่นๆ คอยเป็นหูเป็นตาดูแลพวกเขาแทนพ่อแม่
ในเดนมาร์ก รัฐบาลเป็นผู้ขจัดความกังวลส่วนใหญ่ของประชาชนที่จะได้รับการคุ้มครองอย่างทั่วถึง ผู้คนในเดนมาร์กได้รับการศึกษาและการดูแลสุขภาพฟรี มีระบบบำเหน็จบำนาญที่นับว่าดีที่สุดแห่งหนึ่งในโลก และแม้ว่าประเทศจะมีอัตราการเสียภาษีที่สูงที่สุดในโลกแห่งหนึ่งก็ตามที แต่ชาวเดนมาร์กก็ยินดีจ่ายเพราะพวกเขาเชื่อว่าภาษีที่สูงขึ้นสามารถสร้างสังคมที่ดีขึ้นได้เช่นกัน
ในการศึกษาเรื่องความสุข โดย World Happiness Report รายงานว่าความสุขของคนเรามีความเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดกับความเท่าเทียมทางสังคมและจิตวิญญาณของชุมชน ซึ่งแน่นอนทั้งสองสิ่งนี้เราจะพบได้ที่ประเทศนี้ ประชาชนชาวเดนมาร์กมีความเสมอภาคในระดับสูง และมีสำนึกในความรับผิดชอบร่วมกันที่จะผลักดันสังคมคุณภาพ ที่สวัสดิการของรัฐมีอย่างทั่วถึงและมีความยุติธรรม
แม้พื้นฐานทางการเมืองและสังคมของประเทศเดนมาร์กอาจเป็นปัจจัยหนึ่งที่สนับสนุนให้ชาวเดนมาร์กไม่จำเป็นต้องมีความวิตกกังวลกับสภาพความเป็นอยู่เท่าใดนัก แต่เราอาจเคยเห็นหลายประเทศที่ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดี มี GDP เติบโตก้าวกระโดด แต่ประชากรกลับไม่ค่อยมีความสุขในการใช้ชีวิตอย่างในประเทศเดนมาร์กเท่าใดนัก
คำตอบก็คือ ‘ฮุกก้า’ ปรัชญาการใช้ชีวิตซึ่งได้ฝังรากอยู่ในจิตวิญญาณของชาวเดนมาร์กมาเป็นระยะเวลานาน ฮุกก้าเป็นมากกว่าความอยู่ดีกินดีในเชิงกายภาพที่รัฐบาลมอบให้ มันคือวิธีการและมุมมองในการใช้ชีวิตในแบบที่ทำให้มีความพึงพอใจในสิ่งที่เป็น และการอิ่มเอมอยู่กับปัจจุบันขณะ รวมถึงการรู้สึกขอบคุณผู้คนและสิ่งดีๆ รอบตัวไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ การมองเห็นคุณค่าของสิ่งเล็กน้อย ที่ทำให้จิตใจเบิกบาน สิ่งนี้ต่างหากที่นำไปสู่ความสุขที่ยั่งยืน
อ้างอิง
- Here Is Why Denmark Is One Of The Happiest Countries In The World
- 10 WAYS TO MAKE YOUR LIFE MORE HYGGE
- I Practiced Hygge and It’s Kind of the Best Thing Ever
- Building Relationships in Hygge Life | 30 Days of Hygge Challenge
อ่านบทความเกี่ยวกับการท่องเที่ยวอื่นๆต่อได้ที่ >>> https://www.patourlogy.com/blog/inspiration
สนใจทัวร์ส่วนตัว และโปรแกรมทัวร์ คลิ๊ก >>> https://www.patourlogy.com/ทริปทัวร์เดินทาง