เมื่อไม่กี่ปีที่แล้ว ผู้อ่านหลายคนอาจยังจำประเด็นถกเถียงระหว่างชาวเน็ตประเทศไทยและกัมพูชาด้วยคำถามที่ว่า “โขนเป็นของใคร” กันได้ ข้อถกเถียงเผ็ดร้อนครั้งนั้นจบลงด้วยข้อสรุปที่ว่า โขน คือ มรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ (Intangible Heritage) ร่วมกันของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ทว่าไม่ว่าจะเป็นชาวไทยหรือกัมพูชาต่างยืนกรานว่านาฏกรรมโบราณเป็นสมบัติประจำชาติมาจนถึงทุกวันนี้ ไม่ใช่เพราะต้องการชิงดีชิงเด่นแต่อย่างใด แต่เป็นเพราะทุกคนต่างภูมิใจกับอารยธรรมแห่งบรรพชนทั้งสิ้น อย่างไรก็ตาม ประเด็นร้อนในโลกโซเชียลเกี่ยวกับวัฒนธรรมร่วมไม่ได้มีแค่ชาติอาเซียนเท่านั้น แม้แต่ในทวีปแอฟริกาก็เช่นกัน
วันนี้ ทีมงานพาทัวร์โลจี้จึงพาผู้อ่านมาอัพเดทข่าวสารจากกาฬทวีป กับแฮชแท็ก #Jollofwars สงครามข้าวหมกแสนเผ็ดร้อนระหว่างกานา ไนจีเรีย และแคเมอรูน ข้าวหมกโจลลอฟคืออะไร และเพราะเหตุใดทุกประเทศจึงยืนกรานว่าโจลลอฟเป็นสมบัติของตนนั้น เราจะมาเจาะประเด็นไปพร้อมๆ กัน
ข้าวหมกโจลลอฟ (Jollof Rice) คืออะไร
ข้าวหมกโจลลอฟ (Jollof Rice) เป็นอาหารพื้นถิ่นในแอฟริกาตะวันตก โจลลอฟมีส่วนประกอบหลักคือ ข้าว มะเขือเทศ หอมใหญ่ และเครื่องเทศ โดยข้าวที่นำมาทำจะมีลักษณะร่วนและแข็งกว่าข้าวหอมมะลิบ้านเรา
วิธีปรุงโจลลอฟแตกต่างกันออกไปในแต่ละท้องที่ บางแห่งใช้วิธีผัดหัวหอมให้สุกก่อนใส่มะเขือเทศบดลงไป เมื่อปรุงรสได้ที่จึงใส่ข้าวหุงกึ่งสุกพร้อมกับน้ำ แล้วปิดฝาทิ้งไว้เพื่อให้รสชาติวัตถุดิบแทรกซึมเข้าไปในเนื้อข้าว
บางแห่งจะใช้วิธีผัดข้าวให้เข้ากับซอสมะเขือเทศเข้มข้นที่เตรียมไว้ แต่ไม่ว่าจะเป็นวิธีใด โจลลอฟก็เป็นอาหารยอดนิยมทุกครัวเรือนในภูมิภาค ข้าวหมกหอมกรุ่นถูกเสิร์ฟพร้อมเนื้อสัตว์หลากชนิดตามแต่ผู้ปรุงจะเลือกสรร ข้าวหมกโจลลอฟจึงกลายตัวแทนจิตวิญญาณของชาวแอฟริกันโดยแท้
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าสงครามโจลลอฟในโลกโซเชียลจะเกิดขึ้นระหว่างกานา ไนจีเรีย และแคเมอรูน ทว่าประเทศที่เป็นถิ่นกำเนิดของข้าวหมกกลับไม่ลงมาร่วมสมรภูมิด้วย ประเทศนั้นคือ เซเนกัล (Senegal) โดยนักประวัติศาสตร์เชื่อว่าอาหารชนิดนี้มีที่มาจากอาณาจักรโวลอฟ (Wolof Kingdom) หรือประเทศเซเนกัลในปัจจุบัน
ประวัติศาสตร์ของข้าวหมกโจลลอฟ (Jollof)
โวลอฟ (Wolof Kingdom) เป็นแหล่งปลูกข้าวที่สำคัญในแอฟริกาตะวันตกมาตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 14 อาหารจานข้าวส่วนใหญ่จึงมีที่มาจากที่นี่ทั้งสิ้น ทว่ากว่าจะมาเป็นโจลลอฟอย่างที่เห็นในปัจจุบัน ข้าวหมกชื่อดังกลับต้องใช้เวลาพัฒนาสูตรนานหลายศตวรรษ
โดยมะเขือเทศและเครื่องเทศที่เป็นส่วนประกอบหลักเข้ามาในแอฟริกาครั้งแรกพร้อมกับนักสำรวจชาวโปรตุเกสในคริสต์ศตวรรษที่ 16
ตำนานท้องถิ่นในเซเนกัลมีอยู่ว่า ครั้งหนึ่ง แม่ครัวซึ่งเป็นชาวโวลอฟต้องจัดสำรับให้ข้าหลวงคนขาวประจำเมืองแซงต์หลุยส์ (Saint – Louis) ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ เนื่องจากไม่รู้ว่าควรปรุงอะไร แม่ครัวจึงนำข้าวที่เป็นของหาง่ายในท้องที่มาผสมกับมะเขือเทศที่ชาวตะวันตกโปรดปราน อาหารรสจัดจ้านจึงบังเกิดในครั้งนั้น
ข้าวหมกต้นตำรับโวลอฟมีชื่อเรียกว่า ทิเอบูเดียน (Thiéboudiène) โดยจะเสิร์ฟคู่กับปลาเป็นส่วนใหญ่ ทิเอบูเดียนจึงกลายมาเป็นอาหารประจำชาติเซเนกันจนถึงทุกวันนี้
แล้วข้าวหมกที่ถือกำเนิดทางตะวันตกสุดของทวีปกลายมาเป็นอาหารยอดนิยมในดินแดนห่างไกลได้อย่างไรนั้น นักวิชาการแอฟริกันสันนิษฐานว่า อาหารและวัฒนธรรมของชาวโวลอฟถูกเผยแพร่ไปยังภูมิภาคอื่นผ่านเส้นทางการค้าทะเลทรายสะฮารา (Trans – Saharan Trade Route) ทางตอนเหนือของประเทศ
กองคาราวานพ่อค้าชาวดิยูลา (Dyula) ได้เดินทางตามเส้นทางทะเลทรายเพื่อค้าขายกับอาณาจักรโวลอฟและแผ่นดินข้างเคียง เมื่อชาวดิยูลาแวะพักที่อาณาจักรใด พวกเขาก็นำวัฒนธรรมท้องถิ่นต่างๆ ที่เคยประสบพบเจอมาเผยแพร่ ณ ที่นั้น ด้วยเหตุนี้ทิเอบูเดียนจึงเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางที่ประเทศกานา ไนจีเรีย และแคเมอรูนในเวลาต่อมา
อย่างไรก็ตาม ชื่อดั้งเดิมของอาหารกลับถูกหลงลืมไปตามกาลเวลา ครั้นมีคนถามกองคาราวานว่าอาหารชนิดนี้เรียกว่าอะไร ชาวดิยูลาจึงตอบง่ายๆ ว่าสิ่งนี้คือข้าวของชาวโวลลอฟ ชื่อข้าวหมกจึงถูกเรียกสืบต่อกันมาจนกลายเป็นโจลลอฟในปัจจุบัน
ข้าวหมกโจลลอฟในปัจจุบัน
แม้เวลาจะหมุนผ่านหลายร้อยปี ทว่าความนิยมของโจลลอฟกลับไม่เคยจางหาย ข้าวหมกกลายเป็นเมนูประจำร้านอาหารทั่วไปในแอฟริกา โจลลอฟมักถูกปรุงในวันหยุดและโอกาสสำคัญ ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ต่างชื่นชอบรสเข้มข้นของเครื่องเทศที่ผสมผสานกับข้าวและเนื้อสัตว์อย่างลงตัว
ด้วยเหตุนี้ ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2015 เป็นต้นมา ชาวเน็ตแอฟริกันทั่วโลกก็ได้สถาปนาวันโจลลอฟโลก (World Jollof Day) เพื่อเฉลิมฉลองให้เมนูสุดฮิตในวันที่ 22 สิงหาคมของทุกปี นับเป็นอาหารสัญชาติแอฟริกันเมนูแรกที่มีวันสำคัญเป็นของตัวเองก็ว่าได้
อย่างไรก็ตาม ความชื่นชอบโจลลอฟของชาวแอฟริกันกลับนำไปสู่สงครามโลกโซเชียลในเวลาต่อมา ตั้งแต่ปี 2020 เป็นต้นมา ชาวเน็ตในแอฟริกาตะวันตกต่างเริ่มติดแฮชแท็ก #Jollofwars โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อยืนยันว่าข้าวหมกยอดนิยมเป็นอาหารของประเทศตนแต่เพียงผู้เดียว
ไม่เพียงเท่านั้น ชาวกานา ไนจีเรีย และแคเมอรูนต่างทุ่มเถียงกันทั้งต่อหน้าและตามสื่อต่างๆ ว่าโจลลอฟสูตรใดที่อร่อยที่สุด ข้อพิพาทดังกล่าวจึงกลายเป็นประเด็นร้อนตลอด 2 ปีที่ผ่านมา ทั้งที่ในความเป็นจริง ข้าวหมกแต่ละสูตรมีเอกลักษณ์เฉพาะที่แตกต่างกันออกไป
ข้าวหมกไนจีเรียขึ้นชื่อเรื่องเครื่องเทศเผ็ดร้อนและรสชาติที่เข้มข้น ในขณะที่กานาโจลลอฟใช้วิธีผัดข้าวกับเครื่องปรุงจนหอมกลิ่นคั่วกระทะ ทว่าเมื่อมีศักดิ์ศรีของประเทศเป็นเดิมพัน ชาวแอฟริกันชาติต่างๆ จึงทุ่มเถียงกันอย่างไม่มีใครยอมใคร ไม่ต่างอะไรกับประเด็นเรื่องโขนและข้าวมันไก่ที่เคยเป็นข้อพิพาทระหว่างชาวอาเซียนมาแล้วเมื่อหลายปีก่อน
บทสรุปตอนนี้
แม้ว่าในปัจจุบัน ประเด็นร้อนระหว่างชาติแอฟริกันเกี่ยวกับโจลลอฟจะสร่างซาไปบ้างแล้ว ทว่าหากมีใครตั้งคำถามเรื่องข้าวหมกกับชาวกานา ไนจีเรีย หรือแคเมอรูน พวกเขาก็ยังคงยืนกรานว่าโจลลอฟชาติตนคือที่สุดของข้าวหมกทั่วโลก
ทั้งนี้ ผู้เขียนคงไม่อาจตอบได้ว่าเมนูข้าวประเทศใดอร่อยกว่ากัน แต่อยากเชิญชวนให้ผู้อ่านลองมาชิมข้าวหมกสไตล์แอฟริกันด้วยตัวเอง เช่นเดียวกับข้าวมันไก่ บีร์ยานี (Biryani) และ ปาเอญา (Paella) โจลลอฟเองก็เป็นเมนูข้าวที่ผ่านร้อนผ่านหนาวกับชาวแอฟริกันมาหลายศตวรรษ หากจะเรียกข้าวหมกรสจัดจ้านว่าเป็นอาหารที่เชื่อมโยงภูมิภาคตะวันตกของกาฬทวีปเข้าด้วยกันก็คงไม่ผิด
และถ้าใครต้องการลิ้มลองอาหารที่ได้ชื่อว่าเป็นตัวแทนจิตวิญญาณของชาวแอฟริกัน พร้อมกับหาประสบการณ์ในแผ่นดินแสนมหัศจรรย์แล้วละก็ ติดต่อเราได้ที่ www.patourlogy.com เพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการท่องเที่ยวแอฟริกา ที่จะทำให้คุณเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับกาฬทวีปจากเดิมอย่างแน่นอน
บทความอ้างอิง
- Kitchen Butterfly. Classic Nigerian Jollof Rice. (2016). [Online]. Accessed 2022 January 22. Available from: https://food52.com/recipes/61557-classic-nigerian-jollof-rice
- Oktay, Serdar and Sadikoglu, Saide. The gastronomic cultures’ impact on the African cuisine, Journal of Ethnic Foods Vol. 5 Page: 140 – 146. Nicosia: Near East University, 2018.
- Sloley. Patti. Jollof Wars: Who does West Africa’s iconic rice dish best?. (2021). [Online]. Accessed 2022 January 22. Available from: https://www.bbc.com/travel/article/20210607-jollof-wars-who-does-west-africas-iconic-rice-dish-best