สแกนดิเนเวีย ภูมิภาคที่ประกอบด้วยประเทศนอร์เวย์ สวีเดน และเดนมาร์คนั้น นับเป็นบ้านพี่เมืองน้องที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานร่วมกันมาตั้งแต่สมัยยุคไวกิ้ง แม้ในปัจจุบันประเทศแถบ สแกนดิเนเวีย แต่ละประเทศจะมีอธิปไตยของตัวเองและมีอัตลักษณ์ที่เป็นแบบเฉพาะตน แต่ยังมีอีกหลากหลายค่านิยมและไลฟ์สไตล์ที่ชาวสแกนดิเนเวียมีร่วมกัน อันเป็นผลสืบเนื่องมาจากประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมในอดีต คงจะดีไม่น้อยหากเราจะได้มาลองสำรวจ fun facts สแกนดิเนเวีย ว่าพวกเขามีอะไรที่คล้ายคลึงกันบ้าง
ความจริงเกี่ยวกับประเทศสแกนดิเนเวีย
- สแกนดิเนเวียเคยเป็นราชอาณาจักรเดียวกันมาก่อน
นอร์เวย์ สวีเดน และเดนมาร์ก เคยเป็นราชอาณาจักรเดียวกันในช่วง ระหว่างปี ค.ศ. 1397 ถึง 1523 มีชื่อว่า Kalmar Union โดยยังคงรักษาอัตลักษณ์ของแต่ละดินแดนไว้ แต่นโยบายต่างประเทศและเศรษฐกิจจะอยู่ภายใต้การปกครองโดยพระมหากษัตริย์องค์เดียวกัน และสาเหตุของการรวมทั้งสามดินแดนเข้าเป็นหนึ่ง ก็สืบเนื่องมาจาก ในช่วงศตวรรษที่ 13 Hanseatic ซึ่งเป็นกลุ่มพ่อค้าวาณิชย์จากเยอรมนีได้ขยายกิจการค้าขายเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในแถบทะเลเหนือ (North Sea) และทะเลบอลติก จนกลายเป็นผู้มีอิทธิพลเหนือดินแดนดังกล่าว ซึ่งเดิมทีพื้นที่และเส้นทางการค้าในแถบนี้ เคยอยู่ภายใต้การควบคุมของชาวสแกนดิเนเวียมาก่อน แต่อิทธิพลของกลุ่ม Hanseatic ได้ขยายตัวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนมีโอกาสเพิ่มระดับเป็นการคุกคามเพื่อขยายอาณาเขตได้
ด้วยเหตุนี้ชาวสแกนดิเนเวียจึงต้องรับมือโดยการรวมกันเป็นหนึ่งเดียว เพื่อเพิ่มกำลังต่อรองและความแข็งแกร่งในการต่อสู้กับกลุ่มอิทธิพลจากทางใต้ ต่อมา Kalmar Union ได้เริ่มแตกสลายเมื่อสวีเดนได้แยกออกมาเป็นอิศระก่อนในปี ค.ศ. 1523 และในปี 1814 นอร์เวย์และเดนมาร์กก็แยกเป็นอิสระต่อกัน โดยในปีเดียวกันนั้นเองสวีเดนกับนอร์เวย์กลับมารวมกันเป็น Sweden-Norway Union จนในปี 1905 ทั้งสามประเทศก็แยกออกเป็นอิศระจากกันนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
- สแกนดิเนเวียใช้ธงชาติลาย Pattern เดียวกันเพียงแต่ต่างสี
ธงประจำชาติของประเทศสแกนดิเนเวียเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่มีรูปกากบาทเอียง (Nordic cross) เหมือนกัน รูปไม้กางเขน (cross) หมายถึงศาสนาคริสต์และความสามัคคีของเหล่าประเทศสแกนดิเนเวียในภูมิภาคนี้ ถึงแม้ว่าธงสแกนดิเนเวียจะมีรูปสัญลักษณ์เหมือนกัน แต่ก็มียังความแตกต่างในเรื่องสี ซึ่งความต่างนี้ มาจากสัญลักษณ์ที่มีความหมายทางประวัติศาสตร์ ในศตวรรษที่ 11 และ 12 มิชชันนารีคริสเตียนปรากฏตัวครั้งแรกในแถบสแกนดิเนเวียซึ่งนักประวัติศาสตร์หลายคนเชื่อว่าศาสนาคริสต์มีส่วนสำคัญต่อการสิ้นสุดวิถีชีวิตของชาวไวกิ้งในเวลาต่อมา
สามประเทศในแถบสแกนดิเนเวีย ธงของแดนมาร์กที่เรียกว่า ‘Danneborg’ เป็นธงประจำชาติที่เก่าแก่ที่สุด มีตำนานเล่าขาน ว่าธง Dannebrog ซึ่งมีพื้นสีแดงคาดขาวลอยลงมาจากท้องฟ้าระหว่างการที่มีการสู้รบซึ่งนำโดย Valdemar II กษัตริย์แห่งเดนมาร์กในช่วงต้นศตวรรษที่ 13 เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้แก่ทหารที่กำลังอ่อนล้าจากสงคราม
ส่วนธงประจำชาติของประเทศนอร์เวย์ เป็น Nordic Cross ที่ใช้สีหลักคือพื้นสีแดงคาดขาวคล้ายธงเดนมาร์กซึ่งแทนความหมายถึงความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับเดนมาร์ก และเพิ่มสีน้ำเงินทับไว้บน cross ซึ่งแทนความหมายถึงอิสรภาพและความเสมอภาค โดยรัฐสภานอร์เวย์นำธงในรูปแบบปัจจุบันมาใช้ในปี 1821
สำหรับธงชาติของสวีเดนเป็น Nordic Cross เช่นเดียวกับอีกสองประเทศ แต่มีพื้นสีฟ้าคาดสีเหลืองทอง โดยมีตำนานในยุคสงครามครูเสดซึ่งเป็นการต่อสู้ในยุคกลางที่เล่ากันว่ากษัตริย์ Eric IX ของสวีเดนมองเห็นไม้กางเขนสีทองตัดกับท้องฟ้าสีครามเหนือดินแดนฟินแลนด์ในปี 1157 ซึ่งพระองค์ตีความว่าเป็นสัญญาณจากพระเจ้าบอกให้รู้ว่าการต่อสู้ของสวีเดนกำลังจะได้รับชัยชนะ
- รักการดื่มการแฟเป็นชีวิตจิตใจ
นอร์เวย์ เดนมาร์ก และสวีเดน เป็นกลุ่มประเทศที่มีอัตราการบริโภคกาแฟต่อหัวสูงเป็นอันดับต้นๆ ของโลก โดยมีการกล่าวว่า กาแฟร้อนมีสถานะเป็นเครื่องดื่มประจำชาติของประเทศสแกนดิเนียเวีย ในปี 2020 อีกด้วย
เวปไซต์ swedesinthestates.com ได้รายงานสถิติจาก International Coffee Organization ในปี 2021 พบว่า ประเทศที่มีการบริโภคกาแฟมากที่สุด 5 อันดับของโลก คือ 1. ประเทศฟินแลนด์ 2. ประเทศสวีเดน 3. ประเทศไอซ์แลนด์ 4. ประเทศนอร์เวย์ และ 5. ประเทศเดนมาร์ก
ในสวีเดน ประชากรมากกว่าครึ่งดื่มกาแฟพร้อมอาหารเช้าและระหว่างวันอีกหลายครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการพบปะทางสังคม กาแฟคือส่วนประกอบหลักในการพูดคุยธุรกิจและในเวลาพักผ่อนส่วนตัว ชาวสวีเดนบริโภคกาแฟโดยเฉลี่ย 11 กิโลกรัมต่อปีต่อคน ซึ่งคิดเป็นสองเท่า เมื่อเทียบกับคนอเมริกันที่บริโภคกาแฟโดยเฉลี่ยเพียง 5 กิโลกรัมต่อปีต่อคน
ในประเทศนอร์เวย์และเดนมาร์ก การใช้เครื่องชงกาแฟแบบดริปเป็นที่นิยมแพร่หลายมากในการใช้ชงกาแฟดื่มกันในครอบครัว ซึ่งชาวสวีเดนมักจะดื่มกาแฟร่วมกับขนมปัง cinnamon ต้นตำหรับของชาวสวีเดนหรือกับดื่มช็อกโกแลตแท่ง เป็นต้น
- ดินแดนแห่งนักปั่น
คนในประเทศแถบสแกนดิเนเวีย ทั้งนอร์เวย์ สวีเดน และเดนมาร์ก ชื่นชอบการปั่นจักรยานเป็นชีวิตจิตใจ ด้วยเหตุผลทั้งทางด้านสุขภาพและการรักษาสิ่งแวดล้อม โคเปนเฮเกนเมืองหลวงของเดนมาร์กถือเป็นเมืองที่เป็นมิตรกับจักรยานมากที่สุดในโลก เป็นที่รู้จักกันในนาม ‘เมืองแห่งนักปั่นจักรยาน’ ที่ 52 เปอร์เซ็นต์ของประชากรใช้จักรยานสำหรับการเดินทางในแต่ละวัน โดยมีความเชื่อว่าผู้ที่เดินทางด้วยจักรยานจะมีสุขภาพดีกว่าผู้ที่ขับรถยนต์ไปทำงาน
ชาวสวีเดนนิยมใช้จักรยานเป็นพาหนะเพื่อการออกกำลังกาย โดยรัฐบาลเป็นผู้สนับสนุนให้ประชาชนใช้จักรยานมากขึ้น ส่วนหนึ่งเพื่อให้บรรลุเป้าหมายของรัฐบาลในการทำให้คาร์บอนฟุตพริ้นท์ของประเทศเป็นกลางภายในปี 2045 ชาวสวีเดนจำเป็นต้องขับรถให้น้อยลงและปั่นจักรยานมากขึ้นแม้จะอากาศหนาวก็ตาม สวีเดนได้ทุ่มเงินในโครงการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานที่เป็นมิตรกับจักรยานโดยจัดสรรเงินจำนวน 24 ล้านดอลลาร์ในปี 2560 และ 2561 เพื่อส่งเสริมแคมเปนการปั่นจักรยานระดับชาติ มีการลงทุนอีก 60 ล้านดอลลาร์เพื่อการขนส่งที่ยั่งยืนและโครงสร้างพื้นฐานภายในเมือง
นอกจากนี้ ยังมีการจัดสรรเงินมากกว่า 120 ล้านดอลลาร์สำหรับโครงการ พรีเมี่ยมจักรยานไฟฟ้าอีกด้วย ในสวีเดน แม้ว่าอากาศจะไม่เป็นใจนัก แต่ผู้คนก็ยังนิยมขี่จักรยาน ไปโรงเรียน ไปทำงาน ไปประชุมทางธุรกิจ หรือแม้แต่ไปออกเดท ชาวสวีเดนใช้จักรยานกันแทบทุกที่และทุกเวลาแม้ในฤดูหนาว โดยรัฐบาลได้ออกรายงานระบุว่าผู้ที่เดินหรือขี่จักรยานอย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคเบาหวานประเภท 2 ได้
ก่อนหน้านี้ ชาวนอร์เวย์ขี่จักรยานเป็นกีฬาและเพื่อการฝึกซ้อมเป็นส่วนใหญ่ แต่ปัจจุบันเริ่มมีการขี่จักรยานเพื่อการคมนาคมและการขนส่งมากขึ้น โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ จากการสำรวจที่จัดทำโดย Norstat for National Association พบว่าร้อยละ 75 ของชาวนอร์เวย์มีจักรยาน ผลการสำรวจยังแสดงให้เห็นว่าชาวนอร์เวย์สองในสามคนต้องการใช้จักรยานในการเดินทางบ่อยขึ้น ผู้ตอบแบบสอบถามผู้หญิง ร้อยละ 70 และผู้ตอบแบบสอบถามผู้ชายร้อยละ 63 ต้องการขี่จักรยานในชีวิตประจำวันบ่อยขึ้น
ในขณะเดียวกัน การสำรวจแสดงให้เห็นว่ามีเพียง 27 เปอร์เซ็นต์ของนักปั่นจักรยานชาวนอร์เวย์ที่คิดว่านายจ้างอำนวยความสะดวกให้พนักงานปั่นจักรยานไปทำงานอย่างเต็มที่ แสดงให้เห็นว่าคนส่วนใหญ่ยังต้องการการสนับสนุนจากนายจ้างเพื่อให้สามารถขี่จักรยานไปทำงานได้อย่างสะดวกมากขึ้น
- สแกนดิเนเวียภูมิภาคแห่งความสุข
จากรายงานของ World Happiness Report ซึ่งใช้ข้อมูลที่มาจากแบบสำรวจของ Gallup World Poll ตั้งแต่ปี 2018 ถึง 2020 โดยสอบถามความคิดเห็นของประชากรในประเทศต่างๆ ทั่วโลก พบว่า เดนมาร์ก นอร์เวย์ และสวีเดน ได้รับการจัดอยู่ใน Top 10 ‘Ranking of Happiness 2018-2020’ แน่นอนทั้งสามประเทศเป็นประเทศที่ประชากรมีความสุขสูงเป็นอันดับต้นๆ ของโลก แต่อะไรที่ทำให้ชาวสแกนดิเนเวียมีความสุขและพอใจกับชีวิตของพวกเขาเป็นพิเศษ
จากการศึกษา การตรวจสอบทางทฤษฎี และข้อมูลต่างๆ พบว่าปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างของรัฐ เช่น สวัสดิการที่ครอบคลุมและพึ่งพาได้ ระดับการทุจริตที่ต่ำ และความเป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง คือ ที่มาของความสุขของชาวสแกนดิเนเวีย นอกจากนี้ พลเมืองยังสัมผัสได้ถึงความเป็นอิสระและการมีเสรีภาพในระดับสูง ตลอดจนความไว้วางใจทางสังคมที่มีต่อกันเป็นอย่างมาก ซึ่งปัจจัยต่างๆ เหล่านี้รวมกันมีบทบาทสำคัญในการกำหนดความพึงพอใจในชีวิตของพลเมือง และปัจจัยประกอบที่สนับสนุนให้ชาวสแกนดิเนเวียมีความสุขมากขึ้นคือการมีจำนวนประชากรน้อยและประชากรมีความความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
- ทั้งสามประเทศสแนดิเนเวียมีรากภาษาเดียวกัน
ภาษาที่ใช้ในประเทศสแกนดิเนเวียมาจากรากภาษา North Germanic languages เหมือนกัน จึงทำให้ภาษาเดนมาร์ก สวีเดน และนอร์เวย์มีความคล้ายคลึงกันมาก และเป็นเรื่องปกติที่ผู้คนจากทั้งสามประเทศจะสามารถอ่านอีกสองภาษาได้โดยไม่ยากเกินไปในแง่ของคำศัพท์ ภาษาที่คล้ายคลึงกันมากที่สุดคือภาษาเดนมาร์กและนอร์เวย์ ซึ่งเป็นเพราะนอร์เวย์เคยอยู่ภายใต้การปกครองของเดนมาร์กมาก่อน คำศัพท์ส่วนใหญ่มักเป็นคำเดียวกันและมีความหมายค่อนข้างใกล้เคียงกัน เพียงแต่สะกดต่างกันเล็กน้อย แต่ในขณะที่ภาษาเขียนของเดนมาร์กและนอร์เวย์มีความคล้ายคลึงกัน ภาษาเขียนของสวีเดนจะมีบางคำที่ชาวเดนมาร์กและนอร์เวย์ไม่สามารถเข้าใจได้ แต่หากเมื่อพูดถึงการพูดและการออกเสียงแล้ว ภาษาสวีเดนและนอร์เวย์กลับมีความใกล้เคียงกันมากว่าเดนมาร์กและนอร์เวย์ ซึ่งบางครั้งการสื่อสารด้วยการพูดจะเข้าใจได้ยากกว่า
แม้จะมีภาษาที่คล้ายคลึงกัน แต่เนื่องจากในบางเมืองอาจมีสำเนียงของภาษาท้องถิ่นที่เข้าใจยาก บ่อยครั้งเราจึงได้ยินชาวสแกนดิเนเวียคุยกันด้วยภาษาอังกฤษ ซึ่งเป็นภาษาที่ทั้งสามประเทศสามารถพูดได้ในระดับดีมาก
- ระบอบพระมหากษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญ : ราชวงศ์แห่งสแกนดิเนเวีย
สวีเดน นอร์เวย์ และเดนมาร์ก มีระบอบการปกครองเหมือนกัน กล่าวคือระบอบพระมหากษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญ โดยพระมหากษัตริย์หรือพระราชินีมีบทบาทในฐานะประมุขของรัฐและเป็นสัญลักษณ์ของประเทศซึ่งมีพระกรณียกิจในพระราชพิธีต่างๆ
นอกจากนี้ พระมหากษัตริย์พร้อมด้วยสมาชิกราชวงศ์ ยังเป็นตัวแทนของประเทศในระดับสากล แต่การบริหารประเทศและการตัดสินใจทางการเมืองเป็นอำนาจของสภานิติบัญญัติที่มาจากการเลือกตั้งและรัฐบาลที่นำโดยนายกรัฐมนตรี นอกเหนือจากบทบาทของสถาบันกษัตริย์ในฐานะตัวแทนของประเทศของแล้ว สมาชิกของราชวงศ์สแกนดิเนเวียยังให้ความสนใจในประเด็นทางสังคมและปัญหาระดับโลกผ่านการจัดตั้งองค์กรการกุศลและทำหน้าที่เป็นตัวแทนในการณรงค์วาระทางสังคมต่างๆ
สมเด็จพระราชินีมาร์เกรเธอที่ 2 แห่งเดนมาร์กเป็นกษัตริย์หญิงคนแรกของประเทศ นับตั้งแต่พระราชินีมาร์เกรเธอที่ 1 ซึ่งเป็นผู้รวม เดนมาร์ก นอร์เวย์ และสวีเดนไว้ด้วยกันภายใต้สหภาพคาลมาร์ (Kalmar Union) พระราชินีมาร์เกรเธอที่ 2 ประสูติในปี 1940 เป็นธิดาคนโตของกษัตริย์เฟรเดอริคที่ 9 และพระราชินีอิงกริดแห่งสวีเดน สมเด็จพระราชินีมาร์กาเรต เป็นลูกพี่ลูกน้องฝ่ายแม่ของกษัตริย์คาร์ลที่ 16 กุสตาฟแห่งสวีเดน และพระองค์ยังเป็นลูกพี่ลูกน้องของกษัตริย์ฮารัลด์ที่ 5 แห่งนอร์เวย์ ซึ่งปู่ของพระองค์เป็นเจ้าชายแห่งเดนมาร์ก ในช่วงเวลาที่สมเด็จพระราชินีมาร์เกรเธอที่ 2 ประสูติ มีเพียงผู้ชายเท่านั้นที่สามารถสืบทอดราชบัลลังก์ได้ แต่เมื่อกษัตริย์เฟรเดอริคไม่มีพระโอรส จึงมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาร์เกรเธอเป็นมกุฎราชกุมารีในปี 1953 เมื่อพระองค์อายุ 13 พรรษาและทรงเสด็จขึ้นครองราชย์ในเดือนมกราคม ปี 1972
พระมหากษัตริย์องค์ปัจจุบันของสวีเดนคือ คาร์ลที่ 16 กุสตาฟ (Carl XVI Gustaf) ซึ่งเสด็จขึ้นครองบัลลังก์ในปี 1973 เมื่ออายุ 27 ปี พระองค์ทรงสืบราชบัลลังก์ต่อจากพระเจ้ากุสตาฟที่ 6 อดอล์ฟ ปู่ของพระองค์ เนื่องจากเจ้าชายกุสตาฟ อดอล์ฟ บิดาของพระองค์เองสิ้นพระชนม์จากอุบัติเหตุเครื่องบินตกในปี 1947 เมื่อคาร์ล กุสตาฟอายุยังไม่ถึง 1 พรรษา
ในปี 1976 กษัตริย์คาร์ล กุสตาฟ แต่งงานกับซิลเวีย ซอมเมอร์ลาธ ชาวเยอรมัน-บราซิล ทั้งสองพบกันในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกปี 1972 ที่มิวนิก แม้ว่าช่วงแรกจะมีการต่อต้านราชินีสามัญชน แต่ภายหลังสื่อมวลชนและสาธารณชนของสวีเดนกลับยอมรับพระราชินีซิลเวียมากขึ้น โดยยังยกย่องว่าท่านเป็นผู้ฟื้นฟูความนิยมของสถาบันกษัตริย์ในสวีเดนอีกด้วย
พระมหากษัตริย์องค์ปัจจุบันของนอร์เวย์คือ พระเจ้าฮารัลด์ที่ 5 (ประสูติ 1937) ซึ่งเสด็จขึ้นครองราชย์ในปี พ.ศ. 1991 จากการสิ้นพระชนม์ของกษัตริย์โอลาฟที่ 5 กษัตริย์ฮารัลด์และสมเด็จพระราชินีซอนยา (นี แฮรัลด์เซ่น) ทรงมีพระโอรสและพระธิดา 2 พระองค์ คือ เจ้าหญิงมาร์ธา หลุยส์ (ประสูติในปี 1971) และมกุฎราชกุมารฮากอน แม็กนัส (ประสูติในปี พ.ศ. 1973)
และนี่คือเรื่องราวความจริงเกี่ยวกับประเทศแถบสแกนดิเนเวียที่คุณอาจไม่เคยรู้...
อ้างอิงบทความ
- Kalmar Union
- Scandinavian Flags: Similarities, Differences, and Explanation
- These Nordic Countries Consume The Most Coffee In The World & Why Sweden Decided To Ban It
- Coffee, The Scandinavian National Drink
- Scandinavia Peddles a Future with Pedals
- The Nordic Exceptionalism: What Explains Why the Nordic Countries Are Constantly Among the Happiest in the World
อ่านบทความเกี่ยวกับการท่องเที่ยวอื่นๆต่อได้ที่ >>> https://www.patourlogy.com/blog/inspiration
สนใจทัวร์ส่วนตัว และโปรแกรมทัวร์ คลิ๊ก >>> https://www.patourlogy.com/ทริปทัวร์เดินทาง