หากพูดถึง ที่พักร้อนบนเนินเขา (Hill Station) ในประเทศอินเดีย หลายคนอาจคิดถึงหุบเขาในแคว้นแคชเมียร์ ทะเลสาบที่ลาดัค (Ladakh) หรือแม้แต่ไร่ชาที่ดาร์จีลิงค์ (Darjeeling) แต่ใครเลยจะรู้ว่า ในรัฐทมิฬนาฑูใต้สุดของประเทศอินเดีย จะมีทิวเขาสลับซับซ้อนที่มีอากาศหนาวตลอดปี รวมถึงไร่ชาขั้นบันไดที่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าเยี่ยมชม
สถานที่ตากอากาศแห่งนี้มีชื่อว่า อูตี (Ooty) แต่จะมีประวัติความเป็นมาอย่างไรนั้น เราจะมาดูกัน
ประวัติของเมืองอูตี (Ooty)
อูตี (Ooty) หรือ อุธคะมันทะลัม (Udhagamandalam) เป็นเมืองเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ใน หุบเขานิลคีรี (Nilgiri Hills) ที่มีอาณาเขตเชื่อมต่อระหว่าง 3 รัฐ ได้แก่ กรณาฏกะ ทมิฬนาฑู และเกรละ ในอดีตเมื่อครั้งที่อังกฤษยังปกครองอินเดีย ผู้แทนพระองค์ประจำมณฑลมัทราส (Madras Province) ได้เลือกอูตีเป็นเมืองหลวงชั่วคราวในฤดูร้อน เนื่องจากชาวอังกฤษไม่อาจทนอากาศร้อนชื้นของเมืองเชนไน (Chennai) หรือมัทราสในขณะนั้นได้
ด้วยเหตุนี้อูตีจึงเต็มไปด้วยกลิ่นอายความเป็นตะวันตก ไม่ว่าจะเป็นรถไฟหัวจักรไอน้ำ โรงเรียนประจำที่แบ่งบ้านตามระบบอังกฤษ และตึกรามบ้านช่องทรงโคโลเนียลมากมาย ชาวอังกฤษจำนวนมากตั้งรกรากที่อูตีตั้งแต่ต้นคริสต์ศตวรรษที่ 19 คนเหล่านั้นทำให้เมืองนี้กลายเป็นสถานที่ตากอากาศที่สำคัญของประเทศ และยังขนานนามอูตีว่า “ราชินีแห่งเทือกเขาฆาฏตะวันตก (Queen of Western Ghats)” อีกด้วย
ฤดูท่องเที่ยวของเมืองอูตี (Ooty)
ชาวอินเดียนิยมท่องเที่ยวอูตีระหว่างเดือนเมษายนถึงเดือนมิถุนายน ทั้งนี้เพื่อหลบร้อนจากเมืองใหญ่อย่างเชนไน โคยัมบาตูร์ (Coimbatore) และไมซอร์ ดังนั้นหากใครต้องการถ่ายรูปอูตีสวยๆ แบบไม่ติดฝูงชนละก็ แนะนำให้หลีกเลี่ยง 3 เดือนนี้ อูตีเป็นเมืองที่มีอากาศหนาวตลอดปี นักท่องเที่ยวจึงไม่ต้องกลัวว่าจะไม่ได้ปะทะอากาศเย็นหรือไม่ได้เห็นทะเลหมอก
หลังจากรู้จักอูตีกันมาพอหอมปากหอมคอแล้ว วันนี้ ทีมงานพาทัวร์โลจี้จะมาแนะนำจุดถ่ายรูปสุดคูลในอูตีที่สวยจนลืมหายใจ เชื่อว่าถ้ากลับไปบอกใครๆ ว่าไปเที่ยวยุโรปก็ต้องมีคนเชื่ออย่างไม่ต้องสงสัย ถ้าพร้อมแล้วละก็ เรามาดูกันเลยดีกว่าว่า จุดเช็กอินที่ว่ามีที่ใดบ้าง
สถานที่ท่องเที่ยวของเมืองอูตี (Ooty)
ทะเลสาบอูตี (Ooty Lake)
ทะเลสาบอูตี (Ooty Lake) เป็นจุดท่องเที่ยวที่ใกล้กับสถานีรถบัสอูตีที่สุด มีชื่อเรียกอีกอย่างว่า โรงเรืออูตี (Ooty Boathouse) ทะเลสาบแห่งนี้ถูกขุดขึ้นในปี 1834 ด้วยความคิดของ จอห์น ซัลลิแวน (John Sullivan) ที่ต้องการสร้างแหล่งเก็บน้ำเพื่ออุปโภคบริโภคในเมืองนี้
ปัจจุบันทะเลสาบอูตีกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญ นักท่องเที่ยวสามารถเช่าเหมาเรือชมทัศนียภาพสองฟากฝั่ง รวมถึงทำกิจกรรมอื่นๆ อย่างตกปลาหรือถีบเรือเป็ด ทริปแล่นเรือทะเลสาบอูตีอาจกินเวลา 30 นาทีถึง 1 ชั่วโมง เมื่อขึ้นฝั่งแล้ว อย่าลืมแวะซื้อช็อกโกแลตฟองดูร้อนๆ กินรองท้องก่อนมื้อหลัก ช็อกโกแลตอูตีขึ้นชื่อว่ามีคุณภาพและรสชาติดีที่สุดในอินเดียใต้เลยละ!
รถไฟจำลองอูตี (Ooty Toy Train)
รถไฟจำลองอูตี (Ooty Toy Train) แม้จะได้ชื่อว่ารถไฟจำลอง แต่รถไฟแสนน่ารักในอูตีก็สามารถใช้งานได้จริง รางรถไฟมีความยาว 46 กิโลเมตร เชื่อมระหว่างเมืองกุนนูร์ (Coonoor) และอูตี รางรถไฟดั้งเดิมถูกสร้างขึ้นในปี 1854 ปัจจุบันกลายเป็น มรดกโลกที่ขึ้นทะเบียนโดยองค์กรยูเนสโก (UNESCO)
นักท่องเที่ยวนิยมตีตั๋วรถไฟเพื่อชมทัศนียภาพหุบเขาและไร่ชาขั้นบันได รวมถึงถ่ายรูปกับรถไฟโบราณสีสันสดใส หากใครอยากมีประสบการณ์เดินทางด้วยรถไฟโบราณละก็ แนะนำให้จองตั๋วล่วงหน้าราว 2 ถึง 3 เดือน ถ้าไม่อยากพลาดโอกาสการเดินทางหรูหราแบบผู้ดีอังกฤษครั้งหนึ่งในชีวิต
สวนกุหลาบอูตี (Ooty Rose Garden)
สวนกุหลาบอูตี (Ooty Rose Garden) หากใครมีความฝันอยากเป็นเจ้าหญิงดิสนีย์สักวัน สวนกุหลาบอูตีเท่านั้นที่จะตอบโจทย์คุณได้! สวนพฤกษศาสตร์แห่งนี้ก่อตั้งโดยรัฐบาลอินเดียในปี 1995 ปัจจุบันมีดอกไม้กว่าหมื่นชนิด ในบรรดาดอกไม้ทั้งหมด ดอกกุหลาบคือที่เชิดหน้าชูตาของสวนนี้เลยก็ว่าได้
ในปี 2006 สวนกุหลาบอูตีได้รางวัลสวนกุหลาบที่สวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียใต้จากการประกวดที่จัดโดยสมาพันธ์กุหลาบโลก (World Federation of Rose Societies) ที่เมืองโอซากา ประเทศญี่ปุ่น ด้วยพื้นที่กว่า 4 ไร่ นักท่องเที่ยวจึงสามารถหาจุดถ่ายรูปสวยๆ ในทุกมุมของสวน และหากใครต้องการซื้อดอกไม้ติดไม้ติดมือกลับบ้านละก็ ที่ด้านนอกของสวนก็มีพันธุ์ไม้มากมายให้เลือกสรรเช่นกัน
บ้านหินอูตี (Ooty Stone House)
บ้านหินอูตี (Ooty Stone House) เป็นจุดถ่ายรูปแนววินเทจยอดนิยมของนักท่องเที่ยว สถานที่แห่งนี้เคยเป็นบ้านพักตากอากาศของจอห์น ซัลลิแวน ชาวอังกฤษคนแรกที่สำรวจอูตีและหุบเขานิลคีรี ซัลลิแวนสร้างบ้านหลังนี้ในปี 1922 นับเป็นสิ่งปลูกสร้างที่เก่าแก่ที่สุดในอูตี
ปัจจุบันบ้านหินยังคงอยู่ในสภาพดี ด้านในเปิดให้เยี่ยมชมฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย ภายในจัดแสดงข้าวของเครื่องใช้ของคนอังกฤษในสมัยอาณานิคม คนพื้นที่เรียกสถานที่แห่งนี้ว่า กัล บังกะโล (Kal Bungalow) ที่มีความหมายว่าบังกะโลหินในภาษาทมิฬนั่นเอง
จุดชมวิวหัวเข็ม (Needle Rock View Point)
จุดชมวิวหัวเข็ม (Needle Rock View Point) แน่นอนว่าหากมาเยือนสถานที่ตากอากาศในหุบเขา แต่ไม่ได้ถ่ายรูปกับยอดเขาคงจะดูแปลกไม่ใช่น้อย จุดชมวิวหัวเข็มตั้งอยู่บนยอดเขานิลคีรี คนท้องที่เรียกกันว่า สูจีมะไล (Soochimalai) ยอดเขาแห่งนี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิตของชาวทมิฬเลยก็ว่าได้ เนื่องจากภาพยนตร์กอลลีวู้ด (Kollywood) หรือภาพยนตร์ภาษาทมิฬหลายเรื่องถ่ายทำที่โลเคชันนี้
นักท่องเที่ยวจะได้เห็นทิวทัศน์เทือกเขานิลคีรี 360 องศาโดยไม่มีอะไรบดบัง และหากมาในเวลาเช้าตรู่ คุณก็จะได้ชมทะเลหมอกและยอดเขาสูงเทียมเมฆในเวลาเดียวกัน เพราะฉะนั้น หากใครได้มาเยือนอูตีแล้วละก็ อย่าพลาดจุดชมวิวหัวเข็มเพื่อสูดอากาศบริสุทธิ์ที่หาไม่ได้ในเมืองใหญ่กันนะ!
บทสรุป
เป็นอย่างไรกันบ้างกับ 5 สถานที่ท่องเที่ยวในอูตีที่นำเสนอในวันนี้ อย่างไรก็ดี อูตีไม่ได้มีดีแค่ทิวทัศน์งดงามไว้ถ่ายรูปเท่านั้น อาหารพื้นบ้านที่ผสมผสานวัฒนธรรมตะวันตก รวมถึงช็อกโกแลตจากอูตีก็ถือเป็นของฝากที่ใครหลายคนตามหาเช่นกัน
เพราะฉะนั้น หากใครมีโอกาสได้มาเยือนถิ่นอินเดียใต้ ขอฝากอูตีไว้ในอ้อมอกอ้อมใจสักนิด แล้วคุณจะได้สถานที่หลบร้อนแห่งใหม่ที่ปราศจากความวุ่นวาย รวมถึงได้ของขวัญสุดพิเศษไปฝากคนที่คุณรักเช่นกัน
หนังสือและบทความอ้างอิง
- Bradnock, Robert. South India Handbook Travel Guide. Bath: Footprint Handbook, 2000.
- Holidays DNA. Places to Visit in Ooty | Top Ooty Tourist Sightseeing Places. (2011). [Online]. Accessed 2022 January 11.
- Roy, Avik. Ooty: In the Lap of the Nilgiris. (2011). [Online]. Accessed 2022 January 11.