Ittoqqortoormiit เป็นเมืองที่สุดแสนจะโดดเดี่ยวในประเทศกรีนแลนด์ โดยชื่อเมืองนี้อ่านว่า อิตตอกกอร์ตูมีต นับเป็นอีกหนึ่งเมืองที่นักท่องเที่ยวเพียงไม่กี่คนที่จะออกเสียงได้ถูกต้องเป๊ะ ๆ ตามฉบับคนกรีนแลนด์
ความเป็นมาและสภาพทั่วไปของเมือง Ittoqqortoormiit
Ittoqqortoormiit อิตตอกกอร์ตูมีต ตั้งอยู่ทางชายฝั่งตะวันออกของกรีนแลนด์ โดยอยู่ในเขตเทศบาล Sermersooq แต่ก่อนรู้จักกันในชื่อ Scoresbysund ซึ่งตั้งตามนักสำรวจอาร์กติก William Scoresby คนแรกที่เจอพื้นที่นี้ในปี 1822 แต่ถูกค้นพบเมื่อปี 1925 โดย Ejnar Mikkelsen นักสำรวจชาวเดนมาร์กและชาวอินูอิตจำนวนหนึ่งส่วนใหญ่มาจาก Tasiilaq และฝั่งกรีนแลนด์ตะวันตก เมืองนี้มีประชากรทั้งหมดประมาณ 450 คนเท่านั้น
ชื่อ เมือง Ittoqqortoormiit ภาษากรีนแลนด์มีความหมายว่า ผู้อาศัยอยู่ในบ้านหลังใหญ่ “Big House Dwellers” ในภาษากรีนแลนด์ทางตะวันออก รายได้ของประชากรส่วนใหญ่มาจากการล่าสัตว์และการท่องเที่ยว จะสามารถพบเห็นบ้านพักอาศัยที่สร้างจากไม้ ทาสีสดใส เช่น สีฟ้าสว่าง สีแดง สีเหลือง และสีเขียว ซึ่งตัดกับสีชมพูและเทาไนล์ของหินตามชายฝั่งเมื่อแสงอาทิตย์กระทบได้อย่างลงตัว
เมือง Ittoqqortoormiit อิตตอกกอร์ตูมีต นี้มีร้านขายของชำแค่แห่งเดียวซึ่งข้าวของที่ขายนำเข้ามาจากประเทศเดนมาร์กผ่านทางเรือสองครั้งต่อปี มี guesthouse หลังสีส้มที่เดียวเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวซึ่งภายในมีเพียง 7 ห้อง มีไฟฟ้าและ Wi-Fi รวมถึงไมโครเวฟ ตู้เย็น และเครื่องเล่น DVD แม้สัญญาณเน็ตจะอ่อนมากก็ตาม นับเป็นโรงแรมที่โดดเดี่ยวที่สุดในโลก ที่นี่มีผับเหมือนกันแต่เปิดแค่คืนเดียวต่อสัปดาห์ มีโบสถ์เล็ก ๆ หนึ่งแห่งให้ประกอบพิธีทางศาสนา มีที่ทำการไปรษณีย์ให้ส่งโปสการ์ดได้ และยังมีพิพิธภัณฑ์ของเมืองที่แสดงรูปถ่าย รูปวาด และเครื่องแต่งกายของคนท้องถิ่น ถ้าคุณอยากลิ้มลองอาหารท้องถิ่นที่นี่ คุณอาจจะต้องพึ่งพาไกด์ท้องถิ่นให้ทำให้ทาน เพราะที่นี่ไม่มีร้านอาหารเลย ส่วนพัสดุต่าง ๆ เช่นจากเว็บ Amazon จะมาส่งให้คนเมืองนี้สองเดือนต่อครั้ง
สภาพอากาศของ Ittoqqortoormiit อิตตอกกอร์ตูมีต ที่นี่จะหนาวเย็นอยู่ตลอดเวลา ฤดูร้อนของเมืองนี้มีแค่สองเดือน (มิถุนายนและกรกฎาคม) โดยความพิเศษของเมืองนี้คือเราสามารถเห็นพระอาทิตย์เที่ยงคืนได้ แถมมีโอกาสเห็นแสงเหนือตอนกลางคืนได้ด้วย ในทุก ๆ วันจะมีการปล่อยบอลลูนเพื่อวัดสภาพอากาศยุโรปทุก ๆ 11.00 น. และ 23.00 น. หากอยากเห็นสามารถมาที่ Tele-Post ได้ก่อน 15 นาที เพื่อดูขั้นตอนตั้งแต่การเตรียมเชื้อเพลิงปล่อยบอลลูน
การเดินทางมาเมืองโดดเดี่ยวแห่งนี้
การเดินทางมาถือว่าเป็นการเริ่มต้นผจญภัยแล้ว เพราะเมืองนี้ตั้งอยู่ห่างไกลจากพื้นที่อื่นในกรีนแลนด์ ไม่มีทางสัญจรทางบกใดจะเข้าถึงได้ การจะเดินทางมาที่เมืองแห่งนี้มีอยู่สองวิธีเท่านั้น คือ
หนึ่ง นั่งเครื่องบิน โดยจะเป็นเที่ยวบินมาที่ Constable point ที่กรีนแลนด์ก่อนแล้วค่อยต่อเครื่องไป ซึ่งเที่ยวบินมีแค่สองเที่ยวเท่านั้นต่อสัปดาห์ เที่ยวแรกจากไอซ์แลนด์ อีกเที่ยวหนึ่งจากกรีนแลนด์ตะวันตก เมื่อมาถึงแล้วจะมีเฮลิคอปเตอร์มารับช่วงต่ออีกทีซึ่งใช้เวลาประมาณ 15 นาที โดยจองเฮลิคอปเตอร์ได้ที่ Air Greenland
ส่วนวิธีที่สองคือ นั่งเรือเข้ามา แม้สภาพอากาศโดยรอบทำให้ทะเลกลายเป็นน้ำแข็งขัดขวางการเดินเรือถึงเก้าเดือนก็ตาม
Exhibition น่าสนใจในท้องถิ่น
นิทรรศการ Faces from the Scoresby Sund ได้รวบรวมรูปถ่ายชาวบ้านแถบนี้ หรือชาวอินูอิตไว้ตั้งแต่ช่วงปี 1970 เพื่อให้คนทั่วไปได้รับรู้ถึงชีวิตประจำวันและวิถีการล่าสัตว์ของชาวอินูอิต โดยนิทรรศการได้จัดแสดงทั้งที่บ้านอุปถัมภ์เด็กกำพร้าหรือป่วย Uummannaq และที่ทาวน์เฮาส์เมือง Ittoqqortoormiit รูปในงานนั้นเกิดมาจากฝีมือของ Ko de Korte นักชีววิทยาชาวดัตช์ที่อาศัยอยู่ในเมือง Ittoqqortoormiit ในปี 1973-1975 เขาสนใจวัฒนธรรมในอาร์กติกจึงตัดสินใจถ่ายรูปรวบรวมเป็นธีสิส และได้ออกเป็นหนังสือ Faces from the Scoresby Sund ก่อนจะกลายเป็นนิทรรศการในที่สุด
คนที่นี่ใช้ชีวิตรอดได้อย่างไร
แม้จะอยู่ห่างไกลและโดดเดี่ยว แต่คนที่นี่ก็ใช้ชีวิตรอดได้อย่างมีความสุข ไม่ได้เหงาอย่างที่คิด โดยคนที่นี่จะล่าสัตว์และจับปลาเป็นหลักเพื่อดำรงชีวิต เรียกได้ว่าคนที่นี่เกือบทุกคนมีสกิลการล่าสัตว์ที่ยอดเยี่ยม สัตว์ส่วนใหญ่ที่ล่าก็หนีไม่พ้นหมีขั้วโลก แมวน้ำ วอลรัส และวาฬ แต่ที่ล่ากันมากคือวัวมัสค์ โดยจะล่ากันสองครั้งต่อปี คือช่วงเดือนมีนาคมและเดือนสิงหาคม แต่การล่าจะต้องมีใบอนุญาตก่อนถึงจะล่าได้
การล่าในช่วงเดือนมีนาคมจะใช้สุนัขลากเลื่อนเป็นพาหนะ ส่วนในเดือนสิงหาคมจะเปลี่ยนไปใช้สปีดโบ๊ทแทน ส่วนสัตว์ในท้องทะเลที่จับกันมากคือปลาชาร์อาร์กติกและทาก โดยวิธีการจับนั้นคือตัดขอบทะเลน้ำแข็งให้เป็นรูหรือช่องกลม ๆ จากนั้นหย่อนเบ็ดลงไปแล้วรอให้ปลาหรือแมวน้ำมากินเหยื่อล่อ อาหารของคนที่นี่ที่มีชื่อเสียงคือ วัวมัสก์ ซึ่งมีแจกให้นักท่องเที่ยวได้ลิ้มรส และยังมีซุป Suaasat เป็นซุปเนื้อแมวน้ำ วาฬ กวางเรนเดียร์ และนกทะเล มีลักษณะข้น เป็นซุปดั้งเดิมของชาวกรีนแลนด์
เมนูสุดพิเศษอย่าง Muktuk หรือ หนังวาฬแช่แข็งและไขมันวาฬ ปกติแล้วจะกินดิบ โดยอาจหั่นเป็นชิ้น ๆ หรือนำไปดอง ทอด วางบนขนมปังก่อนกิน หรือนำมาจิ้มกับซอสถั่วเหลือง เมนูนี้เต็มไปด้วยวิตามิน C และวิตามิน D ค่อนข้างมันแต่มีรสคล้ายถั่ว นอกจากจะล่าสัตว์เพื่อเอาเนื้อมาทำเป็นอาหารแล้ว ยังนำอวัยวะอย่างอื่นของสัตว์ไปใช้ประโยชน์อื่น ๆ ด้วย เช่น นำขนหมีขั้วโลกมาทำเสื้อโค้ท หรือนำหนังแมวน้ำมาทำถุงมือเพื่อกันหนาว เป็นการปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมได้อย่างดี
เนื่องจากที่นี่ไม่ได้มีฟาร์มปลูกผัก จึงยังต้องพึ่งพืชผักผลไม้ที่แช่แข็งและนำเข้ามาจากประเทศเพื่อนบ้านแทน ส่วนทะเลที่แข็งเป็นน้ำแข็งได้กลายเป็นเส้นทางให้คนใช้สัญจรไปมาได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิ ที่ทะเลยังเป็นน้ำแข็งหนาอยู่ คนที่นี่จะออกมาเที่ยวเล่นโดยใช้สุนัขลากเลื่อนหรือขี่ ATV ชมธรรมชาติ
บางครั้งก็มีการตั้งแคมป์ข้างนอกเพื่อสูดรับอากาศบริสุทธิ์ในช่วงนี้ ในปัจจุบันเมื่อโลกร้อนขึ้น น้ำแข็งละลายเร็วขึ้นมาก หมีขั้วโลกไม่สามารถหาอาหารได้อย่างปกติ จึงได้เข้ามาหาอาหารในเมืองมากขึ้น ซึ่งหมีขั้วโลกหนักมากกว่า 10 เท่าของน้ำหนักมนุษย์ และมีกำลังเยอะมากถึงขนาดทุบน้ำแข็งที่หนาเป็นเมตร ๆ เพื่อจับแมวน้ำขึ้นมากินเป็นอาหาร เมื่อหมีขั้วโลกเข้ามาในเมืองจึงอาจเป็นอันตรายต่อผู้อยู่อาศัยได้ ผู้ใหญ่ที่นี่ส่วนมากจึงพกปืนไปด้วยเวลาออกไปนอกบ้านเพื่อป้องกันตัว
กิจกรรมที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาด
- นั่งสุนัขลากเลื่อนชมวิวทิวทัศน์ สุนัขลากเลื่อนเป็นอีกหนึ่งวัฒนธรรมของชาวอินูอิต บ่งบอกให้เห็นถึงความสามารถในการปรับตัวให้เข้ากับสภาพภูมิอากาศของคนที่นี่ คุณจะได้ประสบการณ์ที่แตกต่างจากการขี่สโนว์โมบิล (snowmobile) หรือการไถสกีอย่างแน่นอน อาจเพราะการเคลื่อนที่อย่างช้า ๆ ของน้องสี่ขาทำให้คุณได้มีช่วงเวลารับชมภูมิทัศน์ของประเทศกรีนแลนด์เต็มที่ และด้วยเสียงหายใจฟึดฟัดและเสียงฝีเท้าของสุนัขลากเลื่อนท่ามกลางความเงียบสงบ ยิ่งทำให้สูดกลิ่นอายความคลาสสิคของกรีนแลนด์ได้เป็นอย่างดี การอยู่ใกล้ชิดธรรมชาตินี้แสดงถึงความเป็นกรีนแลนด์มาก ๆ ถ้าคุณเป็นคนที่รักธรรมชาติอยู่แล้ว การนั่งสุนัขลากเลื่อนที่นี่จะไม่ทำให้คุณผิดหวัง แม้ว่าการนั่งสุนัขลากเลื่อนจะต้องสู้กับอากาศที่หนาวเหน็บอยู่พอสมควร แต่เพียงแค่คุณมีชาร้อน ๆ สักแก้วหรือผ้าห่มดี ๆ สักผืน คุณก็พร้อมเดินทางไปกับการขนส่งแบบดั้งเดิมแล้ว
- การนั่งเรือสำราญ ชื่นชมธรรมชาติ สัตว์ป่า และภูเขาน้ำแข็งของกรีนแลนด์ตะวันออก ส่วนใหญ่แล้วจะทำกิจกรรมนี้ได้ในช่วงฤดูร้อน เนื่องจากทะเลน้ำแข็งเริ่มละลายบ้างแล้ว นอกจากนี้ยังมีเรือคายัคให้ได้พายด้วยแถบริมชายฝั่ง การนั่งเรือชมวิวทิวทัศน์ทำให้เราเห็นความสวยงามอีกด้านหนึ่งของเมืองนี้ เพราะคุณจะได้เห็นบ้านหลากหลายสีสันบนชายฝั่งตัดสลับกับสีขาวของ glacier และภูเขาน้ำแข็งที่ล้อมรอบอยู่ด้านนอก ความเงียบสงบของเมืองนี้ยังทำให้คุณเข้าถึงการพักผ่อนอย่างแท้จริง
- การร่วมประสบการณ์ล่าสัตว์ไปพร้อมกับพรานท้องถิ่น โดยมักจะล่ากวางเรนเดียร์ วัวมัสก์ และหมีขั้วโลก คุณไม่มีสิทธิล่า แต่คุณอาจจะได้ลิ้มลองเนื้อที่ถูกล่า และเก็บเศษหนังหรือกะโหลกเป็นของที่ระลึกได้ ถ้าสังเกตดี ๆ จะเห็นหนังแมวน้ำ วัวมัสค์ และหมีขั้วโลกตากแห้งอยู่ตามหน้าบ้านของคนเมืองนี้
สถานที่น่าสนใจใกล้เมือง Ittoqqortoormiit
แลนด์มาร์กที่ใกล้เมืองที่สุด คือ อุทยานแห่งชาติกรีนแลนด์ ที่ใหญ่ที่สุดในโลกอันเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่านานาชนิด ไม่ว่าจะเป็นนก สุนัขจิ้งจอกอาร์กติก กวางเรนเดียร์ วัวมัสค์ วอลรัส หมีขั้วโลก และแนวปะการังที่ยาวกว่าสองหมื่นกิโลเมตร เป็นพื้นที่ที่ไม่มีผู้อยู่อาศัยอยู่เลย ในละแวกเดียวกันนี้ยังมี Gunnbjørn ที่มียอดเขาสูงที่สุดในเขตอาร์กติกอีกด้วย
ส่วนทางใต้ คือ Scoresby Sund (Kangertittivaq) ฟยอร์ดที่ใหญ่ที่สุดในโลกและยาวที่สุดในโลก ทำให้เมืองแห่งนี้ มีภูมิประเทศที่สวยงามไปด้วย ถัดไปทางใต้ไม่กี่กิโลเมตรก็จะพบ เกาะ Uunartoq ที่ไม่มีผู้ใดอาศัยอยู่แล้ว มีแต่เพียงน้ำพุร้อนท่ามกลางภูเขาน้ำแข็ง โดยน้ำพุร้อนนี้มีอุณหภูมิประมาณ 60 องศาเซลเซียส หากคุณได้แช่ตัวที่น้ำพุร้อนแห่งนี้ รับรองเลยว่า ร่างกายจะผ่อนคลายสุด ๆ
อ้างอิงบทความ
- เรื่องราวเกี่ยวกับ Ittoqqortoormiit
- ITTOQQORTOORMIIT COMMUNITY GUIDELINES
- What’s eaten where : Ittoqqortoormiit
- Ittoqqortoormiit In Greenland Is One Of The Remotest Places On Earth
อ่านบทความเกี่ยวกับการท่องเที่ยวอื่นๆต่อได้ที่ >>> https://www.patourlogy.com/blog/inspiration
สนใจทัวร์ส่วนตัว และโปรแกรมทัวร์ คลิ๊ก >>> https://www.patourlogy.com/ทริปทัวร์เดินทาง