เดดซี (Dead Sea) เป็นทะเลสาบน้ำเค็มที่ตั้งอยู่ระหว่างประเทศจอร์แดนทางทิศตะวันออก และประเทศอิสราเอล เป็นหนึ่งในแหล่งน้ำที่เค็มที่สุดในโลก และยังเป็นจุดต่ำสุดของโลกด้วย ด้วยระดับพื้นผิวที่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเลกว่า 400 เมตร (1,300 ฟุต)
ด้วยความเข้มข้นของเกลือสูงในทะเลเดดซีทำให้แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่สิ่งมีชีวิตส่วนใหญ่จะสามารถอยู่รอดได้ ด้วยเหตุนี้จึงได้ชื่อว่า “Dead Sea” อย่างไรก็ตามโคลน และเกลือที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุ ทำให้ถูกนำมาใช้เพื่อวัตถุประสงค์ในการบำบัด และเสริมความงาม
ทะเลแดงเกิดขึ้นได้อย่างไร?
ทะเลแดงเกิดขึ้นจากกระบวนการทางธรณีวิทยาที่เกิดขึ้นเป็นเวลาหลายล้านปี ในลักษณะของหุบเขาเกิดรอยแยก ซึ่งเป็นรอยแตกขนาดใหญ่บนแผ่นเปลือกโลก ขณะที่แผ่นเปลือกโลกเคลื่อนตัว แมกมาก็ผุดขึ้นมาจากชั้นเนื้อโลก และแข็งตัว ทำให้เกิดแผ่นดินใหม่เมื่อเวลาผ่านไป หุบเขาที่แตกแยกก็เต็มไปด้วยน้ำจากมหาสมุทรอินเดีย ทำให้เกิดทะเลแดงนั้นเอง
ประวัติน่าทึ่งของทะเลแดง
ทะเลแดงเมื่อก่อนนั้นเป็นเส้นทางการค้าที่สำคัญมานานโดยเชื่อมระหว่างแอฟริกาตะวันออก คาบสมุทรอาหรับ และอินเดีย
ตัวอย่างการใช้เส้นทางในทะเลแดง
- ชาวอียิปต์โบราณทำการค้ากับปันต์ (Punt) ซึ่งอยู่บนเขาแห่งแอฟริกาโดยจะต้องข้ามทะเลแดงไป
- ชาวกรีกโบราณรู้จักทะเลแดงเช่นกัน และปรากฏในตำนานบางเล่ม ในพระคัมภีร์ไบเบิล ทะเลแดงเป็นสถานที่ที่มีชื่อเสียงซึ่งโมเสสแยกน้ำออกเพื่อให้ชาวอิสราเอลหนีออกจากอียิปต์
- ในหนังสืออพยพในพระคัมภีร์ไบเบิลบอกเล่าเรื่องราวการข้ามแหล่งน้ําที่น่าอัศจรรย์ของชาวอิสราเอลซึ่งข้อความภาษาฮีบรูเรียกว่า Yam Suph เป็นเส้นทางการหลบหนีจากการเป็นทาสของชาวอิสราเอลในอียิปต์
- ในยุคกลาง ทะเลแดงเป็นเส้นทางการค้าที่สำคัญของโลกอิสลาม โดยเชื่อมต่อคาบสมุทรอาหรับกับอนุทวีปอินเดีย เมืองเจดดาห์ในซาอุดิอาระเบียซึ่งในยุคปัจจุบันเป็นเมืองท่าที่สำคัญ และเมืองเอเดนในเยเมนยุคปัจจุบันเป็นศูนย์กลางการค้าที่สำคัญ
- ในคริสต์ศตวรรษที่ 19 และต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 ทะเลแดงกลายเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญสำหรับมหาอำนาจอาณานิคมของยุโรป โดยเฉพาะอังกฤษ และฝรั่งเศส เนื่องจากพยายามควบคุมเส้นทางการค้าไปยังอินเดีย และตะวันออกการก่อสร้างคลองสุเอซในปี พ.ศ. 2412 ซึ่งเชื่อมระหว่างทะเลเมดิเตอร์เรเนียนกับทะเลแดง ทำให้ทะเลมีความสำคัญทางยุทธศาสตร์มากขึ้น
ทำไมถึงชื่อว่าทะเลแดง??
- มีทฤษฎีอยู่มากมายเกี่ยวกับสาเหตุที่ทะเลแดงถูกเรียกด้วยชื่อนี้ ทฤษฎีหนึ่งคือชื่อนี้มาจากสีแดงของภูเขาที่เรียงรายอยู่ในทะเล โดยเฉพาะภูเขาหินทรายสีน้ำตาลแดงในคาบสมุทรอาหรับ
- อีกทฤษฎีหนึ่งมาจากสาหร่ายขนาดเล็กที่ผลิตเม็ดสีแดง
- ในสมัยโบราณ ทะเลมีชื่อเรียกต่างกันไปในแต่ละวัฒนธรรม ชาวอียิปต์โบราณเรียกว่า “Sea of Reeds” ในขณะที่ชาวกรีกเรียกว่า “Erythraean Sea” เชื่อกันว่าชื่อ “ทะเลแดง” ถูกใช้ครั้งแรกโดยชาวกรีกโบราณ อาจเป็นเพราะสีของภูเขาหรือสีแดงของน้ำ
ท่องเที่ยวไปในทะเลสาบเดดซี (Dead Sea)
หาด Ein Bokek
ชายหาดที่ตั้งอยู่บนชายฝั่งทะเลเดดซีในอิสราเอล เป็นหนึ่งในพื้นที่ที่มีการพัฒนามากที่สุดตามแนวทะเลเดดซี และเป็นที่ตั้งของโรงแรม สปา และสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย นอกจากนี้นักท่องเที่ยวยังสามารถอาบบ่อน้ำร้อนในสปา ในขณะที่เพลิดเพลินกับทิวทัศน์ของทะเลเดดซี
สำรวจถ้ำเกลือ
ลึกเข้าไปในเทือกเขา Sodom ด้านตะวันตกของทะเลเดดซี มีถ้ำเกลือซ่อนอยู่ เพราะ ภูเขาโซดอมมีลักษณะพิเศษคือเป็นหนึ่งในไม่กี่แห่งในโลกที่มีการสะสมของเกลืออย่างต่อเนื่อง ภูเขามีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาเนื่องจากการทับถมของเกลือ ซึ่งอาจจะทำให้ภูเขาขยายตัว และพังทลายได้ เพราะกระบวนการนี้ทำให้เกิดการยุบ แต่บางแห่งนักท่องเที่ยวสามารถเข้าถึงได้ถ้าใครสนใจสำรวจถ้ำเกลือก็สามารถติดต่อกับทัวร์ท้องถิ่นได้ รับรองได้เลยว่าจะได้สัมผัสประสบการณ์ผจญภัยที่น่าตื่นเต้นแน่นอน
Masada
ป้อมปราการโบราณที่มีอายุมากกว่า 2000 ปี ตั้งอยู่ในทะเลทรายยูเดียที่สามารถมองเห็นทะสาบเดดซีในอิสราเอลได้ นอกจากนี้ยังเป็นมรดกโลกของ UNESCO อีกด้วย
ป้อมปราการแห่งนี้สร้างขึ้นโดยกษัตริย์เฮโรดมหาราชในศตวรรษที่ 1 ก่อนคริสตศักราช ซึ่งถูกใช้เป็นพระราชวัง ต่อมาได้เป็นฐานหลบภัยของกลุ่มชาวยิวในช่วงสงครามยิว-โรมันครั้งที่หนึ่ง ป้อมปราการแห่งนี้มีประวัติศาสตร์ยาวนานเรืองของการปิดล้อมเมืองมาซาดา ซึ่งกลุ่มกบฏชาวยิวได้ขัดขวางกองทัพโรมันเป็นเวลาหลายเดือนก่อนที่จะเลือกที่จะฆ่าตัวตายหมู่แทนการยอมจำนนในที่สุด
เขตอนุรักษ์ธรรมชาติ Ein Gedi (Ein Gedi Nature Reserve)
โอเอซิสกลางทะเลทรายที่ใหญ่ที่สุดในอิสราเอล ตั้งอยู่ทางด้านตะวันออกของทะเลทรายจูเดียน เขตสงวนแห่งนี้เป็นที่ตั้งของน้ำพุและน้ำตกหลายแห่ง รวมถึงน้ำตก นอกจากจะมีน้ำตกที่สวยงามแล้ว ยังมีเส้นทางการเดินป่า เช่น Arugot Stream และ Oasis Trail
สิ่งมีชีวิตใต้ท้องทะเลที่งดงาม
ทะเลแดงเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ทะเลหลากหลายชนิด รวมถึงแนวปะการัง แหล่งหญ้าทะเล ป่าชายเลน และช่องระบายความร้อนใต้ทะเลลึก ภูมิศาสตร์ที่เป็นเอกลักษณ์
ลักษณะที่สำคัญที่สุดประการหนึ่งของทะเลแดงคือแนวปะการัง ซึ่งเป็นที่ตั้งของแนวปะการังที่ใหญ่ และหลากหลายที่สุดในโลก โดยมีปะการังแข็ง และปะการังอ่อนกว่า 200 สายพันธุ์ แนวปะการังเหล่านี้เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ทะเลหลากหลายชนิด รวมถึงปลา ฉลาม เต่า และสัตว์ทะเลอื่นๆ หลายร้อยชนิด
แล้วทำไมทะเลดึงถึงเค็มนัก??
ปัจจัยที่ทำให้ทะเลแดงมีความเค็มสูงคือสภาพอากาศที่อบอุ่น และแห้ง ทะเลแดงได้รับน้ำจืดจากแม่น้ำน้อยมาก และอัตราการระเหยสูงเนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อน และแห้ง เมื่อน้ำระเหยไป เกลือที่ละลายจะมีความเข้มข้นมากขึ้น นำไปสู่ความเค็มที่เพิ่มขึ้น
และทะเลแดงค่อนข้างแยกจากมหาสมุทรเปิด โดยมีการเชื่อมต่อกับแหล่งน้ำอื่นๆ อย่างจำกัด ซึ่งหมายความว่าน้ำในทะเลไม่ได้ถูกทำให้เจือจางอย่างสม่ำเสมอจากน้ำจืดที่ไหลเข้าจากแม่น้ำหรือโดยการผสมของกระแสน้ำในมหาสมุทร ซึ่งช่วยรักษาความเค็มให้สูงไว้ได้
หรือถ้าใครอยากรู้จักสถานที่ท่องเที่ยวเด็ดๆ แปลกแหวกแนวไม่เหมือนใคร โดยเราจะนำความรู้ดีๆ สาระดีๆ หรือประวัติศาสตร์ของสถานที่ท่องเที่ยวนั้นๆ มาบอกเล่าเรื่องราวให้ได้อ่านกัน สามารถติดตาม หมอๆ ตะลุยโลก และPatourlogy หรือถ้าใครต้องการท่องเที่ยวแบบเป็นกรุ๊ปส่วนตัว ไม่ว่าจะเป็นทัวร์นอกกระแส ขั้วโลกเหนือยังขั้วโลกใต้ ที่ประทับใจยันโลกหน้า สามารถติดต่อทาง Facebookและ Line ได้เลย เรายินดีพร้อมบริการทุกคนเป็นอย่างยิ่ง
อ้างอิงบทความ
- https://static.redseaglobal.com/visitredsea/
- https://blog.radissonblu.com/10-things-you-need-to-know-about-the-red-sea/