เมื่อการท่องเที่ยวกลับมาคึกคักอีกครั้ง การค้นหา ประเทศที่น่าเที่ยวที่สุดในโลก กลายเป็นสิ่งที่นักเดินทางหลายคนตั้งตารอ สำหรับปี 2025 รายชื่อจาก Best in Travel 2025 ได้รวบรวมประเทศที่มีทั้งธรรมชาติสวยงาม วัฒนธรรมที่น่าหลงใหล และกิจกรรมที่หลากหลาย มาให้คุณเลือกสำหรับการเดินทางครั้งต่อไป!
1. ญี่ปุ่น (Japan)
ญี่ปุ่น ยังคงครองใจนักเดินทางทั่วโลก และในปี 2025 ก็ยังเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่ได้รับความนิยมสูงสุด ด้วยการผสมผสานระหว่างความทันสมัยและวัฒนธรรมดั้งเดิมที่ไม่เหมือนใคร ญี่ปุ่นมอบประสบการณ์ที่หลากหลาย ตั้งแต่การเดินเที่ยวในมหานครโตเกียวและโอซาก้าที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีและไลฟ์สไตล์สุดล้ำ ไปจนถึงเมืองเกียวโตและนาราที่มีวัดโบราณและธรรมชาติอันเงียบสงบ
ในปี 2025 ญี่ปุ่นยังมีเทศกาลและอีเวนต์พิเศษ เช่น เทศกาลดอกซากุระ 100 ปี ที่จะจัดขึ้นทั่วประเทศ คุณจะได้สัมผัสความงดงามของดอกซากุระที่เบ่งบานในสวนสาธารณะและศาลเจ้าต่างๆ พร้อมกิจกรรมทางวัฒนธรรม เช่น การชงชาแบบญี่ปุ่น การแสดงดนตรีพื้นบ้าน และการจัดนิทรรศการเกี่ยวกับดอกไม้ที่สืบทอดมายาวนาน
สำหรับสายช้อปปิ้งและอาหาร ญี่ปุ่นก็ไม่ทำให้ผิดหวัง คุณจะได้ลิ้มรสซูชิสดๆ ราเมนรสเลิศ และอาหารญี่ปุ่นอีกมากมาย พร้อมช้อปปิ้งในย่านดังอย่างชิบูย่า ฮาราจูกุ และกินซ่า
2. ไอซ์แลนด์ (Iceland)
ไอซ์แลนด์ เป็นจุดหมายที่สายธรรมชาติและผจญภัยไม่ควรพลาด ด้วยภูมิประเทศที่ดูเหมือนหลุดออกมาจากนิยายแฟนตาซี ความงดงามของที่นี่เริ่มต้นตั้งแต่น้ำตกสูงตระหง่าน เช่น Seljalandsfoss และ Gullfoss ซึ่งคุณสามารถเดินเข้าไปหลังม่านน้ำได้ ไปจนถึงธารน้ำแข็ง Jokulsarlon Glacier Lagoon ที่เต็มไปด้วยภูเขาน้ำแข็งลอยน้ำ
อีกหนึ่งไฮไลต์ของการมาเยือนไอซ์แลนด์คือการชม แสงเหนือ (Northern Lights) ที่มองเห็นได้ชัดเจนในช่วงเดือนกันยายนถึงเมษายน ในปี 2025 ไอซ์แลนด์ยังจัดทริปชมแสงเหนือแบบพิเศษร่วมกับกิจกรรมกลางแจ้ง เช่น การแช่ตัวใน Blue Lagoon น้ำพุร้อนที่มีชื่อเสียงระดับโลก
นอกจากนี้ยังมีวงแหวนทองคำ (Golden Circle) ซึ่งเป็นเส้นทางท่องเที่ยวที่รวมสถานที่สำคัญอย่าง Thingvellir National Park, น้ำพุร้อน Geysir และน้ำตก Gullfoss เป็นเส้นทางที่เหมาะสำหรับนักเดินทางทุกระดับ
3. อิตาลี (Italy)
อิตาลี เป็นประเทศที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ ศิลปะ และอาหารที่น่าหลงใหล ซึ่งในปี 2025 จะมีการจัดนิทรรศการศิลปะระดับโลก เช่น Venice Biennale ซึ่งเป็นงานแสดงศิลปะร่วมสมัยที่ใหญ่ที่สุดในโลก และยังมีการเปิดตัวพิพิธภัณฑ์ใหม่ในกรุงโรมที่เน้นเรื่องประวัติศาสตร์โรมัน
สถานที่ที่คุณไม่ควรพลาดในอิตาลี ได้แก่ กรุงโรมที่เต็มไปด้วยโบราณสถาน เช่น โคลอสเซียมและวิหารแพนธีออน ฟลอเรนซ์ซึ่งเป็นเมืองแห่งศิลปะและสถาปัตยกรรม และเวนิสที่โรแมนติกด้วยคลองและสะพานที่งดงาม
นอกจากนี้ อาหารอิตาเลียนเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้อิตาลีเป็นหนึ่งใน ประเทศที่น่าเที่ยวที่สุดในโลก ตั้งแต่พาสต้าที่สดใหม่ พิซซ่าที่หอมกรุ่น ไปจนถึงไวน์ท้องถิ่นที่มีเอกลักษณ์
หากคุณชื่นชอบธรรมชาติและความสงบ คุณสามารถเดินทางไปยังภูมิภาคอามาลฟี (Amalfi Coast) ซึ่งมีวิวทะเลที่สวยงาม หรือทะเลสาบโคโม (Lake Como) ที่เงียบสงบและหรูหรา
4. นิวซีแลนด์ (New Zealand)
นิวซีแลนด์ เป็นประเทศที่เหมาะสำหรับคนรักธรรมชาติและการผจญภัย ด้วยทิวทัศน์ที่หลากหลาย ตั้งแต่ภูเขาไฟที่ยังคุกรุ่น ธารน้ำแข็ง ทะเลสาบสีฟ้าใส ไปจนถึงชายฝั่งทะเลที่งดงาม การขับรถเที่ยวแบบ Road Trip บนถนนที่คดเคี้ยวผ่านวิวทิวทัศน์ที่สวยงามทำให้นิวซีแลนด์เป็นหนึ่งใน ประเทศที่น่าเที่ยวที่สุดในโลก
ในปี 2025 นักเดินทางสามารถเพลิดเพลินกับเส้นทางที่ได้รับความนิยม เช่น Milford Sound ซึ่งเป็นฟยอร์ดที่เต็มไปด้วยน้ำตกสูงชันและธรรมชาติที่ยังคงความสมบูรณ์ Lake Tekapo ที่มีสีฟ้าเทอร์ควอยซ์โดดเด่น และ Mount Cook National Park ที่เหมาะสำหรับการเดินป่าและชมดาวในยามค่ำคืน
กิจกรรมที่ไม่ควรพลาดในนิวซีแลนด์ ได้แก่ การกระโดดบันจี้จัมป์ในควีนส์ทาวน์ การล่องเรือชมวิวใน Doubtful Sound และการสำรวจ Hobbiton Movie Set ที่จะพาคุณเข้าสู่โลกของ The Lord of the Rings และ The Hobbit
5. โครเอเชีย (Croatia)
โครเอเชีย กำลังกลายเป็นดาวรุ่งในแวดวงการท่องเที่ยว ด้วยชายฝั่งทะเลที่ทอดยาวกว่า 1,200 เกาะ และเมืองโบราณที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ หนึ่งในไฮไลต์ของโครเอเชียคือ ดูบรอฟนิก (Dubrovnik) เมืองที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยยูเนสโก และยังเป็นฉากหลังของซีรีส์ดังอย่าง Game of Thrones
นักท่องเที่ยวสามารถเดินเที่ยวกำแพงเมืองโบราณชมวิวทะเลเอเดรียติก หรือสำรวจถนนหินปูนในเมืองเก่าที่เต็มไปด้วยร้านอาหารและคาเฟ่สุดชิค หากคุณชอบธรรมชาติและการผจญภัย Plitvice Lakes National Park ซึ่งมีทะเลสาบและน้ำตกที่ไหลลดหลั่นกันในสีน้ำฟ้าสดใส ถือเป็นจุดหมายที่ไม่ควรพลาด
ในปี 2025 โครเอเชียยังมีเทศกาลและกิจกรรมพิเศษ เช่น เทศกาลเรือสำราญใน Split และงานดนตรีริมทะเลในเกาะ Hvar ซึ่งดึงดูดนักเดินทางสายไลฟ์สไตล์ที่ต้องการผ่อนคลายและสนุกสนาน
6. แคนาดา (Canada)
แคนาดา เป็นประเทศที่เต็มไปด้วยความหลากหลายทางธรรมชาติและวัฒนธรรม ไม่ว่าคุณจะเป็นสายผจญภัยหรือคนที่ชอบการสำรวจเมืองที่มีชีวิตชีวา แคนาดาก็มีทุกอย่างให้คุณเลือกสรร ตั้งแต่ภูเขาสูงและทะเลสาบที่งดงามไปจนถึงเมืองใหญ่ที่เต็มไปด้วยศิลปะและอาหาร
จุดหมายปลายทางยอดนิยมในแคนาดา ได้แก่ Banff National Park ซึ่งมีวิวทิวทัศน์ของเทือกเขาร็อกกี้ที่น่าตื่นตาตื่นใจ และทะเลสาบ Louise ที่น้ำเป็นสีฟ้าสดใสราวกับอัญมณี นอกจากนี้ ยังมีเมืองแวนคูเวอร์ที่เต็มไปด้วยวัฒนธรรมที่หลากหลายและโตรอนโตซึ่งเป็นศูนย์กลางของความทันสมัย
ในปี 2025 แคนาดาจะเฉลิมฉลองวัฒนธรรมของชนพื้นเมืองด้วยกิจกรรมพิเศษ เช่น นิทรรศการศิลปะของชาว First Nations และงานแสดงดนตรีพื้นบ้าน ซึ่งจะเพิ่มความน่าสนใจให้กับการเยือนประเทศนี้
7. ไทย (Thailand)
ประเทศไทย เป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมที่ไม่เคยตกอันดับในลิสต์ของนักท่องเที่ยวทั่วโลก ด้วยวัฒนธรรมที่โดดเด่น อาหารเลิศรส และธรรมชาติที่สวยงามหลากหลาย ในปี 2025 ประเทศไทยยังคงดึงดูดนักเดินทางด้วยการผสมผสานระหว่างสถานที่ท่องเที่ยวดั้งเดิมและประสบการณ์ใหม่ๆ
นักท่องเที่ยวสามารถเพลิดเพลินกับชายหาดที่งดงาม เช่น ภูเก็ต และ กระบี่ ที่มีน้ำทะเลใสสะอาดและกิจกรรมทางน้ำมากมาย เช่น ดำน้ำลึกและพายเรือคายัค สำหรับคนที่ชอบสำรวจธรรมชาติและวัฒนธรรม เชียงใหม่ และ เชียงราย ก็ยังคงเป็นตัวเลือกยอดนิยม ด้วยภูเขาและวัดที่สวยงาม
ปี 2025 ยังมีการจัดเทศกาลสำคัญ เช่น ประเพณีลอยกระทง และ สงกรานต์ ที่นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสความสนุกสนานและวิถีชีวิตไทยอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ อาหารไทย เช่น ต้มยำกุ้ง ผัดไทย และข้าวเหนียวมะม่วง ยังคงเป็นไฮไลต์ที่ทำให้ผู้มาเยือนไม่อาจลืม
8. เปรู (Peru)
เปรู คือประเทศที่เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์ของประวัติศาสตร์โบราณและธรรมชาติที่ไม่เหมือนใคร สำหรับปี 2025 มาชูปิกชู (Machu Picchu) ซึ่งเป็นหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยังคงเป็นสถานที่ที่ต้องไปเยือน นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางผ่านเส้นทาง Inca Trail เพื่อสัมผัสประสบการณ์ที่ท้าทายและงดงาม
นอกจากมาชูปิกชูแล้ว Sacred Valley ก็เป็นอีกหนึ่งจุดหมายที่น่าสนใจ ที่นี่คุณจะได้พบกับหมู่บ้านโบราณที่ยังคงวิถีชีวิตดั้งเดิม รวมถึงโบราณสถานที่มีความสำคัญทางวัฒนธรรมของชาวอินคา
ในปี 2025 เปรูยังมีการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอาหาร ซึ่งเป็นที่เลื่องลือทั่วโลก เช่น เซบิเช่ (Ceviche) และอาหารท้องถิ่นอื่นๆ ที่สะท้อนเอกลักษณ์ของประเทศ
9. โปรตุเกส (Portugal)
โปรตุเกส เป็นประเทศที่เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่รักในวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ และธรรมชาติ เมืองลิสบอน (Lisbon) เมืองหลวงของโปรตุเกสเต็มไปด้วยชีวิตชีวาและสถาปัตยกรรมที่งดงาม เช่น หอคอยเบเล็ม (Belem Tower) และโบสถ์เจอโรนิโมส์ (Jerónimos Monastery)
เมืองปอร์โต (Porto) ก็เป็นอีกหนึ่งจุดหมายที่น่าสนใจ ด้วยวิวแม่น้ำ Douro และการชิมไวน์พอร์ตที่มีชื่อเสียง นอกจากนี้ ชายหาดในแถบ Algarve ยังเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการพักผ่อนริมทะเล พร้อมสนุกกับกิจกรรมเซิร์ฟและดำน้ำ
ปี 2025 โปรตุเกสยังมีเทศกาลดนตรี Fado และงานศิลปะที่โดดเด่นในเมืองสำคัญทั่วประเทศ ทำให้โปรตุเกสเป็นหนึ่งใน ประเทศที่น่าเที่ยวที่สุดในโลก
10. ออสเตรเลีย (Australia)
ออสเตรเลีย ยังคงเป็นประเทศที่มีความหลากหลายทางธรรมชาติและวัฒนธรรมที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั่วโลก Great Barrier Reef ซึ่งเป็นแนวปะการังที่ใหญ่ที่สุดในโลก ยังคงเป็นจุดเด่นสำหรับคนรักการดำน้ำและการสำรวจโลกใต้น้ำ
ในปี 2025 ออสเตรเลียยังมีจุดหมายปลายทางยอดนิยมอื่นๆ เช่น เมืองซิดนีย์ที่มีโอเปร่าเฮาส์ (Sydney Opera House) และสะพานฮาร์เบอร์ (Harbour Bridge) รวมถึงเมืองเมลเบิร์นที่เต็มไปด้วยแกลเลอรีและคาเฟ่
หากคุณชอบธรรมชาติและการผจญภัย Uluru หรือหินศักดิ์สิทธิ์ของชนพื้นเมืองออสเตรเลียในทะเลทรายแดงเป็นสถานที่ที่ไม่ควรพลาด นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมต่างๆ เช่น การดูจิงโจ้ในป่า และการสำรวจธรรมชาติในเขต Blue Mountains
สรุป
การเดินทางในปี 2025 จะเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและการค้นพบใหม่ๆ ใน ประเทศที่น่าเที่ยวที่สุดในโลก ไม่ว่าคุณจะเป็นสายธรรมชาติ วัฒนธรรม หรืออาหาร บรรดาประเทศในลิสต์ Best in Travel 2025 นี้มีครบทุกสิ่งที่คุณต้องการสำหรับการเดินทางครั้งต่อไป อย่ารอช้า จัดกระเป๋าแล้วออกไปสำรวจโลกกว้างกันเถอะ!
ชมบทความท่องเที่ยวอื่นๆได้ที่นี้