เมื่อเอ่ยถึงคำว่า “นก” หลายคนคงนึกถึงภาพของสัตว์ปีกที่บินโฉบเฉี่ยวอย่างอิสระบนท้องฟ้า แถมยังมีสีสันสวยงามและเสียงร้องไพเราะ แต่ใครจะคาดคิดว่าแท้จริงแล้วมีนกบางสายพันธุ์ที่ซ่อนพลังอันตรายชนิด “พิษ” ไว้ได้อย่างน่าทึ่ง จนบางครั้งสามารถทำให้ผู้ล่า หรือแม้กระทั่งมนุษย์ที่สัมผัสโดนได้รับอันตรายอย่างคาดไม่ถึง
เราจะพาคุณไปทำความรู้จักกับ 10 นกพิษร้ายที่สุดในโลก ซึ่งการค้นพบและศึกษาพฤติกรรมของพวกมันได้เปลี่ยนมุมมองที่เรามีต่อนกไปอย่างสิ้นเชิง หากคุณเคยสงสัยว่านกเล็ก ๆ น่ารัก ๆ จะมีพิษได้อย่างไร หรือพิษของพวกมันทำงานอย่างไร บทความนี้จะไขข้อสงสัยและแสดงให้เห็นว่า ยังมีอีกหลายสิ่งในโลกธรรมชาติที่เรายังไม่ล่วงรู้เท่าที่ควร
- 1. นกพีโทฮุยหัวดำ (Hooded Pitohui)
- 2. นกกระทายุโรป (European Quail)
- 3. นก ลิตเติ้ล เชร็ก ธรัช (Little Shrikethrush)
- 4. นก บลู แค็ป อี ฟริท ต้า (Blue-capped Ifrita)
- 5. นก นอร์ธ เทิ่น แวริเอเบิ้ล พีโทฮุย (Northern Variable Pitohui)
- 6. นกกระจิบแดง (Red Warbler)
- 7. ห่านปีกเดือย (Spur-winged Goose)
- 8. นก รัฟฟ์ กราว ส์ (Ruffed Grouse)
- 9. นก พิราบ บรัช บรอนซ์วิง (Brush Bronzewing Pigeon)
- 10. นกกะรางหัวขวาน (Eurasian Hoopoe)
1. นกพีโทฮุยหัวดำ (Hooded Pitohui)
นกที่ถูกค้นพบพร้อมกับสารพิษทรงพลัง
“พีโทฮุยหัวดำ” (Hooded Pitohui) ถือเป็นนกสายพันธุ์แรก ๆ ที่ได้รับการยืนยันว่ามีพิษในตัวอย่างจริงจัง โดยค้นพบในพื้นที่ป่าฝนอันชุ่มชื้นของนิวกินี มีลักษณะโดดเด่นคือขนบนหัวไปจนถึงหลังจะมีสีดำสนิท ส่วนบริเวณอกและหน้าท้องจะเป็นสีส้มแดงสะดุดตา
แหล่งที่มาของพิษ
พิษที่พบใน นกพีโทฮุยหัวดำเรียกว่า “โฮโมแบทราโชท็อกซิน” (Homobatrachotoxin) ซึ่งเป็นสารพิษชนิดเดียวกับที่พบในกบลูกศรพิษ (Poison Dart Frog) สารชนิดนี้อาจทำให้เกิดอาการชาลิ้นหรือปวดแสบปวดร้อน หากมนุษย์หรือสัตว์สัมผัสหรือรับประทานเข้าไป เชื่อกันว่านกชนิดนี้ได้รับสารพิษผ่านการกินแมลงและแมงที่มีพิษ และพัฒนากลไกในการนำสารพิษมาเก็บสะสมไว้ในเนื้อเยื่อและขนของตัวเองเพื่อป้องกันผู้ล่า
วิธีป้องกันตัวของพีโทฮุยหัวดำ
เมื่อผู้ล่าหรือสัตว์อื่นพยายามจู่โจมนกพีโทฮุยหัวดำ พิษในขนและผิวหนังก็จะทำให้ผู้ล่าเกิดอาการระคายเคือง หรือบาดเจ็บจนไม่อยากเข้าใกล้อีก จึงเป็นกลไกการป้องกันตัวที่ชาญฉลาดของนกชนิดนี้ กล่าวได้ว่าพวกมันเป็นสายพันธุ์ที่พลิกโฉมความเข้าใจเดิม ๆ ว่า “นกเป็นสัตว์ที่ไม่มีพิษภัย” ไปอย่างสิ้นเชิง
ขอบคุณภาพจาก : macaulaylibrary
2. นกกระทายุโรป (European Quail)
นกกระทาตัวเล็กแต่พิษไม่เล็ก
“นกกระทายุโรป” (European Quail) อาจดูเป็นนกตัวเล็ก ๆ ไม่น่ากลัว แต่กลับมีรายงานว่ามีคนจำนวนไม่น้อยที่ได้รับพิษจากการรับประทานเนื้อของนกกระทา นกชนิดนี้พบได้ในพื้นที่กว้างขวางทั่วทวีปยุโรป เอเชีย และแอฟริกาบางส่วน
พิษที่มาจากอาหารของนก
สำหรับ นกกระทายุโรป จะมีพิษในลักษณะที่เรียกว่า “Coturnism” ซึ่งเกิดจากสารพิษที่สะสมในเนื้อของนกกระทา เชื่อกันว่าสารพิษดังกล่าวมาจากเมล็ดพืชหรือพืชมีพิษบางชนิดที่นกกินเข้าไปในช่วงอพยพ โดยเฉพาะในฤดูที่ทรัพยากรอาหารอื่นหายาก สารพิษจึงถูกกักเก็บในกล้ามเนื้อของนก และเมื่อมนุษย์บริโภคเนื้อของนกที่มีพิษเหล่านี้ ก็อาจเกิดอาการปวดกล้ามเนื้อ อ่อนเพลีย หรือถึงขั้นเสียชีวิตในกรณีที่รุนแรง
ขอบคุณภาพจาก : wikimedia
3. นก ลิตเติ้ล เชร็ก ธรัช (Little Shrikethrush)
ผู้สืบทอดพิษจากนิวกินี
“ลิตเติ้ล เชร็ก ธรัช” (Little Shrikethrush) เป็นนกอีกชนิดหนึ่งที่พบได้ในป่าฝนเขตร้อนของนิวกินีและพื้นที่ใกล้เคียง สายพันธุ์นี้เคยถูกเข้าใจผิดว่าเป็นนกขับขานธรรมดา แต่การตรวจสอบทางชีวเคมีพบว่าพวกมันก็มีสารพิษ “โฮโมแบทราโชท็อกซิน” (Homobatrachotoxin) เช่นเดียวกับนกพีโทฮุย
เหตุใดถึงมีสารพิษแบบเดียวกัน
เนื่องจากนิวกินีเป็นถิ่นที่อยู่อาศัยของแมลงมีพิษและแมงที่มีพิษคล้ายกัน หลายชนิดเป็นอาหารของนกในบริเวณนี้ จึงไม่แปลกที่นกหลายสายพันธุ์จะมีการสะสมสารพิษชนิดเดียวกัน แม้ว่าจะอยู่คนละวงศ์ (Family) ก็ตาม
ขอบคุณภาพจาก : wildlifemountain
4. นก บลู แค็ป อี ฟริท ต้า (Blue-capped Ifrita)
ความงดงามที่มาพร้อมกับอันตราย
“บลู แค็ป อี ฟริท ต้า” (Blue-capped Ifrita) เป็น นก อีกสายพันธุ์หนึ่งในนิวกินีที่ได้รับการยืนยันว่ามีพิษในตัว โดยมีลักษณะเด่นคือขนบริเวณหัวเป็นสีฟ้าสด ตัดกับลำตัวสีน้ำตาล-เหลืองอ่อนอย่างลงตัว ทำให้ดูน่ารักและงดงาม แต่ซ่อนพิษไว้ไม่ต่างจากนกพีโทฮุย และ ลิตเติ้ล เชร็ก ธรัช
สารพิษแบบเดียวกันจากแมลง
เช่นเดียวกับนกพิษชนิดอื่นในนิวกินี นกชนิดนี้สะสม “โฮโมแบทราโชท็อกซิน” จากแมลงและแมงที่ตัวเองกินเป็นอาหาร สารพิษจะถูกเก็บไว้ในระดับที่ทำให้ผู้ล่าหลายชนิดต้องถอยหนี แถมยังส่งผลให้มนุษย์ที่สัมผัสถูกขนหรือผิวของพวกมันเกิดอาการปวดแสบปวดร้อน หรือ ชาตามปลายนิ้ว
ขอบคุณภาพจาก : ebird.org
5. นก นอร์ธ เทิ่น แวริเอเบิ้ล พีโทฮุย (Northern Variable Pitohui)
ญาติใกล้ชิดของพีโทฮุยหัวดำ
“นอร์ธ เทิ่น แวริเอเบิ้ล พีโทฮุย” (Northern Variable Pitohui) เป็นสมาชิกของกลุ่มนกพิษ “Pitohui” ที่มีการกระจายตัวกว้างในนิวกินี โดยชื่อ “Variable” มาจากความหลากหลายของสีขน และ ลักษณะลำตัวที่แตกต่างกันในแต่ละพื้นที่
การป้องกันตัวที่มีประสิทธิภาพ
สารพิษแบบ “โฮโมแบทราโชท็อกซิน” ใน นก นอร์ธ เทิ่น แวริเอเบิ้ล พีโทฮุย ยังคงมีบทบาทสำคัญในการป้องกันตัวจากผู้ล่า เมื่อสัตว์อื่นได้รับรสหรือกลิ่นของสารพิษ มักจะหลีกเลี่ยงการล่าหรือเข้าใกล้นกชนิดนี้ ทำให้นอร์ธ เทิ่น แวริเอเบิ้ล พีโทฮุย เป็นนกอีกสายพันธุ์หนึ่งที่ประสบความสำเร็จในการใช้พิษเป็นเกราะป้องกัน
การปรับตัวของนกพิษ
การพบ “นกพิษ” หลายชนิดในพื้นที่เดียวกัน สะท้อนถึงกระบวนการวิวัฒนาการที่เกิดขึ้นอย่างอิสระ (Independent Evolution) ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการมีพิษอาจเป็นแนวโน้มการปรับตัวที่มีประสิทธิผลในสภาวะที่มีผู้ล่าหลากหลายและอาหารชนิดแมลงมีพิษเช่นกัน
ขอบคุณภาพจาก : ebird.org
6. นกกระจิบแดง (Red Warbler)
สีสันสวยสดกับชื่อเสียงในเรื่องความเป็นพิษ?
“นกกระจิบแดง” (Red Warbler) เป็นนกขนาดเล็กที่พบได้ในแถบเม็กซิโก มีขนสีแดงสดใสและมีลักษณะค่อนข้างแตกต่างจากนกกระจิบในยุโรปหรือเอเชีย แม้จะยังไม่มีการยืนยัน 100% ถึงปริมาณสารพิษ แต่ก็มีรายงานว่าผู้ที่สัมผัสโดนนกกระจิบแดงบางตัวอาจมีอาการระคายเคืองผิว
สารพิษที่ถูกคาดการณ์
แม้ว่าจะไม่ปรากฏชื่อสารพิษที่ชัดเจนเหมือนกรณีนกพีโทฮุย แต่ก็มีการคาดคะเนว่าอาจเป็นสารในกลุ่มอัลคาลอยด์ (Alkaloids) ที่มาจากแมลง หรือพืชบางชนิดที่นกกระจิบแดงกินเป็นอาหาร อย่างไรก็ตาม ยังจำเป็นต้องมีงานวิจัยในรายละเอียดมากขึ้นเพื่อยืนยันข้อเท็จจริง
ความสวยงามที่มาพร้อมความระมัดระวัง
สำหรับผู้ที่สนใจดูนกในภูมิภาคเม็กซิโก นกกระจิบแดงถือเป็นสายพันธุ์ที่ควรระวัง แม้จะไม่ร้ายแรงเทียบเท่านกพิษจากนิวกินี แต่การเข้าใกล้หรือจับต้องโดยไม่จำเป็นก็อาจก่อให้เกิดอาการแพ้ได้
ขอบคุณภาพจาก : ebird.org
7. ห่านปีกเดือย (Spur-winged Goose)
นกน้ำที่มีพิษจากอาหารที่กิน
“ห่านปีกเดือย” (Spur-winged Goose) เป็นนกน้ำขนาดใหญ่พบได้ในทวีปแอฟริกา มีลักษณะเป็นห่านตัวโตและมีปีกที่มีเดือยหรือ “Spur” โผล่ออกมาโดยเฉพาะตัวผู้ สิ่งที่ทำให้ นก ชนิดนี้กลายเป็นหนึ่งในนกพิษร้ายคือ มันสามารถสะสมสารพิษในเนื้อได้หากกินด้วงหรือแมลงมีพิษชนิดต่าง ๆ
กลไกการเกิดพิษในเนื้อห่าน
มีรายงานว่ามนุษย์บางรายที่กินเนื้อห่านปีกเดือยซึ่งล่ามาจากพื้นที่ที่มีแมลงพิษชุกชุม อาจประสบอาการอ่อนแรง คลื่นไส้ และอาจรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต ในภาษาท้องถิ่นของบางพื้นที่ในแอฟริกา จึงมีความเชื่อถือและความระมัดระวังในการล่าห่านปีกเดือย
ผลกระทบต่อผู้ล่า
สัตว์ผู้ล่าที่กินห่านชนิดนี้อาจมีความเสี่ยงต่อการรับสารพิษเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ห่านปีกเดือยทุกตัวจะมีพิษ ขึ้นอยู่กับพื้นที่หากินและชนิดแมลงที่พวกมันกินเข้าไป การทำความเข้าใจและระมัดระวังจึงเป็นสิ่งที่สำคัญหากมีการบริโภคเนื้อห่านปีกเดือย
ขอบคุณภาพจาก : ebird.org
8. นก รัฟฟ์ กราว ส์ (Ruffed Grouse)
นกในเขตอบอุ่นที่อาจเป็นอันตรายเมื่อกินใบพืชพิษ
“รัฟฟ์ กราว ส์” (Ruffed Grouse) เป็นนกประจำถิ่นของทวีปอเมริกาเหนือ มักอาศัยอยู่ในป่าเขตอบอุ่นและป่าใบผลัด พฤติกรรมการกินอาหารของนกชนิดนี้อาจรวมถึงใบพืชหรือดอกไม้ที่มีสารพิษ เช่น พืชกลุ่ม Rododendron และ Kalmia ซึ่งอาจทำให้นกสะสมสารพิษในเนื้อ
การสะสมสารพิษในเนื้อ
กรณีที่มีการล่า นก รัฟฟ์ กราว ส์ เพื่อการบริโภค หากนกตัวนั้นกินใบพืชมีพิษเป็นจำนวนมาก ผู้บริโภคก็อาจได้รับสารพิษ ทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ ปวดศีรษะ หรือตัวสั่น สถานการณ์ลักษณะนี้เคยถูกบันทึกในประวัติศาสตร์การใช้ชีวิตในเขตป่า เช่น นักล่าหรือผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ในอเมริกาเหนือ
ขอบคุณภาพจาก : allaboutbirds.org
9. นก พิราบ บรัช บรอนซ์วิง (Brush Bronzewing Pigeon)
พิราบป่าแห่งออสเตรเลีย
“บรัช บรอนซ์วิง พิเจียน” (Brush Bronzewing Pigeon) เป็นนกพิราบป่าที่พบในออสเตรเลีย โดดเด่นด้วยสีขนที่มีลักษณะเป็นเงาเหลือบสีบรอนซ์ สายพันธุ์นี้มักอาศัยอยู่ในป่าโปร่งหรือป่าละเมาะ และบางครั้งก็อาจกินเมล็ดพืชหรือผลไม้ที่มีสารพิษ
พิษจากเมล็ดพืชพื้นเมือง
มีรายงานว่านกพิราบชนิดนี้สามารถสะสมสารพิษในเนื้อได้ หากกินเมล็ดพืชหรือผลไม้บางชนิดที่เป็นพิษในพื้นที่ออสเตรเลีย แม้ยังไม่แพร่หลายเท่ากับ พีโทฮุย หรือ สายพันธุ์อื่นในนิวกินี แต่ก็มีการค้นพบผู้ที่กินนกชนิดนี้แล้วแสดงอาการผิดปกติ เช่น คลื่นไส้ เวียนศีรษะ
ขอบคุณภาพจาก : ebird.org
10. นกกะรางหัวขวาน (Eurasian Hoopoe)
ความน่าทึ่งของนกสีสันสดใสในยูเรเชีย
“นกกะรางหัวขวาน” (Eurasian Hoopoe) เป็นนกที่มีสีสันโดดเด่นบริเวณหัวเป็นหงอนพัดใหญ่ ส่วนลำตัวมีลายแถบดำขาว และมีจะงอยปากยาวแหลม ช่วยในการหาอาหารใต้พื้นดิน ในเขตยุโรป เอเชีย และแอฟริกาเหนือ พบเห็นได้บ่อยตามพื้นที่ทุ่งหญ้าและชายป่า
พิษที่มาจากสารคัดหลั่ง
แม้จะไม่ได้มีพิษในลักษณะ “สารพิษสะสม” เหมือนนกชนิดอื่น ๆ ที่กล่าวมา แต่ “นกกะรางหัวขวาน” มีต่อมที่สามารถปล่อยสารคัดหลั่งที่มีกลิ่นฉุนคล้ายเนื้อเน่าเพื่อป้องกันผู้ล่า สารนี้อาจก่อให้เกิดการระคายเคืองหรืออาการแพ้บางอย่างได้ในมนุษย์หรือสัตว์ที่สัมผัสโดยตรง
ขอบคุณภาพจาก : rspb.org.uk
จาก 10 นกพิษร้ายที่สุดในโลก ที่เราได้ทำความรู้จัก จะเห็นได้ว่านกไม่ได้มีบทบาทแค่สัตว์ปีกที่สวยงามหรือสร้างความน่ารักในสายตาของมนุษย์เท่านั้น แต่ยังมีมิติที่หลายคนคาดไม่ถึงเกี่ยวกับการสะสมพิษเพื่อต่อสู้และป้องกันตัวในธรรมชาติ อย่าง “นกพีโทฮุยหัวดำ” หรือ “ลิตเติ้ล เชร็ก ธรัช” ซึ่งมีสารพิษชนิดเดียวกับกบพิษ การที่นกเหล่านี้สามารถสะสมสารพิษจากอาหารที่กิน และเปลี่ยนมันเป็นเกราะป้องกันถือเป็นตัวอย่างของการปรับตัวทางวิวัฒนาการที่น่าทึ่ง
นอกจากนี้ ยังมีกรณีของ นกกระทายุโรป และ ห่านปีกเดือย ที่พิษที่พวกมันมีล้วนมาจากการกินพืชหรือแมลงมีพิษเข้าไป จนเกิดการสะสมในเนื้อเยื่อ และทำให้มนุษย์หรือสัตว์ผู้ล่าอาจเกิดอันตรายหากรับประทานเนื้อนกเหล่านี้ ในขณะเดียวกัน นกบางชนิดอย่าง “นกกะรางหัวขวาน” เลือกใช้วิธีการปล่อยสารคัดหลั่งที่มีกลิ่นเหม็นฉุน เป็นอีกหนึ่งวิถีป้องกันตัวที่แตกต่างออกไป
อ้างอิง : Abdulthaitube – อับดุลย์เอ๊ย