ทัวร์เอเชียกลาง 5 สถาน (คาซัคสถาน – คีร์กิซสถาน – ทาจิกิสถาน – อุซเบกิสถาน – เติร์กเมนิสถาน)

Kazakhstan – Kyrgyzstan – Tajikistan – Uzbekistan – Turkmenistan

ครบสูตรเอเชียกลางในครั้งเดียว

ทัวร์เอเชียกลาง ประเทศคีร์กิซสถาน (Kyrgyzstan)

วันที่ 1 : เริ่มต้น ทัวร์เอเชียกลาง กรุงเทพ > บิชเคก (Bishkek)

• 08.00 น. พบกันที่สนามบินสุวรรณภูมิอาคารผู้โดยสารขาออกนอกประเทศ ชั้น 4 ประตู 8-9 แถว Q เคาท์เตอร์สายการบิน Air Astana
• 10.15 น. เหินฟ้าสู่ เมืองอัลมาตี้ ประเทศคาซัคสถาน ด้วยเที่ยวบิน KC932 ใช้เวลาบินประมาณ 7.10 ชั่วโมง บริการอาหารกลางวันบนเครื่องบิน
• 16.25 น. ถึง อัลมาตี้ (Almaty) ประเทศคาซัคสถาน นำท่านผ่าน ตม. ต่อเครื่องเตรียมบินต่อไปยังเมืองบิชเคก ประเทศคีร์กีซสถาน
• 18.00 น. ออกเดินทาง ด้วยเที่ยวบิน KC 109 สู่ เมืองบิชเคก (Bishkek) ประเทศคีร์กีซสถาน
• 18.55 น. เดินทางถึง สนามบิน Manas เมืองบิชเคก ประเทศคีร์กีซสถาน นำท่านเดินทางสู่เขตตัวเมือง ห่างจากสนามบินประมาณ 30 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30-40 นาที หลังจากนั้นนำท่านรับประทานอาหารเย็นที่ร้านอาหารท้องถิ่น
• ที่พัก โรงแรม Madison hotel หรือเทียบเท่า

วันที่ 2  : บิชเคก (Bishkek)

• รับประทานอาหารเช้าที่ห้องอาหารของโรงแรม
• โดยวันนี้เราจะเที่ยวในเขตตัว เมืองบิชเคก (Bishkek) เป็นเวลาทั้งวัน โดยไฮไลท์ของวันนี้คือ
  • จัตุรัสกลางอะลาทู (Ala-Too Square) หรือในชื่อเดิมว่า ‘จัตุรัสเลนิน’ ตั้งอยู่ที่ใจกลางเมือง สร้างขึ้นใน ค.ศ. 1984 เพื่อเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 60 ปี ของ Kyrgyz SSR ซึ่งในสมัยนั้นรูปปั้นใหญ่ยักษ์ของเลนินถูกวางไว้ตรงกลางจัตุรัส แต่ใน ค.ศ. 2003 ก็ได้ย้ายออกไปและนํารูปปั้นใหม่ Erkindik (มีความหมายวา อิสรภาพ) มาตั้งแทนที่
  • พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์แห่งชาติ (National History Museum) เป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงประวัติศาสตร์ของประเทศคีร์กิซสถานวัฒนธรรมและวิถีชีวิตแบบชาวคีร์กิซตั้งแต่สมัยที่ยังเป็นชนเผ่าเร่ร่อน รวมถึงจัดแสดงผลงานรูปปั้นและภาพฝาผนังตามแบบการปกครองแบบคอมมิวนิสต์ตั้งแต่ในยุคโซเวียตซึ่งปกครองโดยเลนิน
  • จัตุรัสประชาธิปไตย (Victory Square) ทรงกระโจมเยิร์ท (กระโจมของชนเผาคีร์กิซสมัยที่ยังเป็นชนเผ่าเร่ร่อน) ซึ่งศิลปินชาวโซเวียตรังสรรค์ขึ้นจากแนวคิดที่หวนรําลึกถึงความสูญเสียให้แก่ฝ่ายนาซี และเปลวไฟที่โชติช่วงนิรันดร์ก็เป็นการเน้นยํ้าถึงความเจ็บปวดของหญิงสาวที่รอคอยคนรักให้กลับมาจากสงคราม
  • สวนสาธารณะปันฟิลอฟ (Panfilov Park) ให้ท่านได้เดินเล่นรื่นรมย์กับต้นไม้สีเขียว รูปปั้นสวยงามตามจุดต่าง ๆ สูดออกซิเจนในยานใจกลางเมือง
• บ่าย รับประทานอาหาร ณ ร้านอาหารท้องถิ่น
• บ่าย เราจะพาทุกท่านไปยัง ตลาดกลางออส (Osh Bazaar) ที่เป็นตลาดท้องถิ่นที่ใหญ่ที่สุดของเมืองหลวง ที่ซึ่งมีสินค้าและอาหารหลากหลายชนิดให้ท่านได้พบเห็นและลิ้มลอง ปล่อยตัวเองไปกับบรรยากาศของผู้คนอันแสนพลุกพล่าน ที่นี่เป็นที่ ๆ ดีที่สุดที่ท่านจะได้สังเกตชีวิตประจำวันที่แท้จริงของชาวคีร์กิซ
• ที่พัก โรงแรม Madison hotel หรือเทียบเท่า

สวนสาธารณะปันฟิลอฟ (Panfilov Park)

ตลาดกลางออส (Osh Bazaar)

วันที่ 3 : บิชเคก (Bishkek) –  คาราโคล (Karakol)

• รับประทานอาหารเช้าที่ห้องอาหารของโรงแรม
• เดินทางสู่ กลุ่มซากโบราณสถานบูรานา (Burana Historical Complex) สร้างขึ้นในราวศตวรรษที่ 11หอคอยบูรานาตั้งอยู่ในซากเมืองโบราณ Balasagun เป็นหนึ่งในสิ่งก่อสร้างที่อายุโบราณที่สุดของเอเชียกลาง
• ผ่าน เมือง Cholpon-Ata เมืองนี้เป็นเมืองตากอากาศริมทะเลสาบทางด้านเหนือ สิ่งที่น่าสนใจของเมืองนี้คือ พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งรอยสลักหิน (Open-air museum of petroglyphs)  คำว่า “Petroglyphs” มีความคือ ศิลปะในการแกะ สกัด เซาะ หินจนเกิดเป็นภาพแล้วระบายสีเป็นภาพสีต่างๆ
• บ่าย เดินทางถึงเมืองที่ใหญ่ที่สุดของเขตทะเลสาบทางภาคตะวันออก เมืองคาราโคล (Karakol) เป็นศูนย์กลางการเที่ยวรอบ ทะเลสาบอิสซิคคุล (Issyk Kul Lake) ทะเลสาบน้ำเค็มที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลก รายล้อมไปด้วยเทือกเขาเทียนซาน จากนั้นนำท่านชมสถานที่สำคัญต่างๆภายในเมือง
• ชม พิพิธภัณฑ์และอนุสรณ์สถานเปอร์เซวัลสกี้ (Perhevalskiy Museum and Memorial) สร้างขึ้นเพื่อเก็บรวบรวมประวัติและเรื่องราวของนักสํารวจชาวรัสเซียท่านหนึ่งของโลกนามว่า Nikolai Mikhailovich Perhevalsky
• ที่พัก โรงแรม Hotel Amir หรือเทียบเท่า

โบราณสถานบูรานา (Burana Historical Complex)

พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งรอยสลักหิน (Open-air museum of petroglyphs)

วันที่ 4 : คาราโคล (Karakol) 

• รับประทานอาหารเช้าที่ห้องอาหารของโรงแรม
• เช้า จะนำท่านเดินทางท่องเที่ยวในเขตเมืองคาราโคลก่อนอีกครั้งหนึ่งเพื่อชมสถานที่น่าสนใจเพิ่มเติม
• ชม โบสถ์รัสเซียออร์โธดอกซ์ (Holy Trinity Orthodox Church) โบสถ์ที่ถือว่าได้ศูนย์กลางของศาสนาคริสต์ประจำเมืองเลยก็ว่าได้ โบสถ์แห่งนี้แต่ก่อนแรกเริ่มเดิมเป็นเพียงแค่แท่นบูชาเล็กๆที่ถูกสร้างขึ้นไว้เพื่อเป็นศูนย์รวมจิตใจในสมัยที่เมืองคาราโคลยังเป็นเพียงเมืองชายแดนของจักรวรรดิรัสเซียในสมัยนั้น และได้รับการพัฒนาจนมากลายเป็นโบสถ์ในปัจจุบันในยุคหลังการล่มสลายของสหภาพโซเวียต
• ออกเดินทางสู่ หุบโตรกผาเยติ โอกุซ (Jeti Oguz Gorge) คำว่า “Jeti-Oguz” มีความหมายว่าวัวเจ็ดตัว เนื่องจากมีหินที่มีรูปทรงคล้าย ‘วัวเจ็ดตัว’ (Seven Bulls) จากจุดนี้ท่านจะได้ชมความสวยงามของ หุบโตรกเขา Teskey Ala-Too ในภูมิทัศน์ของภูเขาหินสีแดงสดที่เป็นรูปร่างของวัวทั้งเจ็ดท่ามกลางป่าสนอันอุดมสมบูรณ์ ดอกไม้นานาพันธุ์สวยสด ลําธารนํ้าตกที่ไหลผ่านหมู่บ้าน สัมผัสกระโจมของชาวคีร์กิซ (yurt)
• ให้ท่านได้พักผ่อนกับบรรยากาศของ ทะเลสาบอิสซิคคุล (Issyk Kul Lake) ที่ใสสะอาดราวกับกระจก ทะเลสาบอิสซิคคุล เป็นทะเลสาบบนภูเขาเทียนซานทิศเหนือซึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของคีร์กิซสถาน เป็นทะเลสาบที่มีขนาดใหญ่ที่สุดอันดับ 10 ของโลกมีเนื้อที่ราว 6,236 ตร.กม. ถึงแม้ภูมิทัศน์โดยรอบจะแวดล้อมไปด้วยยอดภูเขาหิมะปกคลุม แต่ทะเลสาบที่นี่ไม่เคยจับตัวเป็นนํ้าแข็งเลยจึงมีชื่อว่าอิสซิคคุล ซึ่งมีความหมายว่า ทะเลร้อน
• เย็น รับประทานอาหารเย็น ณ ร้านอาหารท้องถิ่น
• ที่พัก โรงแรม Hotel Amir หรือเทียบเท่า

หุบโตรกผาเยติ โอกุซ (Jeti Oguz Gorge)

หุบโตรกผาเยติ โอกุซ (Jeti Oguz Gorge)

ประเทศคาซัคสถาน (Kazakhstan)

วันที่ 5 : คาราโคล (Karakol) – หุบเขาชารีลแคนยอน (Charyn Canyon) – หมู่บ้านซาตี้ (Saty)

• ออกเดินทางออกจากหมู่บ้านคาราโคลมุ่งหน้าสู่ ด่านชายแดนระหว่างประเทศคีร์กิซสถาน-คาซัคสถาน ที่หมู่บ้านคาร์คาร่า (Karkara)
• ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร หลังจากนั้นเดินทางเข้าสู่ ประเทศคาซัคสถาน (Kazakhstan) วันนี้เป็นวันที่เดินทางระยะทางรวมประมาณ 380 กิโลเมตร
• เราจะออกเดินทางสู่หุบเขา ชารีล แคนยอน (Charyn Canyon) โดยเราจะพักรับประทานอาหารกันแบบกล่องระหว่างทาง
• หุบเขาชารีลแคนยอน (Charyn Canyon) เป็นที่รู้จักในนามของคนท้องถิ่นที่เรียกว่า น้องชายของแกรนด์แคนยอน ด้วยลักษณะทางภูมิทัศน์ที่ใกล้เคียงกันมากเพียงแต่มีขนาดที่เล็กกว่า แต่อย่างไรก็ตามด้วยขนาดความยาวของแคนยอนถึง 154 กิโลเมตรและมีความลึกถึง 300 เมตร ความสวยของที่นี่ไม่ได้น้อยลงตามขนาดอย่างแน่นอน เราจะได้ชมกับประติมากรรมธรรมชาติที่เรียก “หุบเขาแห่งปราสาท” (Valley of Castles) ซึ่งชื่อนี้มีที่มาจากรูปร่างของหินที่โผล่ขึ้นมาจากพื้นดินแล้วมีรูปร่างเหมือนหอคอยที่ยิ่งใหญ่จำนวนมาก โดยระหว่างทางไกด์ท้องถิ่นจะเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับความเป็นมาของแคนยอนแห่งนี้ให้ท่านได้รับรู้ สิ่งที่คำนึงถึงการเดินทางที่นี่คือ เนื่องจากรถไม่สามารถเข้าถึงได้ทุกพื้นที่ จึงจำเป็นต้องมีการเดินเท้าร่วมด้วยเพื่อเข้าสู่จุดต่างๆภายในแคนยอนครับ
• หลังจากที่ได้เวลาอันสมควร เราจะเดินทางต่อไปยังหมู่บ้านซาตี้ หมู่บ้านที่อยู่เชิงเขาทางด้านเหนือของหุบเขาเทียนซาน
• ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ร้านอาหารท้องถิ่น
• ที่พัก รูปแบบโฮมสเตย์ (Homestay)

หุบเขาชารีลแคนยอน (Charyn Canyon)

วันที่ 6 : หมู่บ้านซาตี้ (Village) – อัลมาตี้ (Almaty)

• นำท่านเดินทางสู่ ทะเลสาบโคลซอย (Kolsai Lake) ทะเลสาบที่ปกคลุมด้วยป่าสนที่ท่ามกลางผืนน้ำสีเขียวสวยงามเป็นอย่างยิ่ง
• ให้ท่านได้เดินเล่น ถ่ายรูปตามอัธยาศัย ณ ทะเลสาบแห่งนี้
• หลังจากนั้นจึงออกเดินทางสู่ เมืองอัลมาตี้ ใช้เวลาประมาณ 5-6 ชั่วโมง
• เย็น เดินทางถึง เมืองอัลมาตี้
• ที่พัก โรงแรม Novotel Almaty City Center

ทะเลสาบโคลซอย (Kolsai Lake)

ทะเลสาบโคลซอย (Kolsai Lake)

ทะเลสาบโคลซอย (Kolsai Lake)

วันที่ 7 : อัลมาตี้ (Almaty) 

• รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม วันนี้เราจะเที่ยวกันในเขตนครอัลมาตี้เป็นหลัก นำท่านเดินทางท่องเที่ยวยังสถานที่สำคัญต่างๆเหล่านี้
  • จัตุรัสอิสรภาพ (Monument of Independence) อนุสาวรีย์ความสูง 91 ฟุต ที่แสดงถึงเอกราชของประเทศคาซัคสถานรวมถึงอิสรภาพของประชาชน ซึ่งที่บริเวณอนุสาวรีย์นั้นจะมีการบอกเล่าเรื่องราวทางประวัติศาสตร์มากมายตั้งแต่รัชสมัยของราชินี Tomiris จนถึงปัจจุบัน บริเวณจุดเหนือสุดของอนุสาวรีย์เป็นที่ตั้งของชายชนเผ่า Saka Warrior
  • สวนสาธารณะแพนฟีลอฟ (Park of 28 Panfilov Guardsmen) สวนสาธารณะที่สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงวีรกรรมของนายทหาร 28 นายจากหน่วยกองพลอัลมาตี้ที่ได้สู้รบอย่างกล้าหาญกับนาซีในช่วงสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยชื่อตั้งมาจากชื่อของนายพน Ivan Panfilov นายพลผู้บัญชาการกองทัพหน่วยนที่ 316 ในการต้านทานให้ไม่ให้กองทัพเคลื่อนเข้าสู่กรุงมอสโควเมืองหลวงของสหภาพโซเวียตในเวลานั้นได้โดยง่าย
  • โบสถ์เซ็นคอฟ (Zenkov’s Cathedral) โบสถ์ที่สร้างด้วยไม้ด้วยเทคโนโลยีการก่อสร้างในสมัยโบราณโดยที่ไม่มีการใช้ตะปูเลย
  • สวนเพรซิเดนท์ พาร์ค (First President Park) สวนสาธารณะที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของนครอัลมาตี้ ชมความสวยงามบริเวณด้านหน้า อันตกแต่งด้วยสวนน้ำพุและเสาซุ้มโค้งประตูทางเข้าสวนสาธารณะ ซึ่งสร่างขึ้นเป็นเกียรติแด่ท่านประธานาธิบดีคนแรกของคาซัคสถาน
• หลังจากนั้นเดินทางไปยัง สถานีเคเบิ้ลคาร์เมดีโอ (Medeu Cable Car) (ระดับความสูง 1,600 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล) เพื่อเดินทางขึ้นสู่ รีสอร์ทชิมบูลัค (Shymbulak Ski resort) ที่เป็นสกีรีสอร์ทที่ตั้งอยู่ในเขตภูเขา Zailiysky Alatau ที่ตั้งอยู่ที่ความสูง 2,260 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล
• รับประทานอาหารเที่ยง ท่านจะได้เพลิดเพลินกับอาหารและวิวทิวทัศน์อันสวยงามจากภายในภัตตาคารแห่งนี้
• หลังจากนั้นนำท่านขึ้นสู่ กระเช้าลอยฟ้า (Funicular) ขึ้นสู่จุดชมวิวที่ความสูง 3,160 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ที่มีชื่อ Talgar pass ซึ่งท่านจะได้เห็นทิวทัศน์อันสุดลูกหูลูกตาของ เทือกเขาเทียนซาน (Tien Shan) ที่มีความสวยงามและอลังการเป็นอย่างมาก (ระยะทางของกระเช้าประมาณ 3 กิโลเมตร ใช้ระยะเวลาเดินทางประมาณ 15 นาที)
• หลังจากนั้นจึงนำท่านกลับมายัง สถานีเคเบิ้ลคาร์เมดีโอ (Medeu Cable Car) เพื่อนำท่านเดินทางลงสู่ที่ราบเมืองอัลมาตี้และให้ท่านได้พักผ่อนตามอัธยาศัยในช่วงก่อนอาหารค่ำ
• ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
• ที่พัก โรงแรม Novotel Almaty City Center

อัลมาตี้ (Almaty)

โบสถ์เซ็นคอฟ (Zenkov’s Cathedral)

เมืองอัลมาตี้ (Almaty)

ประเทศทาจิกิสถาน (Tajikistan)

วันที่ 8 : อัลมาตี้ (Almaty) – ดูซานเบ (Dushanbe)

• เดินทางสู่สนามบินอัลมาตี้ เตรียมตัวเดินทางสู่ดูซานเบ ประเทศทาจิกิสถาน
• 08.15 น. เดินทางสู่ดูซานเบ ด้วยสายการบิน Air Astana KC 131 (ใช้เวลาบิน 1 ชั่วโมง 45 นาที)
• 09.00 น. เดินทางถึง เมืองหลวงดูซานเบ (Dushanbe) เป็นเมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดในประเทศทาจิกิสถาน คำว่า ดูชานเบ ในภาษาทาจิก มีความหมายว่า วันจันทร์ ซึ่งเป็นชื่อที่มาจากข้อเท็จจริงที่เมืองเป็นสถานที่ตั้งของหมู่บ้านที่มีชื่อเสียงเรื่องตลาดวันจันทร์ นำท่านไปชมความสวยงามของเมืองดูชานเบ
  • สวนรูดากี้ (Rudaki Park) สถานที่แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อให้เป็นเกียรติแด่ รูดากี้ (Rudaki) ซึ่งเป็นนักประพันธ์บทกวีที่มีชื่อเสียงชาวเปอร์เซียซึ่งอยู่ในปี ค.ศ. 859-941 เขาเกิดที่เมืองเพนจิเค้นท์ปัจจุบันอยู่ในทาจิกิสถาน ในชีวิตต่อมาได้ตาบอดสนิท แต่ความสามารถและพรสวรรค์ที่มีได้ทำให้รูดากี้กลายเป็นกวีที่มีชื่อเสียงและถูกเรียกเข้าไปถวายงานข้างกายของกษัตริย์ในสมัยนั้น
  • อนุสาวรีย์ของอิสมาอิล โซโมนี่ (Ismoili Somoni Statue) อดีตกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ของราชวงศ์ซามานิดที่เคยครอบครองผืนแผ่นดินใหญ่ของเอเชียกลาง
  • ตลาดชาห์มานซูร์ (Shah Mansur Bazaar) หรือมีชื่อว่า ตลาดเขียว ซึ่งเป็นตลาดที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง ซึ่งจำหน่ายสินค้าหลายๆ ชนิด ให้ท่านได้พักผ่อนเลือกซื้อสินค้าตามอัธยาศัย
  • พระราชวังแห่งการรวมชาติ (Palace of Unity) หรือมีชื่อว่า พระราชวังวาห์ดัท (Vahdat Palace) ที่ตั้งอยู่ทางด้านเหนือของตัวเมือง เป็นที่ทำการของพรรครัฐบาลนั่นคือ พรรค People’s Democratic Party of Tajikistan
  • เสาธงของดูชานเบ (Dushanbe Flagpole) เป็นเสาธงที่มีความสูงเป็นอันดับที่ 2 ของโลกซึ่งมีความสูงถึง 165 เมตร อันดับที่ 1 ซึ่งถูกสร้างขึ้นที่หลังอยู่ที่เมืองเจดด้าห์สูงถึง 170 เมตร และอันดับที่ 3 อยู่ที่เมืองบาคู ในอะเซอร์ไบจานที่มีความสูง 162 เมตร
  • พิพิธภัณฑ์ของโบราณ (Museum of Antiquities) ซึ่งเป็นสถานที่ที่เก็บสะสมสิ่งของโบราณที่เป็นประวัติศาสตร์ของชาติ และเผ่าพันธ์ของชาวทาจิกในอดีต ภายในได้สะสมสิ่งของที่มีค่าน่าสนใจทางวัฒนธรรม เช่น พระพุทธรูปนอนยาวถึง 14 เมตร (Reclining Buddha attaining final Nirvana)
• ที่พัก โรงแรม Hotel Atlas

วันที่ 9 : ดูซานเบ (Dushanbe) – ทะเลสาบอิสกันเดอร์ (Iskanderkul)

• วันนี้ในช่วงเช้าจะเป็นการเดินทางท่องเที่ยวภายนอกเขตเมืองหลวงดูซานเบ ระยะทางประมาณ 30 กิโลเมตร นำท่านชม ป้อมปราการฮิสซ่าร์ (Hissar Fortress) ดินแดนที่มีมนุษย์อาศัยมาตั้งแต่ยุคหิน ป้อมปราการโบราณที่มีอายุมากกว่า 2,000 ปี ผ่านมาหลายอาณาจักรตั้งแต่สมัยของจักรพรรดิอเล็กซานเดอร์มหาราชจนมาถึงสมัยภายใต้การปกครองของอีเมียร์แห่งบูคารา ป้อมปราการแห่งได้รับการบูรณะให้ใกล้เคียงของเดิมแบบเช่นในปัจจุบัน
• ออกเดินทางออกจากเมืองหลวงดูซานเบ เข้าสู่เขต หุบเขาฟาน (Fann Mountain) เขตภูเขาสูงของประเทศทาจิกิสถานที่เป็นรอยต่อด้านตะวันตกของมหาเทือกเขาปามีร์หลังคาโลก หุบเขาฟานมีทะเลสาบที่สวยงามจำนวนมากทำให้เป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของชาวเมืองดูซานเบที่เดินทางในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ เราจะเดินทางเป็นระยะทางประมาณ 130 กิโลเมตรสู่จุดหมายถัดไป
• เดินทางสู่ ทะเลสาบอิสกันเดอร์ (Iskanderkul) ทะเลสาบชื่อดังของหุบเขาฟาน ความหมายของชื่อทะเลสาบคือ อิสกันเดอร์ เป็นภาษาเตอร์กิคมีความหมายถึง “พระเจ้าอเล็กซานเดอร์” (Alexander = Iskander) ส่วน Kul คูล แปลว่าทะเลสาบ เนื่องจากในช่วงการกรีฑาทัพเข้าสู่เอเชียกลางในระหว่างศึกนั้นพระเจ้าอเล็กซานเดอร์ไม่สามารถเอาชนะข้าศึกที่อยู่ในบริเวณนี้จึงได้มีการผันน้ำให้ไหลเข้าท่วมหมู่บ้านซึ่งนำไปสู่ชัยชนะในภายหลังต่อมาจึงได้ตั้งชื่อทะเลสาบแห่งนี้ให้ตรงกับชื่อของพระองค์
• ให้ท่านได้พักผ่อนตามอัธยาศัยท่ามกลางทะเลสาบที่สวยงามแห่งนี้
• ที่พัก Homestay Turbaza Cottage Park

ทะเลสาบอิสกันเดอร์ (Iskanderkul)

ประเทศอุซเบกิสถาน (Uzbekistan)

วันที่ 10 : ทะเลสาบอิสกันเดอร์คูล (Iskanderkul Lake) – เพนจิเค้นท์ (Penjikent) – ซามาร์คันด์ (Samarkand) 

• ออกเดินทางออกจาก ทะเลสาบอิสกันเดอร์ (Iskanderkul) มุ่งหน้าไปตามถนนในหุบเขาฟานทางทิศตะวันตก เดินทางสู่เมืองทางพรมแดนด้านอุซเบกิสถาน
• เดินทางถึงเมือง เมืองเพนจิเคนท์ (Penjikent) ที่ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเซราฟชาน (Zeravshan) ซึ่งในอดีตเป็นที่อยู่อาศัยของอาณาจักรซอกเดียนา (Sogdiana) ด้วยชัยภูมิที่ตั้งอยู่ในหุบเขาและเป็นทาง เข้า/ออก ทางเดียวจากเขตหุบเขาฟาน ทำให้เมืองเพนจิเคนท์เป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญของอาณาจักร ซึ่งยังคงมีร่องรอยอารยธรรมมาจนถึงปัจจุบัน
• เดินทางสู่ ชายแดนระหว่างประเทศทาจิกิสถาน – อุซเบกิสถาน ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร หลังจากนั้นเดินทางเข้าสู่ ประเทศอุซเบกิสถาน (Uzbekistan)
• 13.00 น. นำท่านเดินทางขึ้นรถบัสส่วนตัวเพื่อเดินทางต่อไปยัง เมืองซาร์มาคันด์ (Samarkand) โดยระหว่างนี้ให้ท่านได้มีโอกาสพักผ่อนตลอดทาง ระยะเวลาโดยประมาณ 4 ชั่วโมง
• 17.00 น. เดินทางถึง เมืองซาร์มาคันด์ (Samarkand) นำท่านเช็คอินเข้าที่พัก รับประทานอาหารเช้า และให้พักผ่อนตามอัธยาศัย
• เมืองซาร์มาคันด์ (Samarkand) เป็นเมืองใหญ่อันดับสองของรองจากกรุงทาชเคนต์” (Tashkent) ด้วยประวัติศาสตร์ที่ยาวนานกว่า 2,750 ปี “ซามาร์คันด์” ถือเป็นหนึ่งในเมืองเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ครั้งหนึ่งเคยเป็นเมืองหลวงของรัฐซอกเดียน่า (Sogdiana) อันเกรียงไกร และกลายมาเป็นศูนย์กลางของเอเชียกลางภายในยุคสมัยของมหาราชนามว่า ติมูร์ ซามาร์คันด์ได้เจริญรุ่งเรืองจากความเป็นศูนย์กลางการค้าบนเส้นทางสายไหม
• สุสานของผู้พิชิตแห่งเอเชียกลางในสมัยโบราณติมูร์ (Gur-e-Amir Mausoleum) ถูกสร้างขึ้นเพื่อให้เป็นที่ฝังศพของทาเมอเลน หรือ ติมอร์ วีรบุรุษประจำชนชาติเอเชียกลางผู้สืบเชื้อสายมาจากเจงกิสข่าน สถานที่แห่งนี้มีความโดดเด่นทางด้านสถาปัตยกรรมจนเป็นที่เลื่องลือไปทั่วโลก
• หอดูดาวอูลุกเบค (Ulug Beg Observatory)
• ที่พัก โรงแรม Hotel Diyora Samarkand หรือเทียบเท่า

หอดูดาวอูลุกเบค (Ulug Beg Observatory)

สุสานของผู้พิชิตแห่งเอเชียกลางในสมัยโบราณติมูร์ (Gur-e-Amir Mausoleum)

จัตุรัสเรจีสถาน (Registan Square)

จัตุรัสเรจีสถาน (Registan Square)

วันที่ 11 : ซามาร์คันด์ (Samarkand)

• พิพิธภัณฑ์ Afrosiyab แหล่งรวบรวมโบราณวัตถุล้ำค่าจำนวนมากของเมืองซามาร์คันด์นับตั้งแต่รัชสมัยของจักรพรรดิอเล็กซานเดอร์มหาราช
• จัตุรัสเรจีสถาน (Registan Square) เป็นจัตุรัสกลางเมืองที่มีชื่อเสียงและยิ่งใหญ่งดงามไปด้วยศิลปะอิสลาม ซึ่งถูกกล่าวขานว่ามีความงดงามที่สุดในเอเชียกลาง ตกแต่งด้วยกระเบื้องเคลือบสีฟ้าตัดขอบด้วยสีเหลือง
• สุเหร่าบิบิ คะนุม (Bibi Khanum Mosque) เป็นสุเหร่าที่ถูกสร้างขึ้นมาและใหญ่ที่สุดในโลกอิสลาม เพื่อแสดงให้เห็นถึงพลังอํานาจที่สามารถปกครองดินแดนได้มากกว่าใครในประวัติศาสตร์ ถูกสร้างเมื่อปี ค.ศ.1399 ตรงทางเข้าสู่จัตุรัสมัสยิดมีขนาดพื้นที่ยาวประมาณ 167 เมตร และกว้าง 109 เมตร และสองข้างยังมีมัสยิด ขนาดเล็ก โดยเฉพาะตัวโดมได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของเมืองนี้ ภายในตกแต่งด้วยหินอ่อนแกะสลักโมเสครูปร่างต่างๆ เคลือบด้วยสีฟ้างดงาม
• ตลาดกลาง (Central Market/Siyab Bazaar) ซึ่งเป็นตลาดที่มีชื่อเสียงและเป็นหนึ่งเดียวของซามาร์คาน ที่ผู้คนยังคงแต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่เป็นวัฒนธรรมของชาวอุซเบก ให้ท่านเลือกซื้อสินค้าที่บาซาร์ ซึ่งมีสินค้าต่างๆมากมายที่ราคาถูกและสวยงาม
• ชาห์ อิ ซินดา (Shah i Zinda Complex) ซึ่งมีความหมายว่า เป็นที่อยู่ของกษัตริย์ (The Living King/Necropolis) เป็นสถานที่รวมสุสานขนาดใหญ่ ซึ่งตั้งอยู่บนเนินเขา อัฟราซิยาบ (Afrasiyab) นอกกําแพงเมืองเก่า มีอาคารหลายยุคหลายสมัยมากกว่า 20 แห่งให้ศึกษารวมทั้งกระเบื้องเคลือบโบราณที่สวยงามมาก
• ที่พัก โรงแรม Hotel Diyora Samarkand หรือเทียบเท่า

ตลาดกลาง (Central Market/Siyab Bazaar)

สุเหร่าบิบิ คะนุม (Bibi Khanum Mosque)

ชาห์ อิ ซินดา (Shah i Zinda Complex)

วันที่ 12 : บูคารา (Bukhara)

• 9.00 น. นำท่านเดินทางขึ้นรถไฟความเร็วสูง Afrosiyab เพื่อเดินทางไปยัง เมืองบูคารา (Bukhara) ที่ตั้งอยู่ทางด้านตะวันตกเฉียงใต้ ระยะทางห่างประมาณ 280 กม. โดยรถไฟความเร็วสูงอะโฟรซิยาบ ที่ 762 (Afrosiyab) ซึ่งเป็นรถไฟที่มีความเร็วสูงถึง 250 กม./ชม. (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชม.)
• พระราชวังฤดูร้อน (Sitorai Mohi Khosa Palace) สร้างขึ้นตอนปลายศตวรรษที่19เพื่อเป็นที่ประทับของเจ้าผู้ครองนครสององค์สุดท้ายและในยุคนั้นได้มีการเจริญสัมพันธไมตรีกับรัสเซีย จากนั้นอิสระชมวิถีชีวิตคนเมือง ให้ท่านได้เลือกซื้อสินค้าของที่ระลึกตามอัธยาศัย ท่านจะได้สัมผัสกับเทคโนโลยีในการสร้างบ้านในพื้นที่กลางทะเลทรายที่แม้แต่ฤดูร้อนอันโหดร้ายที่นี่ก็ยังมีอากาศที่เย็นอยู่เสมอ
• ไลอับบี เฮ้าซ์ (Lyab i Hauz) เป็นสถานที่สําหรับสอนศาสนาที่ตั้งอยู่บริเวณริมสระน้ําที่ให้ความร่มรื่นกับผู้ที่เข้ามายังสถานที่แห่งนี้ ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ.1620 และบริเวณมุมรอบๆ สระจะมีต้นมัลเบอร์รี่ (ต้นหม่อน) ที่ได้ปลูกเอาไว้หลายร้อยปี ที่เหลืออีก 3 ด้านของสระน้ำจะประกอบไปด้วย
  • โรงเรียนสอนศาสนาคูเคลดาสช (Kukeldash) ที่ถูกสร้างขึ้นทางด้านเหนือในปี ค.ศ. 1568-1569
  • คานาค่า (Khanaka) ทางด้านตะวันตกจะถูกสร้างเป็นตําหนักสําหรับเป็นบ้านพัก สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1620
  • นาเดียร์ ดีวาน เบกี (Nadir Divan Begi Madrasah) ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเป็นที่สำหรับสอนศาสนา ที่ถูกสร้างขึ้นในในปี ค.ศ.1622
• ที่พัก โรงแรม Malika Bukhara หรือเทียบเท่า

พระราชวังฤดูร้อน (Sitorai Mohi Khosa Palace)

อัธยาศัยไมตรีของชาวอุซเบค

ไลอับบี เฮ้าซ์ (Lyab i Hauz)

วันที่ 13 : บูคารา (Bukhara)

• คาลอน มินาเรต (Karon minaret) สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1127 คำว่าคาลอน แปลว่า ยิ่งใหญ่ ส่วนคำว่ามินาเรต มาจากคำว่า มานารา (Manara)ในภาษาอาหรับที่แปลว่า หอใช้สำหรับเรียกผู้คนให้เข้ามาทำการละหมาดที่มัสยิด และสำหรับบอกทิศให้กับกองคาราวานที่เดินทางยามค่ำคืน และสร้างให้สูงเพื่อให้เห็นได้จากที่ไกลๆ
• ป้อมดิอาร์ค (The Ark Fortress) ซึ่งเป็นป้อมเก่าแก่สร้างในศตวรรษที่ 5 ตั้งอยู่ใจกลางเมือง และเมื่อขึ้นไปด้านบนของป้อมจะสามารถเห็นวิวทิวทัศน์ของเมืองได้อย่างชัดเจน มีกําแพงล้อมรอบมีความยาวประมาณ 800 เมตร ส่วนของกําแพงมีความสูงถึง 16-20 เมตร ถูกสร้างด้วยอิฐหนาทึบและสูงใหญ่ ส่วนประตูมีซุ้มโค้งและหอคอยทั้งสองด้าน ซึ่งในอดีตภายในถูกใช้เป็นศูนย์กลางการปกครอง
• สุสานอิสมาอิล ซามานิด (Ismail Samanid Mausoleum) ที่ฝังพระศพของ อีสมาอีล ซึ่งเป็นกษัตริย์ที่ปกครองอยู่ที่เมืองนี้ในสมัยอาณาจักรเปอร์เซียที่รุ่งเรื่อง ที่ฝั่งพระศพนี้สร้างในปี ค.ศ.892 และสำเร็จในปี คศ.943 อาคารเป็นรูปทรงลูกบาศก์ก่ออิฐ โดยใช้อิฐที่ก่อสร้างเป็นลวดลายในตัวเอง และได้รับการยกย่องว่าเป็นสถาปัตยกรรมที่สวยงามของเอเซียกลาง
• โบโล เค้าซ คอมเพล็ก (Bolo Khauz Complex) เป็นอาคารสุเหร่าในสมัยกลาง ถูกสร้างขึ้นไปปี ค.ศ.1712-1713 รูปแบบในการก่อสร้างประกอบไปด้วยเสาไม้ที่มีความสูงมาก อาคารด้านหน้ามีเสาไม้ประดับมากกว่า 20 ต้นรองรับดาดฟ้าหลังคา ต่อมาในปี ค.ศ.1917 ก็ได้ใช้สถานที่แห่งนี้เป็นสุเหร่าอย่างเป็นทางการมาจนถึงปัจจุบันนี้
• ที่พัก โรงแรม Malika Bukhara หรือเทียบเท่า

คาลอน มินาเรต (Karon minaret)

ป้อมดิอาร์ค (The Ark Fortress)

วันที่ 14 : บูคารา (Bukhara) – คิวา (Khiva)

• ออกเดินทางไกลผ่า ทะเลทราย Karakum เลาะไปตามเลียบชายแดนประเทศเติร์กเมนิสถาน เพื่อไปยังโอเอซิสกลางทะเลทรายที่ยิ่งใหญ่ไปด้วยประวัติศาสตร์อีกแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของประเทศที่ เมืองคีว่า (Khiva)
• เมืองคีว่า (Khiva) ตั้งอยู่ทางด้านตะวันออกเฉียงใต้ของอาณาจักรโบราณคาวาเรซม ซึ่งได้รับการกล่าวขวัญว่าเป็น เมืองที่มีโดมนับพันโดม (The City of a Thousand Domes) มีสถานท่องเที่ยวที่สำคัญตั้งอยู่ในกำแพงเมืองเก่า ระยะทางประมาณ 440 กิโลเตร เราจะใช้เวลาบนรถประมาณ 7-8 ชั่วโมง
• ที่พัก โรงแรม Hotel Arkanchi หรือเทียบเท่า

เมืองที่มีโดมนับพันโดม (The City of a Thousand Domes)

วันที่ 15 : คิวา (Khiva)

• อิทชานคาล่า (Itchan kala) ภายในป้อมปราการจะประกอบไปด้วยสถานที่ต่างๆ พระราชวัง โรงเรียนสอนศาสนา สุเหร่าที่ยิ่งใหญ่ มีหอคอยสูง ตกแต่งด้วยกระเบื้องโมเสคสีสันที่สวยงามและได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกในปี ค.ศ.1990 ให้ท่านได้ชมรูปแบบและศิลปะในการก่อสร้าง ที่บ่งบอกถึงความคิดของคนในสมัยนั้นที่มีความสามารถและความละเอียดอ่อน นอกจากนั้นความสวยงามแบบศิลปะ อิสลามของกระเบื้องทุกแผ่นที่ใช้ในการตกแต่งภายนอกและภายใน สถานที่แห่งนี้ได้ถูกสร้างโดย อิสลาม โคจา (Islam Khoja) ผู้มีบทบาทในการดูแลและเผยแผ่ศาสนาสร้างสุเหร่ามัสยิด โรงเรียน และยังมีหอคอยมินาเรต์ที่สูงที่สุดประมาณ 57 เมตร นอกจากนั้น
• ป้อมคุนยาอาร์ค (Kunya Ark Fortress)
• โรงเรียนสอนศาสนาของมูฮัมหมัด อามินข่าน (Muhammad Aminkhan Madrassah)
• มัสยิด จูมา (Juma Mosque) มัสยิดประจำเมือง สร้างในศตวรรษที่ 18 เป็นมัสยิดหนึ่งที่มีการออกแบบที่แตกต่างจากมัสยิดอื่นซึ่งอยู่ในเมืองคีว่า ตัวมัสยิดเป็นแบบชั้นเดียวมีพื้นที่ประมาณ 2500 ตรม. ประกอบไปด้วยเสาไม้ 215 ต้น จะมีการแกะสลักเสาก่อนจะนำมาสร้างมัสยิด
• พระราชวังทัช คอบลี (Tash Khovli Palace) เป็นพระราชวังฤดูร้อน ที่มีรูปแบบในการก่อสร้างอย่างสวยงามอีกเช่นกัน และมีรูปแบบการใช้งาน และการจัดสรรการใช้งานของห้องต่างๆ ชม ห้องรับแขก ชมห้องนางสนม ชมพระตำหนักของกษัตริย์ ซึ่งมีลวดลายในการตกแต่งอย่าง
• โรงเรียนสอนศาสนาอัลลา คูลี ข่าน (Alla-Kuli-Khan Madrasah) ซึ่งถูกสร้างขึ้นในราวศตวรรษที่ 19 ที่มีความสวยงามมากที่สุดในเรื่องการตบแต่ง และโรงเรียนสอนศาสนาอาหรับ โมฮัมเมด ข่าน (Arab Mohamed Khan) ที่ตั้งอยู่ทางด้านตะวันตกของโรงเรียนสอนศาสนามู ฮัมหมัด อามิน ข่าน ซึ่งเป็นรูปแบบที่คล้ายกับโรงเรียนสอนศาสนาที่อยู่ในบริเวณเดียวกัน แต่จะมีรูปร่างและโครงสร้างในการสร้างที่แตกต่างกัน การตกแต่งด้วยกระเบื้องที่มีสีสันอันเป็นที่ตื่นตาและสวยงาม
• สุสานคุทลุก มูราด อีนาค (Kutluq-Murad-Inaq Mausoleum) และ สุสานของพาห์ราวาน มัคหมูด (Pakhlavan Makhmud) ที่ถูกสร้างเป็นโดมสีฟ้าเพียงแห่งเดียวเท่านั้นในคีว่า
• ศูนย์รวมแหล่งสินค้าพาลวานคารี (Palvankari Complex) ที่ในอดีตเป็นศูนย์กลางค้าขายของคาราวาน ในช่วง ศตวรรษที่ 18 กองคาราวานได้ใช้สถานที่แห่งนี้เป็นที่หยุดพักหลังจากเดินทางมาแรมไกลจากเอเชียไปทางด้านตะวันตกและก็กลับมา และยังเป็นจุดที่มีการแลก เปลี่ยนสินค้าต่างๆ อีกด้วย
• ที่พัก โรงแรม Hotel Arkanchi หรือเทียบเท่า

อิทชานคาล่า (Itchan kala)

กำแพงของป้อมคุนยาอาร์ค (Kunya Ark Fortress)

เมืองที่มีโดมนับพันแห่งคิวา

มุมมองจากหอคอยอิสลามโคจา (Islam Khoja Minaret)

รับประทานอาหารเย็นแบบท้องถิ่นเหนือยอดโดมทั้งปวง

อิทชานคาล่า (Itchan kala) ยามค่ำคืน

ประเทศเติร์กเมนิสถาน (Turkmenistan)

วันที่ 16 : ดาร์วาซา (Darwaza)

• เดินทางสู่ เมืองชายแดนชาวัท (Shavat) วันนี้เราจะเดินทางข้ามประเทศไปยัง ประเทศเติร์กเมนิสถาน (Turkmenistan) โดยจะเป็นการเดินทางข้ามแดนผ่านทางด่านชายแดน (Overland) ซึ่งทุกท่านจะสัมผัสได้ถึงบรรยากาศของการเดินทางในรูปแบบที่ไม่ได้หาที่ไหนได้ง่ายๆ
• เดินทางถึง เมืองดาโชกุซ (Dashoguz) ซึ่งเป็นเมืองที่อยู่ฝั่งประเทศเติร์กเมนิสถาน เตรียมตัวขึ้นรถเพื่อเดินทางต่อ
• อุทยานประวัติศาสตร์คุนยา เออร์เกนซ์ (Kunya Urgench historical site) ตั้งอยู่ทางด้านทิศใต้ของ แม่นํ้าเอมูร์-ดาร์ยา (Amu-Darya River) แต่เดิมเป็นหนึ่งในเมืองสําคัญที่อยูในเส้นทางสายไหม สถาปัตยกรรมในเมืองเป็นรูปแบบผสมผสานระหวางอารยธรรมตะวันออกและตะวันตก ปัจจุบัน หลงเหลือเพียงสถานที่สําคัญไม่กี่แห่งเนื่องจากโดนทําลายจากศึกสงคราม
• สุเหร่าคุทลัก-ทีเมอร์ (Kutlug-Timur Minaret) สร้างขึ้นในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 11 จนถึงคริสต์ศตวรรษที่ 12
• สุสานทูราเบก-คาห์นุม (Turabek-Khanum Mausoleum) สร้างโดยสถาปัตยกรรมรูปร่างแปลกตาด้านบนสุดของอาคารส่วนกลางปกคลุมด้วยโดมที่ประดับตกแต่งด้วยโมเสก เป็นต้น อุทยานประวัติศาสตร์แห่งนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกในปี คริสต์ศักราช 2005และเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวสําคัญของประเทศเติร์กเมนิสถาน
• ออกเดินทางไปยังไปใจกลาง ทะเลทราย Karakum อันแสนแห้งแล้ง ระยะทาง 267 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 3-4 ชั่วโมง
• นําท่านเดินทางไปยัง หมู่บ้านดาร์วาซ่า (Darvaza) เพื่อสํารวจตามเส้นทางของหลุมก๊าซเก่า หลุมก๊าซแห่งนี้เป็นแหล่งก๊าซธรรมชาติที่เกิดจากการทรุดตัวของผืนเปลือกโลก องค์ประกอบของก๊าซส่วนใหญ่เป็นมีเทนและเกิดการเผาไหม้ตลอดเวลาจนถึงปัจจุบันนี้ กลายเป็นอันซีนของประเทศเติร์กเมนิสถานที่ติดต่อคนไปทั่วโลก
• คํ่าคืนนี้ รับประทานอาหารคํ่า ณ ห้องอาหารของเต้นท์ที่พัก พักที่ดาร์วาซ่า เต้นท์ที่พักนักท่องเที่ยว(มีห้องอาบน้ำรวม และ ห้องน้ำแบบชักโครกรวม)***ที่พักคืนนี้ เป็นเต๊นท์สำหรับนอนพักแรม ซึ่งสามารถนอนได้ 2 ท่านต่อ 1 เต๊นท์ ในช่วงเวลากลางคืนอากาศจะค่อนข้างหนาวเนื่องจากบรรยากาศรอบข้างเป็นทะเลทราย ภายในเต๊นท์จะมีแผ่นรองนอน และถุงนอนเตรียมไว้ให้แล้ว อาหารที่รับประทานจะถูกปรุงสุกโดยไกด์ท้องถิ่นชาวเติร์กเมนิสถานในสไตล์ BBQ ทางบริษัทฯ ขอเน้นย้ำอีกครั้งถึงเรื่องของการนอนในคืนนี้***

อุทยานประวัติศาสตร์คุนยา เออร์เกนซ์ (Kunya Urgench historical site)

หลุมก๊าซดาร์วาซ่า (Darwaza Gas Crater)

บรรยากาศก่อนพระอาทิตย์ตกที่หลุมก๊าซดาร์วาซ่า (Darwaza Gas Crater)

ยามค่ำคืนที่หลุมก๊าซดาร์วาซ่า (Darwaza Gas Crater)

ภาพไฮไลท์ที่หลุมก๊าซดาร์วาซ่า (Darwaza Gas Crater)

วันที่ 17 : อาซกาบัต (Ashgabat)

• ให้ท่านได้เก็บภาพความประทับใจที่หลุมก๊าซอีกครั้งก่อนจะออกเดินทางไปต่อ
• นำท่านออกเดินทางไปยังไปใจกลาง ทะเลทราย Karakum อันแสนแห้งแล้งอีกครั้ง ระยะทาง 270 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 3-4 ชั่วโมง เพื่อเดินทางสู่ เมืองหลวงอาชกาบัต (Ashgabat) ระหว่างทางเราจะเดินทางผ่านบ่อโคลนและบ่อน้ำตามธรรมชาติ
• เมืองอาชกาบัต (Asgabat) เป็นภาษารัสเซีย มีความหมายว่า “เมืองแห่งความรัก” เป็นเมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของเติร์กเมนิสถาน มีประชากรประมาณ 1 ล้านคน อาชกาบัตตั้งอยู่ระหว่างทะเลทรายคาราคุม และเชิงเขาโคเปท แด็ก (Kopet Dag) เมืองเริ่มก่อตั้งในปี ค.ศ. 1881 มีการสร้างป้อมปราการทางทหารขนาดเล็กห่างจากหมู่บ้านไม่ไกล ต่อมาในปี ค.ศ. 1885 มีการสร้างทางรถไฟผ่านมาในพื้นที่ท้าให้เกิดชุมชนเล็กๆและขยายตัวขึ้น ต่อมาเกิดสงครามยุคล่าอาณานิคมของรัสเซีย อาชกาบัต มีที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ที่สะดวกสบาย จึงกลายเป็นจุดแลกเปลี่ยนและขนส่งสินค้าที่ส้าคัญ
• จัตุรัสเสรีภาพ (Independence Square) เป็นอนุสาวรีย์ที่แสดงเพื่อการประกาศอิสรภาพของประเทศ โดยรอบมีรูปั้นของอดีตผู้น้าของประเทศในยุคต่างๆ และมีการตกแต่งด้วยน้ำพุอย่างสวยงาม บริเวณจัตุรัสที่เป็นที่ตั้งของอาคารสำคัญๆโดยรอบ เช่น พระราชวังของประธานาธิบดีเติร์กเมนบาชิ กระทรวงยุติธรรม กระทรวงกลาโหม
• Neutrality Arch อนุสาวรีย์ใจกลางเมือง ที่สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1998 โดยคำสั่งของประธานาธิบดีคนก่อนที่ต้องแสดงให้ถึงความเป็นกลางของประเทศเติร์กเมนิสถาน
• อนุสรณ์สถานแผ่นดินไหว Earthquake Memorial ที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์สถานให้แก่ผู้ที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่อาชกาบัตรเมื่อปี ค.ศ. 1948 โดยลักษณะเด่นของที่นี่คือรูปปั้นกระทิงที่กำลังใช้เขาขวิดลูกโลก
• มัสยิด Ertogrul Gazi มัสยิดขนาดใหญ่ที่สร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงสุลต่าน Ertuğrul ผู้สถาปนาจักรวรรดิออตโตมานที่ยิ่งใหญ่ในอดีต มัสยิดแห่งนี้มีหอคอย 4 แห่งและโดมขนาดใหญ่ตรงกลาง รูปร่างกล้ายกับ สุเหร่าสีน้ำเงิน (Blue mosque) ที่อิสตันบูล
• จุดชมวิวพระราชวังงานแต่งงาน (Wedding palace viewpoint) โดยสถานที่แห่งนี้ด้านในตกแต่งอย่างสวยงามเปิดให้บุคคลภายนอกสามารถใช้จัดงานแต่งงานอันยิ่งใหญ่อลังการได้ และจากบนพระราชวังจะเป็นชุดวิวเมืองที่สวยอีกแห่งหนึ่งที่เราสามารถมาได้
• ที่พัก โรงแรม Hotel Nusay หรือเทียบเท่า

เก็บภาพความประทับใจที่หลุมก๊าซอีกครั้งก่อนจะออกเดินทางไปต่อ

หลุมก๊าซแห่งที่สอง ระหว่างทาง

เมือง Yerbent ชุมชนหลักเพียงแห่งเดียวกลางทะเลทรายคาราคุมอันแสนแห้งแล้ง

เมืองอาชกาบัต (Asgabat) เมืองแห่งหินอ่อน

Neutrality Arch อนุสาวรีย์ใจกลางเมือง

จุดชมวิวพระราชวังงานแต่งงาน (Wedding palace viewpoint)

มัสยิด Ertogrul Gazi

จัตุรัสเสรีภาพ (Independence Square)

วันที่ 18 : อาซกาบัต (Ashgabat)

• เมืองโบราณนิสา (Old Nisa) เมืองโบราณอดีตราชธานีในสมัยอาณาจักรปาเทียน ห่างจากเมืองอาชกาบัตไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ เมืองนิสาคือเมืองหลวงแห่งแรกของอาณาจักรปาเทียน ก่อตั้งขึ้นโดยกษัตริย์อาซาเซสที่ 1 (Arsaces I) ครองราชย์ในช่วง 211-250 ก่อนคริสตกาล เมืองถูกท้าลายลงจนราบคาบโดยพวกมองโกล ในช่วงศตวรรษที่ 13 ชมซากเมืองเก่าและป้อมปราการนิสา ซึ่งปัจจุบันองค์การยูเนสโก้ได้จัดให้เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมในปี ค.ศ. 2007
• ฟาร์มม้า (Akhalteke horse farm) เพื่อ ชมม้าสายพันธุ์ Akhal-Teke สายพันธุ์ที่ขึ้นชื่อในเรื่องของความแข็งแกร่งของร่างกาย ถูกใช้ในการศึกสงครามมากกว่า 3,000 ปีที่ผ่านมา อีกทั้งแต่ก่อนยังเป็นม้าสายพันธุ์เดียวกันกับที่จักรพรรดิอเล็กซานเดอร์มหาราชใช้พิชิตอาณาจักรต่างๆอีกด้วย
• มัสยิดและสุสานของเติรก์ เมนบาชิ (Spiritual Mosque and Mausoleum of Turkmenbashi) เป็นสถานที่ฝังศพของอดีตผู้น้าคนส้าคัญของประเทศ นายซาปามีรัท นิยาซอฟ (Saparmyrat Niyazov) ซึ่งถูกขนานนามเรียกว่า “เติร์กเมนบาชิ” (Turkmenbashi)
• 16.30 น. นำท่านเดินทางสู่ สนามบินนานาชาติอาชกาบัต (Ashgabat international airport)
• 18.05 น. เดินทางกลับกรุงเทพ ด้วยสายการบิน Turkmenistan airline ไฟลต์ T5 645

เมืองโบราณนิสา (Old Nisa)

มัสยิดและสุสานของเติรก์ เมนบาชิ (Spiritual Mosque and Mausoleum of Turkmenbashi)

ฟาร์มม้า (Akhalteke horse farm)

วันที่ 19 : อาซกาบัต (Ashgabat)

• 03.20 น. เดินทางถึงกรุงเทพมหานครโดยสวัสดิภาพ