ขั้วโลกเหนือ… ดินแดนเหนือสุดของโลกที่ปกคลุมด้วยน้ำแข็งตลอดปี ใครหลายคนอาจคิดว่าสถานที่แห่งนี้ไม่เหมาะแก่การอยู่อาศัย ทว่าลึกเข้าไปใจกลางมหาสมุทรอาร์กติก ยังคงมีดินแดนสงบสุขที่ผู้คนหลากหลายเชื้อชาติอาศัยอยู่ร่วมกัน สถานที่แห่งนั้นมีชื่อว่า หมู่เกาะสฟาลบาร์ด (Svalbard Islands) เพราะเหตุใดเกาะเล็กๆ ที่หนาวเหน็บจึงได้ชื่อว่าสรวงสวรรค์แห่งขั้วโลกเหนือนั้น เราจะมาทำความรู้จักเกาะแห่งนี้ไปพร้อมกัน
หมู่เกาะสฟาลบาร์ด (Svalbard Archipelago)
สฟาลบาร์ด เป็นหมู่เกาะในมหาสมุทรอาร์กติก หมู่เกาะนี้อยู่ภายใต้การปกครองของประเทศนอร์เวย์ ตั้งอยู่ระหว่างชายฝั่งนอร์เวย์และขั้วโลกเหนือ สฟาลบาร์ดประกอบด้วย 9 เกาะด้วยกัน ได้แก่ สปิตสเบอร์เกน (Spitsbergen) นอร์ดเอาส์ลานเดต (Nordaustlandet) เอตกีโอยา (Edgeøya) บาเรนโซยา (Barentsøya) ปรินส์ คาร์ลส์ ฟอร์แลนด์ (Prins Karls Foreland) ควิโตยา (Kvitøya) คอง คาร์ลส์ แลนด์ (Kong Karls Land) บียอร์นไอส์แลนด์ (Bjørn Island) และโฮเปน (Hopen) โดยเกาะที่ใหญ่ที่สุดและมีประชากรมากที่สุดคือสปิตสเบอร์เกน (Spitsbergen) ซึ่งเป็นที่ตั้งเมือง ลองเยียร์บีเอน (Longyearbyen) เมืองหลวงแห่งสฟาร์ลบาร์ด
ชื่อสฟาลบาร์ด
ชื่อหมูเกาะสฟาลบาร์ดมีที่มาจากภาษานอร์สโบราณ มาจากคำว่า สฟาลร์ (Svalr) ที่มีความหมายว่าหนาวเย็น และ บาร์ด (Barð) ที่มีความหมายว่าหนวดเครา เมื่อรวมกันจึงมีความหมายว่า ดินแดนที่หนาวเย็นจนแม้แต่หนวดเครายังจับตัวเป็นน้ำแข็ง ซึ่งเป็นชื่อที่เหมาะสมกับหมู่เกาะที่มีอุณหภูมิติดลบตลอดปี ชาวไวกิ้ง เจ้าแห่งการเดินเรือค้นพบดินแดนนี้ตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 12 อย่างไรก็ตาม ด้วยสภาพภูมิประเทศและอากาศที่ทารุณ ทำให้ไม่มีการตั้งถิ่นฐานในหมู่เกาะนี้จนกระทั่งคริสต์ศตวรรษที่ 16
การค้นพบสฟาลบาร์ด
แม้ว่าสฟาลบาร์ดจะถูกค้นพบโดยชาวไวกิ้ง บรรพบุรุษของชาวสแกนดิเนเวีย (อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับชาวไวกิ้งได้ที่ (“8 เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับชาวไวกิ้ง บรรพชนของคนสแกนดิเนเวีย”) ตั้งแต่ครั้งบุพกาล ทว่าสฟาลบาร์ดเพิ่งปรากฏชื่อในแผนที่ภูมิศาสตร์โลกในคริสต์ศตวรรษที่ 16 เมื่อวิลเลียม บาเรนต์สซ์ (William Barentsz) นักสำรวจชาวดัตช์เดินเรือสำรวจเส้นทางทะเลเหนือในปีค.ศ. 1596 บาเรนต์สซ์เรียกแผ่นดินกลางทะเลน้ำแข็งที่ได้ค้นพบว่า สปิตส์ แบร์เกน (Spitse Bergen) ที่มีความหมายในภาษาดัตช์ว่า ภูเขายอดแหลม อย่างไรก็ตาม บาเรนต์สซ์ไม่ทราบว่าตนค้นพบหมู่เกาะในขณะนั้น ชื่อสปิตสเบอร์เกนจึงถูกใช้เพื่อเรียกหมู่เกาะโดยรวมทั้งหมดจนกระทั่งค.ศ. 1925 ที่หมู่เกาะถูกเปลี่ยนชื่ออย่างเป็นทางการว่าสฟาลบาร์ด ชื่อสปิตเบอร์เกนจึงกลายมาเป็นชื่อเรียกเกาะใหญ่ที่สุดในสฟาลบาร์ดในปัจจุบัน
เมืองรัสเซียในสฟาลบาร์ด
หลายคนอาจไม่ทราบว่า ไม่ไกลจากลองเยียร์บีเอน เมืองหลวงของสฟาร์ลบาร์ด เป็นที่ตั้งของเมืองที่ประชากรเกือบทั้งหมดใช้ภาษารัสเซียในการสื่อสาร เมืองนี้มีชื่อว่า บาเรนต์สเบิร์ก (Barentsburg) โดยตั้งชื่อตามวิลเลียม บาเรนต์สซ์ผู้ค้นพบสปิตเบอร์เกนเป็นครั้งแรก
นับตั้งแต่ต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 เป็นต้นมา บาเรนต์สเบิร์กก็มีชื่อในฐานะเหมืองถ่านหินที่ใหญ่ที่สุดในเกาะ สถานที่แห่งนี้ดึงดูดคนงานจากทุกสารทิศ ไม่ว่าจะเป็นชาวดัตช์ เยอรมัน ยูเครน และรัสเซีย ปัจจุบันรัสเซียเป็นเจ้าของสัมปทานเหมืองใหญ่ในบาเรนต์สเบิร์ก แม้ว่าเมืองนี้จะอยู่ภายใต้การปกครองของนอร์เวย์ แต่ผู้คนก็ถือว่าบาเรนต์สเบิร์กเป็นเมืองรัสเซียไปโดยปริยาย
ดินแดนแสงสว่างและความมืดมิด
เนื่องจากสฟาลบาร์ดเป็นชุมชนที่อยู่ใกล้ขั้วโลกเหนือที่สุดในโลก ผู้คนที่อาศัยที่นี่จึงประจักษ์ปรากฏการณ์ธรรมชาติที่หาได้ยากยิ่งในส่วนอื่นของพิภพ ไม่ว่าจะเป็นฤดูร้อนที่สว่างเจิดจ้าเป็นเวลา 4 เดือนตั้งแต่เดือนเมษายนจนถึงเดือนสิงหาคม หรือฤดูหนาวที่มืดสนิทเป็นเวลากว่าหนึ่งร้อยวันติดต่อกัน
เนื่องจากสถานที่แห่งนี้เป็นดินแดนที่พระอาทิตย์ขึ้นและตกไม่เหมือนใคร ชาวสฟาลบาร์ดส่วนใหญ่จึงใช้ชีวิตสโลว์ไลฟ์ด้วยกฏเกณฑ์เวลาของตนเอง นอกจากปรากฏการณ์โลกมืดและพระอาทิตย์เที่ยงคืนแล้ว สฟาลบาร์ดยังเป็นจุดชมแสงเหนือที่งดงามที่สุดแห่งหนึ่งของโลก นักล่าแสงเหนือนิยมเดินทางมายังสฟาลบาร์ดระหว่างเดือนกันยายนถึงเดือนมีนาคม ซึ่งเป็นช่วงเวลาท้องฟ้าปลอดโปร่งที่แสงเรื่อเรืองจากขั้วโลกจะฉายชัดที่สุด เรียกได้ว่าเป็นไฮไลต์ในหมู่เกาะแห่งแดนเหนือที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกห้ามพลาด
เมืองที่ปราศจากโจรผู้ร้าย
เชื่อว่าใครหลายคนที่เคยคุ้นกับการเดินทางมักติดนิสัยเฝ้าระวังสิ่งของมีค่าไม่มากก็น้อย เราถูกสอนกันมาตั้งแต่เล็กว่าสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ล้วนเต็มไปด้วยมิจฉาชีพที่ต้องการปล้นชิงทรัพย์
ทว่าที่สฟาลบาร์ด ผู้คนกลับไม่ล็อกประตูบ้านหรือแม้แต่รถของตัวเอง สาเหตุที่เป็นเช่นนั้นเพราะพวกเขาเชื่อว่า ไม่มีผู้ร้ายในชุมชนของตน สฟาลบาร์ดมีคุกคุมขังผู้ต้องหาที่แทบไม่เคยได้ใช้งานเลยสักครั้ง คนท้องถิ่นยืนยันว่า มิจฉาชีพไม่มีทางขโมยของแล้วหลบหนีออกจากเกาะขั้วโลกได้
ดังนั้นพวกเขาจึงไม่เคยต้องระแวงโจรผู้ร้าย ในขณะเดียวกัน การเปิดบ้านให้คนแปลกหน้าเข้ามาถือเป็นเรื่องปกติในสฟาลบาร์ด เนื่องจากระหว่างฤดูหนาว บางครั้งคนเดินถนนธรรมดาก็ถูกไล่ล่าโดยสัตว์ร้ายอย่างหมีขั้วโลก คนท้องที่จึงปลดล็อกประตูบ้านหรือรถทิ้งไว้ เพื่อให้เหยื่อผู้เคราะห์ร้ายได้มีช่องทางหลบหนี ก่อนจะกลายเป็นมื้อค่ำให้หมีขาวที่หิวโซ
เมืองแห่งความหลากหลาย
ใครกำลังมองหาอนาคตที่ต่างแดนให้ฟังทางนี้! สฟาลบาร์ดไม่ได้เปิดรับแค่นักท่องเที่ยวเท่านั้น แต่ยังต้อนรับใครก็ตามที่ต้องการทำงานและตั้งถิ่นฐานที่นี่ ปัจจุบันมีผู้คนกว่า 60 เชื้อชาติอาศัยบนเกาะร่วมกัน คนท้องที่เชื่อว่า ใครก็ตามที่กำลังมองหางานหรือความสงบสุขจะได้พบคำตอบที่เกาะสวรรค์ของพวกตน
ด้วยเหตุนี้สฟาลบาร์ดจึงเป็นดินแดนแห่งความหลากหลายทางชาติพันธุ์ และคนไทยอย่างเราคงยิ้มออกเมื่อรู้ว่าที่เมืองลองเยียร์บีเอนมีร้านอาหารไทยและอาหารนานาชาติให้เลือกสรร เรียกได้ว่าสามารถอยู่ได้โดยไม่เป็นโฮมซิกคิดถึงรสชาติไทยๆ อย่างแน่นอน
ธรรมชาติและสรรพสัตว์
ผู้คนในสฟาลบาร์ดถือคติในการมีชีวิตอยู่ร่วมกับธรรมชาติ ดังนั้นสถานที่แห่งนี้จึงยังคงความงามโดยไม่ผ่านการทำลายจากน้ำมือมนุษย์ เกาะสวรรค์เป็นที่อยู่ของสรรพสัตว์นานาพันธุ์ ไม่ว่าจะเป็นหมีขั้วโลก จิ้งจอกอาร์กติก วอลรัส วาฬ โลมา และแมวน้ำ
อย่างไรก็ตาม ผู้อาศัยในสฟาลบาร์ดต่างรู้ดีว่าสัตว์ป่าไม่ได้เป็นมิตรกับเราไปเสียทั้งหมด ดังนั้นเมื่อต้องออกเดินทางเมื่อใด คนท้องที่จะพกปืนไรเฟิลเพื่อความอุ่นใจทุกครั้ง สฟาลบาลด์ได้ชื่อว่าเป็นดินแดนที่มีประชากรหมีขาวมากกว่ามนุษย์
ป้ายระวังหมีที่มีให้เห็นทั่วไปตามท้องถนน บ่งบอกถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้จากการจู่โจมของสัตว์ ดังนั้นหากใครต้องการมาสัมผัสธรรมชาติ ณ หมู่เกาะสฟาลบาร์ลละก็ อย่าลืมพกอาวุธเพื่อความสบายใจสักนิด ก่อนจะกลายเป็นเหยื่อสัตว์ป่าโดยไม่รู้ตัว
กฎแปลกๆ ที่ควรรู้ในสฟาลบาร์ด
แม้ว่าสฟาลบาร์ดจะเป็นดินแดนในฝันของใครหลายคน ทว่าก็ยังมีกฎเกณฑ์แปลกๆ อีกมากมายที่คนต่างถิ่นอาจไม่เคยคุ้น ตัวอย่างเช่น สฟาลบาร์ดเป็นสถานที่ที่ห้ามการเกิดและการตายอย่างเด็ดขาด หากหญิงตั้งครรภ์ใกล้ถึงกำหนดคลอดเมื่อใดจะถูกส่งตัวไปยังแผ่นดินใหญ่ที่มีความพร้อมในการดูแลทารกแรกคลอดมากกว่า
และหากมีผู้ใดเสียชีวิตในสฟาลบาร์ด ศพจะถูกนำส่งแผ่นดินใหญ่เช่นกัน ไม่ใช่ว่าชาวสฟาลบาร์ดกลัวภูตผีวิญญาณแต่อย่างใด แต่เป็นเพราะอุณหภูมิติดลบบนเกาะจะรักษาสภาพศพไม่ให้เสื่อมสลายอย่างที่ควรเป็น ดังนั้นแม้จะมีสุสานให้เห็นประปรายที่สฟาลบาร์ด แต่การฝังศพใหม่ๆ ก็ยังถูกห้ามในสถานที่แห่งนี้อยู่ดี
กิจกรรมที่ควรทำเมื่อมาเยือนสฟาลบาร์ด
เมื่อมาถึงตรงนี้แล้ว เชื่อว่าใครหลายคนคงสนใจหมู่เกาะขั้วโลกเหนือของเราไปตามๆ กัน นอกจากปรากฏการณ์ธรรมชาติและสัตว์ต่างๆ ที่น่าตื่นตาแล้ว นักท่องเที่ยวยังนิยมทำกิจกรรมแสนสนุกมากมายในสฟาลบาร์ด ไม่ว่าจะเป็นการทดลองขับสโนว์โมบิลในทุ่งหิมะที่ไม่มีวันละลาย การลองนั่งรถลากเทียมด้วยสุนัขอลาสกันฮัสกี้ หรือแม้แต่การเที่ยวชมบ้านเรือนสีสันสดใสและผูกมิตรกับผู้คนจากทุกสารทิศ เรียกได้ว่าหากมาเยือนสฟาลบาร์ดสักครั้ง เชื่อว่าคุณจะต้องประทับใจจนต้องกลับมาซ้ำอย่างแน่นอน
เป็นอย่างไรกันบ้างกับหมู่เกาะสฟาลบาร์ดแห่งแดนเหนือ เชื่อว่าใครหลายคนคงได้สาระและความบันเทิงกลับไปไม่น้อย และหากใครสนใจมาสัมผัสประสบการณ์ ณ ดินแดนเหนือสุดของโลกด้วยตัวเองละก็ สฟาลบาร์ดยังคงเปิดรับนักท่องเที่ยวตลอดปี คุณสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.patourlogy.com ให้เราได้เป็นส่วนหนึ่งในการจัดทริปเยี่ยมชมแดนหิมะในฝันที่จะทำให้คุณประทับใจไม่รู้ลืม
อ้างอิง
- Nikel, David. 16 Fascinating Facts About Svalbard. (2019). [Online]. Accessed 2022 March 1. Available from: https://www.lifeinnorway.net/svalbard-facts/
- Secret Atlas. 50 Interesting Svalbard Facts To Inspire Your Visit. (2022). [Online]. Accessed 2022 March 1. Available from: https://www.secretatlastravel.com/svalbard-50-interesting-svalbard-facts-to-inspire-your-visit/
- Visit Svalbard. ABOUT SVALBARD. (2022). [Online]. Accessed 2022 March 1. Available from: https://en.visitsvalbard.com/visitor-information/about-svalbard