เกาะเรอูนียง (Réunion) ตั้งอยู่ในมหาสมุทรอินเดีย ทางตะวันออกของมาดากัสการ์ และห่างจากมอริเชียสไปทางตะวันตกเฉียงใต้ 200 กิโลเมตร เกาะแห่งนี้เป็นหนึ่งในแคว้นโพ้นทะเลของฝรั่งเศส โดยมีชาวฝรั่งเศสตั้งรกรากบนเกาะนี้เมื่อ ค.ศ. 1642 ผ่านบริษัทอินเดียตะวันออกของฝรั่งเศส จนกระทั่งในช่วงปลายศตวรรษที่ 17 ประชากรในเกาะเรอูนียงจึงถูกแยกสถานะเป็นเจ้าของที่ดินผิวขาวชาวฝรั่งเศสกับทาสชาวแอฟริกันและมาลากาซี เจ้าของที่ดินชาวฝรั่งเศสต่างก็กดขี่ชาวแอฟริกันให้ทำงานอย่างหนักเพื่อเพาะปลูกกาแฟ ซึ่งเป็นเป็นพืชเศรษฐกิจหลักของเกาะ ระหว่างปี ค.ศ. 1715 ถึง ค.ศ. 1730
จวบจนกระทั่งการล่มสลายของบริษัทอินเดียตะวันออกของฝรั่งเศสในช่วงศตวรรษที่ 18 ทาสจำนวนมากจึงก่อจลาจลและเริ่มต่อสู้เพื่ออิสรภาพจากเจ้าอาณานิคมจนนำไปสู่การเลิกทาสในปี ค.ศ. 1848 เจ้าของที่ดินชาวผิวขาวจึงหันมาใช้วิธีจ้างแรงงานมาทำสวนอ้อยสำหรับผลิตน้ำตาล โดยอาศัยชาวทมิฬเป็นหลัก ต่อมาก็เริ่มมีชาวอินเดีย ชาวจีน และชาวมุสลิมเดินทางมาที่เรอูนียงเพื่อค้าขายอาหารและสิ่งทอ ยุคทองของการค้าและการพัฒนาในเรอูนียงดำเนินไปจนถึงปี ค.ศ. 1870 เมื่อเกิดการแข่งขันกับน้ำตาลจากคิวบาและน้ำตาลหัวบีทของยุโรป ร่วมกับการเปิดคลองสุเอซ ส่งผลให้เศรษฐกิจตกต่ำลง การขนส่งลดลง อุตสาหกรรมน้ำตาลจึงเริ่มหมดความสำคัญลงนับแต่นั้นมา
อาหารเรอูนียง เป็นแบบไหน
อาหารเรอูนียงมีสีสันจากเครื่องเทศหลากหลายชนิดที่นำมาปรุงแต่ง มีการใช้พริกซึ่งทำให้อาหารดูมีชีวิตชีวาขึ้น พริกนี้ยังสามารถสร้างลักษณะเฉพาะด้วยแรงบันดาลใจจากอาหารมาดากัสการ์และอาหารอินเดีย และด้วยความที่มีชนชาติมากมายเข้ามาถึงเกาะแห่งนี้ จึงมีส่วนทำให้อาหารจากอินเดีย จีน ฝรั่งเศส มาดากัสการ์ และแผ่นดินใหญ่ของแอฟริกาผสมผสานกันเกิดเป็นอาหารประจำถิ่นที่น่าสนใจ
จนกลายเป็นว่าปัจจุบันนี้ยากที่จะหาจานที่ชิมแล้วให้รสชาติดังเดิมเหมือนที่เคยทำ เพราะผู้ปรุงอาหารก็พยายามปรับปรุงและเสริมสูตรให้สมบูรณ์ ดังนั้นร้านอาหารท้องถิ่นจะผสมผสานอาหารจีน อินเดีย ฝรั่งเศส และครีโอล์ (ผู้ที่เกิดในเกาะอินดีสตะวันตกแต่บรรพบุรุษเป็นชาวยุโรป) เข้าด้วยกันในจานเดียว
อาหารเรอูนียงที่รู้จักกันดีที่สุดคือ carri หรือแกงเรอูนียง ต่อมาด้วย rougail ซึ่งเป็นเครื่องปรุงรสที่ทำจากมะเขือเทศ และ Fricassées ที่เสิร์ฟเป็นอาหารมื้อเที่ยง รวมถึงอาหารทอดจำนวนมากซึ่งส่วนใหญ่จัดเป็นอาหารเรียกน้ำย่อยหรือของหวาน และแน่นอนว่าต้องปิดท้ายมื้ออาหารที่สมบูรณ์แบบ ด้วย rhum arrangé (เหล้ารัมปรุงแต่ง) ไวน์ หรือน้ำเชื่อมมะขาม เรามาทำความรู้จักกันทีละอย่าง
Carri หรือแกงเรอูนียง
อาหารเรอูนียงที่รู้จักกันดีที่สุดคือ carri หรือแกงเรอูนียง เนื่องจากการรับประทานอาหารร่วมกันเป็นกิจกรรมโปรดอย่างหนึ่งของชาวเรอูนียงและเวลารับประทานอาหารก็เป็นช่วงเวลาการพบปะกันของครอบครัว ซึ่งจะขาดอาหารพิเศษไปไม่ได้ ก็คือ carri จัดเป็นอาหารครีโอลที่เคี่ยวส่วนผสมหลายอย่างเข้าด้วยกัน หลักๆ ก็เป็นเครื่องเทศอินเดียและส่วนผสมในท้องถิ่น เช่น เนื้อสัตว์ สัตว์ปีก ปลา หรืออาหารทะเล โดยมีกระเทียม หัวหอม มะเขือเทศ ขมิ้น กานพลู และขิง ประกอบกัน carri รับประทานกับข้าวเจ้าหุงสุกได้ดีที่สุด
รสชาติที่กลมกล่อมช่วยบรรเทาความเผ็ดร้อนของ rougail ที่ประกอบอยู่ในมื้อนี้ด้วย
Rougail เครื่องปรุงรสที่ทำจากมะเขือเทศ
สำหรับ Rougail นั้นเป็นหนึ่งในอาหารสุดคลาสสิกที่ทุกคนบนเกาะชื่นชอบ อาหารนี้ทำจากมะเขือเทศแต่กลับมีรสชาติที่เข้มข้นอย่างไม่น่าเชื่อด้วยส่วนผสมของเครื่องเทศที่ใช้หลากหลายชนิด เช่น หัวหอม กระเทียม ขิง โหระพา พริก ผักชี ต้นหอม เป็นต้น แต่เมนู rougail ที่สามารถกระตุ้นความหิวได้ดีคือ ไส้กรอกราด rougail เป็นอาหารพื้นเมืองของเกาะเรอูนียงที่มีความสมดุลด้วยเนื้อสัตว์ ผัก และแป้ง คำว่า “rougail” มาจากคำภาษาครีโอลของเกาะเรอูนียง มีที่มาจาก “rougay” ซึ่งเป็นภาษาทมิฬ (ūrkkāy) หมายถึงผลไม้สีเขียวที่ถูกทำจนเป็นคาราเมล
Fricassées เครื่องปรุงสำหรับข้าวและแกง
มื้อเที่ยงที่เกาะเรอูนียงต้องลอง Fricassées เป็นเครื่องปรุงสำหรับข้าวและแกง โดยมีส่วนผสมของหัวหอมสับละเอียด กระเทียม ขิง และพริกเขียวบด บางครั้งอาจจะมีมะเขือเทศบดหรือผักกินใบจะรวมอยู่ในส่วนผสมด้วย
ของหวาน
คุกกี้ท้องถิ่นเป็นขนมอบในเรอูนียง ซึ่งมีหลายอย่างที่เป็นที่นิยม ได้แก่ bonbon la rouroute (ทำจากแป้งเท้ายายม่อม) gâteau patate (พายมันฝรั่ง) gâteau ti’son (พายข้าวโพด) ทาร์ตผลไม้ตามฤดูกาล beignets de bananes (กล้วยชุบแป้งทอด)
ส่วนของหวานนั้นมักจะรับประทานยามบ่ายมากกว่าที่เป็นของหวานหลังอาหาร โดยปกติแล้วจะอยู่ในรูปของชุบแป้งทอดหรือเค้กที่ทำจากแป้ง สิ่งเหล่านี้จะรับประทานเป็นอาหารว่างระหว่างพักดื่มชา ที่สำคัญยังมีโดนัทอีกด้วย ที่นิยมมากที่สุดคือโดนัทมะเขือยาวยัดไส้พริกและกุ้งทอด สิ่งที่ใช้ปิดท้ายมื้ออาหารนั้น บางครั้งก็เป็นผลไม้แสนอร่อยตามฤดูกาล ซึ่งไม่เคยขาดแคลนไปจากเกาะเรอูนียง ผลไม้ตามฤดูกาลได้แก่ มะม่วง ลิ้นจี่ ลำไย สับปะรด ฝรั่ง มะพร้าว กล้วย และขนุน
เหล้ารัมเรอูนียง (Rhum Charrette)
ที่เรอูนียงมีเครื่องดื่มท้องถิ่นที่หลากหลาย ทั้งเครื่องดื่มมีและไม่มีแอลกอฮอล์ ที่มีชื่อเสียงมากคือ เหล้ารัมเรอูนียง โดยเฉพาะ Rhum Charrette มีจำหน่ายทั้งในขวดแก้วและขวดพลาสติก เหล้ารัมนี้ทำจากน้ำอ้อย หรือจากกากน้ำตาล (สำหรับเหล้ารัมแบบดั้งเดิม) เป็นเครื่องดื่มที่เชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดกับประวัติศาสตร์ของเกาะ เพราะเกาะแห่งนี้เคยผ่านช่วงเวลาที่รุ่งโรจน์ของอุตสาหกรรมน้ำตาล แต่เป็นช่วงเวลาที่มืดมิดของทาสในไร่อ้อย
เหล้ารัม Rhum Charrette มีแอลกอฮอล์ถึง 49 ดีกรี ดังนั้นจึงควรดื่มในปริมาณที่พอเหมาะ แต่ชาวท้องถิ่นยังมีวิธีลดดีกรีลงด้วยการเติมน้ำผลไม้และเครื่องเทศ ให้กลายเป็น rhum arrange ซึ่งเป็นเหล้ารัมที่มีส่วนผสมมากมาย อย่างไรก็ดี นักท่องเที่ยวก็มีโอกาสสร้างสรรค์และปรุงสูตร rhum arrange ของตนเองได้ด้วย
สำหรับ rhum arrangé เป็นเหล้ารัมสูตรพิเศษของเกาะเรอูนียง เป็นเหล้ารัมสีขาวที่ปรุงรสด้วยสิ่งที่ให้กลิ่นชนิดต่างๆ เช่น วานิลลา แท่งอบเชย
หากถามหาสูตรที่แน่นอน สิ่งนั้นไม่มีอยู่หรอก สูตรนั้นขึ้นอยู่กับว่าอยู่ที่ส่วนใดของเกาะ เครื่องเทศที่มี และช่วงเวลาที่ต้องการ เมื่อไม่มีกฎของการทำเหล้า นี่เองจึงเป็นเสน่ห์ของเครื่องดื่มนี้ ทั้งนี้แต่ละครอบครัวบนเกาะต่างส่งต่อเครื่องดื่มอันเป็นเอกลักษณ์ของพวกเขามาหลายชั่วอายุคน โดยเชื่อมโยงเครื่องดื่มนี้เข้ากับวัฒนธรรมของเรอูนียง อาจกล่าวแบบเห็นภาพได้ชัดเจนขึ้นก็คือ เมื่อเดินทางไปที่เกาะเรอูนียงแล้วได้รับ rhum arrangé สักแก้วจากคนในท้องถิ่น หลังจากนั้นแล้วรสชาติแบบนี้จะไม่มีให้ลิ้มรสเป็นครั้งที่ 2
สถานที่ที่ดีที่สุดที่จะไปเรียนรู้เกี่ยวกับ rhum arrangé คือการไปดื่มเหล้ารัมที่โรงกลั่นในเรอูนียง ซึ่งมีอยู่ 3 แห่งคือ โรงกลั่น Isautier ในแซงปีแยร์ โรงกลั่น Savanna ในแซงต์-อังเดร และ Distillerie la Rivière du Mât ในแซงต์-เบอนัวต์ ทั้งนี้การท่องเที่ยวบนเกาะเรอูนียงสามารถช่วยจัดทัวร์ไปยังโรงกลั่นหนึ่งแห่ง (หรือทั้งสามแห่ง) เพื่อช่วยให้ดำดิ่งสู่ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และการผลิตไปพร้อมๆ กับการกระตุ้นต่อมรับรส
ถึงแม้ว่าการทดลองทำ rhum arrangé จะเหมือนชั้นเรียนวิทยาศาสตร์ แต่ทุกอย่างไม่ได้ยุ่งยากอะไรแบบนั้น นักท่องเที่ยวสามารถผสมผสานเอกลักษณ์ของตนเองลงใน rhum arrangé ได้ง่ายๆ เริ่มจากซื้อเหล้ารัมเกาะเรอูนียงขนาด 1 ลิตร แล้วรวบรวมส่วนผสมอันมีรสนิยมเพื่อ “ปรุงแต่ง” เครื่องดื่ม ไม่ว่าจะเป็นฝักวานิลลา อบเชย กาแฟ สับปะรด ขิง หรือแม้กระทั่งพริก ต่อมาก็เติมก้อนน้ำตาล น้ำตาลช่วยกระจายรสชาติของส่วนผสมอื่นๆ แต่ต้องใช้น้ำตาลคุณภาพเท่านั้น มิฉะนั้น rhum arrangé จะออกมาจืดชืด
นี่ถือว่าสิ้นสุดขั้นตอนการ “ปรุง” แต่ยังไม่สามารถดื่มได้ เพราะต้องปิดขวดเหล้ารัมและรอ 3 – 6 เดือน ใช่แล้วนี่เป็นระยะเวลาที่ค่อนข้างนาน แต่ก็ถือว่าเป็นการผสมผสานอันเป็นเอกลักษณ์ของ rhum arrangé ซึ่งต้องอาศัยความอดทนอย่างมาก แต่ก็คุ้มค่า เมื่อครบเวลาแล้วก็พร้อมที่จะเทเหล้ารัมลงบนก้อนน้ำแข็ง จากนั้นก็เพลิดเพลินกับการดื่มกัน
ไวน์ Cilaos
เครื่องดื่มแอลกอฮอล์อีกชนิดที่มีชื่อเสียงคือ ไวน์ Cilaos ที่ผลิตใน Cirque de Cilaos ไร่องุ่น Cilaos มีความโดดเด่นด้วยที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ ภูมิประเทศที่อุดมด้วยดินภูเขาไฟ สภาพภูมิอากาศที่ไม่รุนแรง และปริมาณน้ำฝนที่ค่อนข้างสูงในบริเวณนี้ทำให้เป็นสถานที่ในอุดมคติสำหรับการปลูกองุ่น พันธุ์องุ่นที่นำมาปลูกในช่วงแรกคือ Isabelle ซึ่งเป็นสายพันธุ์จากอเมริกา
แต่จนกระทั่งปี 1975 กลับกลายเป็นพันธุ์ที่ถูกกฎหมายห้ามไม่ให้นำมาผลิตไวน์เพราะให้ไวน์ที่มีคุณภาพด้อย อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน Cirque de Cilaos ปลูกองุ่น 7 สายพันธุ์เพื่อนำมาผลิตไวน์ Cilaos ได้แก่ Chenin blanc, Verdelho และ Gros Manseng สำหรับผลิตไวน์ขาว ส่วน Malbec, Pinot noir, Gamay และ Syrah ใช้ผลิตไวน์แดง
บทสรุป
อาหารบนเกาะเรอูนียงนั้นมีความหลากหลายพอๆ กับจำนวนประชากร นักท่องเที่ยวอาจจะหาอาหารที่มีรสชาติดั้งเดิมได้ยากเพราะแต่ละจานได้รับการปรุงแต่งทั้งจากแรงบันดาลใจของคนทำอาหารและจากอิทธิพลภายนอก (ฝรั่งเศส อินเดีย จีน ฯลฯ) อาหารจากแต่ละเชื้อชาติเหล่านี้ บางครั้งก็ถูกเสิร์ฟมาด้วยกันภายใน 1 มื้อ และนี่ก็คือเอกลักษณ์ของอาหารเรอูนียง
ที่มาบทความ
- A troubled history of Paradise – Reunion Island
- Discover the cuisine of Reunion Island
- Discovering French wine from… La Reunion !
- Gastronomy – Diverse cuisine with spicy flavours
- Reunion Island : Top Foods
- Rum As You Are
- What is Rougaille?