ป่าโบสถ์ (Church Forests) โอเอซิสอันเขียวชอุ่มซึ่งเป็นสถานที่ตั้งของโบสถ์ออร์โธดอกซ์และยังเป็นป่าผืนสุดท้ายของเอธิโอเปียทางตอนเหนือ ที่นี่จึงเป็นแหล่งความหลากหลายทางชีวภาพที่ทั้งนักบวช นักนิเวศวิทยา และชาวบ้านในท้องถิ่นต่างช่วยกันอนุรักษ์และฟื้นฟูผืนป่าแห่งนี้ จนพื้นที่สีเขียวค่อยๆขยายขนาดขึ้นจากจุดเริ่มต้น ป่าโบสถ์ นั่นเอง
เมื่อคุณมองไปยังภาพจะเห็นทุ่งกว้างอันแห้งแล้งขนาดใหญ่แต่กลับมีต้นไม้กลุ่มหนึ่งตั้งตะหง่านอยู่ท่ามกลางทุ่งสีน้ำตาล ล้อมรอบอาคารที่คลุมด้วยหลังคาหลากสีซึ่งนั่น คือ โบสถ์คริสต์นิกายออร์โธดอกซ์ บ้างก็มีต้นไม้หย่อมเล็กๆ กระจายไปทั่ว อาจฟังดูน่าเศร้าแต่นี่คือป่าผืนสุดท้ายที่เหลืออยู่ของเอธิโอเปียทางตอนเหนือแล้ว ตอนนี้เองนักนิเวศวิทยากำลังทำงานร่วมกับทางโบสถ์เทวาเฮโด (Tewahedo) และโบสถ์ต่างๆ ในเอธิโอเปีย รวมถึงชาวบ้านในชุมชนเพื่อรักษาพื้นที่เขียวชอุ่มและยังเป็นที่อยู่ของสัตว์ป่าแห่งนี้เอาไว้
อะเลมาเยฮู วัซซี (Alemayehu Wassie) นักนิเวศวิทยาด้านป่าไม้ได้ทำภารกิจอนุรักษ์ป่าโบสถ์ จัดการด้านเอกสาร และปกป้องความหลากหลายทางชีวภาพภายในป่าโบสถ์มาเป็นเวลากว่า 10 ปี โอเอซิสขนาดเล็กแห่งนี้แต่กลับมีความอุดมสมบูรณ์ทางชีวภาพ มีป่าไม้หย่อมเล็กๆ หลายกลุ่มกระจายอยู่ทั่วประเทศประมาณ 35,000 จุด ซึ่งเป็นเศษซากของผืนป่าขนาดใหญ่ที่ครั้งนึงเคยปกคลุมประเทศเอธิโอเปียเมื่อร้อยปีก่อน แต่กลับหายไปจนเกือบหมดเนื่องจากการทำเกษตรกรรม
พื้นที่ป่าส่วนใหญ่ของเอธิโอเปียถูกทำลายลง เพราะ การทำการเกษตรเลี้ยงประชาชนในประเทศที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วมากกว่า 100 ล้านคน ถือเป็นประเทศที่มีประชากรมากที่สุดเป็นอันดับที่ 12 ของโลก และเมื่อเอธิโอเปียตกอยู่ใต้การปกครองของระบอบคอมมิวนิสต์ช่วงปี ค.ศ. 1974-1991 ได้มีการประกาศให้พื้นที่ต่างๆ เป็นของรัฐรวมถึงพื้นที่ของโบสถ์ด้วย จากนั้นรัฐได้แจกจ่ายพื้นที่เหล่านั้นสำหรับทำการเกษตร และนี่ยิ่งเป็นเหมือนการสนับสนุนให้มีการตัดต้นไม้โดยรัฐบาล ทำให้จากเดิมในช่วงศตวรรษที่ 20 มีพื้นที่ปกคลุมด้วยป่าประมาณ 45% ผ่านมาจนถึงปัจจุบันพื้นที่ป่าลดลงเหลือเพียง 5% เท่านั้น
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาได้มีโครงการวิจัยจากนานาชาติเริ่มจัดทำเอกสารวิจัยเกี่ยวกับความหลายหลายทางชีวภาพที่ลดลงภายในเอธิโอเปีย โดยมีคุณวัซซีเป็นผู้สนับสนุนการอนุรักษ์พื้นที่ทางตอนเหนือของประเทศซึ่งเป็นสถานที่ที่เขาเติบโตขึ้นมา และได้สร้างความร่วมมือระหว่างทีมนักวิจัย นักบวชจากโบสถ์ต่างๆ และชาวบ้านในชุมชน เพื่อพยายามดำเนินโครงการในการรักษาผืนป่าและช่วยชะลอไม่ให้พื้นที่ป่าลดลงไปมากกว่านี้
คุณวัซซีเล่าว่าเมื่อเขายังเด็กได้ไปโบสถ์ในทุกวันอาทิตย์ เขาจะเดินไปตามถนนที่แห้งและเต็มไปด้วยฝุ่นซึ่งขนาบไปด้วยทุ่งข้าวสาลีในบ้านเกิดของเขาทางตอนเหนือของเอธิโอเปีย ในช่วงท้ายของเส้นทางสู่โบสถ์ที่ล้อมรอบไปด้วยต้นไม้อันร่มรื่นเหมือนเป็นรางวัลในการเดินทาง โบสถ์ออร์โธดอกซ์แห่งนี้มีสมาชิกในศาสนาเกือบ 50 ล้านคน โดยผืนป่าตามความเชื่อทางศาสนาของโบสถ์เปลี่ยนเสมือนเครื่องนุ่งห่มที่ล้อมรอบโบสถ์เอาไว้ เป็นที่รวบรวมจิตวิญญาณของชาวบ้านในชุมชน และมีความสำคัญมากพอๆ กับตัวอาคารของโบสถ์เองด้วยซ้ำ
คุณวัซซีเล่าต่อว่าการเดินทางจากทุ่งที่แห้งและร้อนไปสู่ป่าที่ร่มรื่นสวยงาม เต็มไปด้วยเสียงนกร้องและพืชพันธุ์ที่มีกลิ่นหอม เหมือนเดินทางจากนรกไปสู่สวรรค์ สำหรับเขาแล้วป่าแห่งนี้เป็นมากกว่าป่า แต่เป็นสถานที่ทางจิตวิญญาณที่มีธรรมชาติอันสมบูรณ์แบบและเป็นสถานที่สำหรับการภาวนาต่อพระเจ้า
แต่เมื่อคุณวัซซีโตขึ้นและเริ่มเรียนวิชาชีววิทยาและวิทยาศาสตร์ เขาก็เริ่มตระหนักได้ว่าป่าที่เขารักนั้นเหลืออยู่ไม่มากแล้ว เขาได้เรียนรู้จากที่โรงเรียนถึงความสำคัญของป่าต่อระบบนิเวศในส่วนต่างๆ ของโลก และถามตัวเองว่าป่าโบสถ์อยู่ส่วนไหนในตอนเหนือของเอธิโอเปีย และทำไมถึงมีพื้นที่ป่าเหลือน้อยขนาดนั้น ตลอดศตวรรษที่ผ่านมาพื้นที่ป่าเกือบทั้งหมดในจังหวัดเซาท์ กอนดาร์ (South Gondar) ได้ถูกถางเพื่อเป็นพื้นที่สำหรับทุ่งข้าวสาลีและทุ่งเลี้ยงสัตว์ เพื่อเลี้ยงดูประชากรจำนวนมากที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในภูมิภาคนี้
ผู้รักษาป่าโบสถ์
ในการวิจัยช่วงแรกของคุณวัซซีมุ่งเน้นไปที่การทำความเข้าใจถึงสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในป่า และหนทางที่สิ่งเหล่านี้จะเป็นส่วนสำคัญในการช่วยอนุรักษ์พื้นที่ป่าที่ยังเหลืออยู่ในทางตอนเหนือของเอธิโอเปียได้ โดยระหว่างที่เรียนปริญญาเอกคุณวัซซีได้ทำการศึกษาการแยกพันธุ์พืชและสัตว์ในท้องถิ่น เขาหาจำนวนของเมล็ดพืชที่อยู่ในดินซึ่งสามารถบอกได้ว่าเมล็ดพันธุ์เหล่านี้จะแตกหน่อและช่วยฟื้นฟูป่าในอนาคตได้หรือไม่ รวมถึงเขาได้ทำการศึกษาว่ามีต้นไม้ใหม่ที่เพิ่งงอกออกมาหรือไม่ และเขาได้ติดตามว่าการทำปศุสัตว์แบบเร่ร่อนสร้างความเสียหายต่อผืนป่าได้มากน้อยอย่างไร
ถึงอย่างไรก็ตามนักบวชในพื้นที่ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาต้องนับจำนวนพันธุ์พืชและกล้าไม้ที่อยู่ในป่า พวกเขามองว่าสิ่งที่คุณวัซซีทำอยู่ไม่มีประโยชน์ต่อโบสถ์หรือชุมชน เมื่อสำเร็จวิทยานิพนธ์ระดับปริญญาเอกได้ในปี 2007 ที่มหาวิทยาลัยWageningen ในเนเธอร์แลนด์ เขาได้บันทึกความหลากหลายของสายพันธุ์พืชในป่าโบสถ์ได้ถึง 28 แห่ง
เมื่อศึกษาถึงจุดหนึ่งคุณวัซซีตัดสินใจว่าจะมุ่งความสนใจไปที่การปกป้องป่าไม้ ไม่ใช่เพียงแค่การศึกษาและเฝ้าดูพวกมันถูกทำลายลงอย่างเดียว เขาต้องการช่วยชุมชนที่รักและเคารพผืนป่าแห่งนี้ในการปกป้อง ฟื้นฟู และอาจถึงขนาดขยายอาณาเขตของพื้นที่ป่าออกไป คุณวัซซีได้สร้างความเชื่อใจต่อนักบวชและชุมชนต่างๆ ที่ดูแลพื้นที่ป่าที่เขาเคยศึกษา และตระหนักได้ว่าพวกเขาสามารถทำงานร่วมกันเพื่ออนุรักษ์พื้นที่ป่าได้
คุณวัซซีรู้สึกว่าการหาทุนหรือความร่วมมือในท้องถิ่นเป็นเรื่องยาก เมื่อมีการจัดงานประชุมวิชาการ Association for Tropical Biology and Conservation ที่เม็กซิโก คุณวัซซีได้พบกับคุณเม็ก โลว์แมน (Meg Lowman) นักชีววิทยาชาวอเมริกันซึ่งสนใจการนำเสนอเรื่องป่าโบสถ์ของคุณวัซซี โดยคุณโลว์แมนได้เชิญเขาไปที่แล็บเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับโปรเจ็กต์ป่าโบสถ์นี้เพิ่มเติม
คุณวัซซีได้พิมพ์ภาพมุมบนของป่าโบสถ์จาก Google Earth และพูดคุยกับคุณโลว์แมนว่าพวกเขาสามารถทำงานโปรเจ็กต์นี้ร่วมกันได้ โดยคุณโลว์แมนมีคอนเนคชั่นกับเครือข่ายนักวิทยาศาสตร์ในอเมริกาซึ่งสามารถสนับสนุนการทำวิจัยนี้ได้ ส่วนคุณวัซซีเองก็มีเองความรู้อย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับป่าโบสถ์ และได้สร้างสัมพันธ์กับนักบวชที่คอยดูแลพื้นที่ป่าอยู่แล้ว
ด้วยเงินช่วยเหลือจาก National Geographic Society ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี เขาพาคุณโลว์แมนไปยังเอธิโอเปียและจัดเวิร์คช็อปให้ความรู้กับนักบวชกว่า 150 รูป ซึ่งบางรูปต้องใช้เวลาเป็นวันในการเดินทางมาเข้าร่วม พวกเขาเปิดภาพจากแล็ปท็อปและฉายภาพโบสถ์มุมสูงใน Google Earth จากเครื่องฉายสไลด์ลงบนผืนผ้าขนาดใหญ่ เพื่อแสดงให้นักบวชเห็นว่าพื้นที่ป่าได้ลดลงอย่างไรตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา และนั่นก็ได้เปลี่ยนมุมมองของนักบวชต่อการอนุรักษ์ฟื้นฟูพื้นที่ป่าด้วย
“พวกเขามีความตั้งใจมาตั้งแต่ต้นเพราะพวกเขาเชื่อว่าตนเองเป็นผู้ดูแลสิ่งมีชีวิตทั้งหมดของพระเจ้า ส่วนตัวฉันเองในฐานะนักวิทยาศาสตร์ด้านการอนุรักษ์ก็เชื่อว่าพวกเราต้องรับผิดชอบในการรักษาความหลากหลายทางชีวภาพเช่นกัน จึงถือว่าพวกเราต่างมีเป้าหมายเดียวกัน” คุณโลว์แมนกล่าว
หนทางสู่การฟื้นฟูผืนป่า
วิธีที่มีประสิทธิภาพและมีความตรงไปตรงมามากที่สุดที่นักวิทยาศาสตร์และนักบวชเห็นตรงกันในการรักษาผืนป่า คือการสร้างกำแพงเตี้ยๆ ล้อมรอบป่าเอาไว้สำหรับแบ่งเขตป่าและระวังไม่ให้มีสัตว์เร่ร่อนเข้ามา แม้จะมีข้อห้ามเกี่ยวกับการทำลายป่าแต่บางครั้งชาวบ้านมักจะปล่อยให้สัตว์เข้าไปกินหญ้าหรือต้นกล้าในป่า หรือแม้แต่เข้าไปล่าสัตว์เพื่อทำเป็นอาหารด้วยตัวเอง ชาวบ้านมักจะเก็บพืชตามขอบป่าและปล่อยให้คันไถทำลายพืชผลเหล่านั้น
ภายในปีถัดไปคุณวัซซีและคุณโลว์แมนก็สามารถรวบรวมเงินได้มากพอที่จะสร้างกำแพงและพวกเขาก็พบว่าการแก้ไขปัญหาด้วยวิธีนี้ได้ผลอย่างไม่น่าเชื่อ และในไม่ช้าได้มีนักบวชมาขอความช่วยเหลือในการสร้างกำแพงให้ป่าโบสถ์ของตัวเองเพิ่มมากขึ้น
สองสามปีต่อมาทั้งคู่ได้ช่วยเหลือชุมชนมากกว่า 20 แห่งในการสร้างกำแพงล้อมรอบป่า ซึ่งป่าที่พวกเขาช่วยเหลือต่างมีความเจริญงอกงามมากขึ้น เสียจนนักบวชบางรูปตัดสินใจขยายอาณาเขตกำแพงออกไปเพื่อให้ชาวบ้านสามารถขยายพื้นที่ป่าได้ แหล่งน้ำที่อยู่ในพื้นที่ป่าก็มีคุณภาพดีกว่าแหล่งน้ำที่อยู่บริเวณทุ่งโดยรอบ กล้าไม้สามารถเจริญเติบโตได้ดีกว่า อีกทั้งยังมีแมลงที่ช่วยผสมเกสรมากขึ้นซึ่งแมลงเหล่านี้มีความสำคัญต่อทั้งพันธุ์พืชในป่าและในบริเวณพื้นที่เกษตรโดยรอบ
ครั้งหนึ่งเคยมีคนบอกคุณวัซซีว่าพื้นที่ป่าส่วนใหญ่ถูกทำลายหมดแล้วและพวกเขาไม่มีหวังหรอก แต่คุณวัซซีกลับคิดว่าป่าโบสถ์หลายพันแห่งที่กระจายอยู่ในภูมิภาคต่างๆ นั้น เป็นเหมือนตัวแทนของความหวังในการฟื้นฟูป่าให้ดีขึ้นในอนาคต โดยแผนต่อไปคือเขาต้องการเชื่อมต่อผืนป่าแต่ละแห่งเพื่อสร้างระบบนิเวศขนาดใหญ่ทั่วจังหวัด ไม่ว่าจะใช้เวลานานเท่าใดก็ตาม
โอเอซิสแห่งความหลากหลายทางชีวภาพ
ชาวเอธิโอเปียประมาณ 80% อาศัยอยู่ในพื้นที่ชนบทและพึ่งพาการทำการเกษตรเพื่อยังชีพ คุณวัซซีกล่าวว่ายังมีชาวเอธิโอเปียที่อดอยากอีกมากมาย การเพาะปลูกอาหารมากขึ้นจึงเป็นสิ่งที่จำเป็น แต่ควรเพิ่มผลผลิตโดยพึ่งพาเทคโนโลยีมากกว่าการขยายพื้นที่การเกษตร ความพยายามในการปลูกป่าขึ้นมาใหม่ของชาวเอธิโอเปียทำให้เกิดการปลูกต้นยูคาลิปตัสในลักษณะการปลูกพืชเชิงเดี่ยว ซึ่งต้องการใช้น้ำมากกว่าต้นไม้พื้นเมือง
ความหลากหลายทางชีวภาพของป่าไม้มีความสำคัญต่อการเกษตร เนื่องจากแมลงและนกมากมายที่อาศัยอยู่ในป่าโบสถ์จะช่วยผสมเกสรพืชผลและช่วยควบคุมศัตรูพืชได้ คุณวัซซีเล่าว่าเขาไม่แน่ใจว่ายังมีความหลากหลายทางชีวภาพภายในป่าหลงเหลือเท่าใด แต่ดูเหมือนว่าจะมีมากกว่าที่เขาเคยคาดไว้
ป่าโบสถ์แต่ละจุดมีพื้นที่ประมาณ 0.03 ตารางกิโลเมตรไปจนถึง 3 ตารางกิโลเมตร โดยภายในป่ามีอากาศที่เย็นและชื้นกว่าทุ่งโดยรอบ มีพุ่มไม้ ดอกไม้ ต้นไม้ที่เขียวชอุ่มตลอดทั้งปี เช่น ดอกจัสติเซีย และดอกไดออสไพรอส ป่าเหล่านี้ยังช่วยกักเก็บคาร์บอน รักษาน้ำ ลดการพังทลายของดิน และเป็นยารักษาทางธรรมชาติ สำหรับนักบวชและชาวบ้านแล้วที่นี่ยังเป็นสถานที่พักพิง สถานที่สำหรับการทำสมาธิและสวดมนต์ และยังเป็นพื้นที่สำหรับฝังศพอีกด้วย
เมื่อมองถึงความเป็นจริงแล้วป่าโบสถ์ไม่เพียงมีความสำคัญกับชาวบ้านทางตอนเหนือของเอธิโอเปียเท่านั้น แต่การอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าไม้ยังมีความสำคัญกับคนทั่วโลก ด้วยสถานการณ์ปัจจุบันที่เกิดภาวะโลกร้อนจนยากเกินจะเยียวยา สาเหตุส่วนหนึ่งมาจากการปล่อยปละของมนุษย์ที่ไม่เห็นความสำคัญของสิ่งแวดล้อม ทำให้พื้นที่ป่าลดลงและแทนที่ด้วยพื้นที่อุตสาหกรรมซึ่งสร้างมลภาวะจำนวนมากมหาศาล ป่าโบสถ์คงเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่ทำให้คนทั่วโลกตระหนักได้ว่าป่าไม้มีความสำคัญและควรค่าแก่การอนุรักษ์ก่อนที่จะสายเกินแก้มากเพียงใด
ที่มาบทความ:
- https://www.nationalgeographic.com/environment/article/ethiopian-church-forest-conservation-biodiversity
- https://www.nature.com/immersive/d41586-019-00275-x/index.html
สนใจโปรแกรมทัวร์ ทัวร์ส่วนตัว คลิ๊ก >>> https://www.patourlogy.com/ทริปทัวร์เดินทาง
อ่านบทความอื่นๆเกี่ยวกับการท่องเที่ยว คลิ๊ก >>> https://www.patourlogy.com/blog/inspiration