ทัวร์แทนซาเนีย ส่องสัตว์ดูการอพยพครั้งยิ่งใหญ่ (Tanzania and The Great Migration)

ทัวร์แทนซาเนีย นำท่านเดินทางย้อนเวลากลับไปสู่ต้นกำเนิดของมนุษยชาติที่ “หุบเขาโอดูไว”

จากนั้นพาท่านตะลุยทุ่งหญ้าสะวันนาสู่ที่ราบ “เซเรงเกติ” บ้านของสรรพสัตว์หลายล้านชีวิต

ก่อนจะลงไปยังก้นบึ้งภูเขาไฟ “โกรงโกโร่” สถานที่ๆได้รับการยกย่องว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติของแทนซาเนีย

ครั้งหนึ่งในชีวิตกับการได้รับประสบการณ์เสมือนหนึ่งผู้พิชิตแผ่นดินแอฟริกาเมื่อหลายร้อยปีมาแล้ว

เพลิดเพลินไปกับการเดินทางแบบจัดเต็มระดับ 5 ดาว ทั้งที่พัก และอาหาร ที่จะทำให้ประสบการณ์ท่องทวีปแอฟริกาของท่านครั้งนี้

เป็นประสบการณ์ที่จะไม่มีวันลืมเลือนไปตลอดชีวิต

ช่วงเวลาเดินทาง ทัวร์แทนซาเนีย ซาฟารี (Tanzania safari) ประจำปี พ.ศ. 2567

วันที่ 5 – 14 กรกฏาคม พ.ศ. 2567

วันที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2567 : ปฐมบทการเดินทางสู่ทวีปแอฟริกา ทัวร์แทนซาเนีย

• 23.00 น. นัดพับกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ

วันที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2567 : กรุงเทพ – โดฮา (Doha) – อรุชา (Arusha)

• 02.30 น. ออกเดินทางสู่ประเทศกาตาร์ ด้วยสายการบิน Qatar Airways QR 837 (ระยะเวลาบิน 7 ชั่วโมง)
• 05.45 น. เดินทางถึงประเทศกาตาร์ สนามบินนานาชาติฮามาด (Hamad International Airport)
• พักเปลี่ยนเครื่อง 2 ชั่วโมง 15 นาที
• 08.00 น. ออกเดินทางไปยังประเทศแทนซาเนีย ด้วย สายการบิน Qatar Airways เที่ยวบินที่ QR 1476 ระหว่างเที่ยวบินท่านจะมองเห็นยอดเขาคิลิมานจาโร ยอดเขาที่สูงที่สุดของทวีปแอฟริกาในด้านฝั่งซ้ายมือของเครื่องบิน ใช้เวลาบินประมาณ 8 ชั่วโมง 20 นาที
• 16.20 น. เดินทางถึง สนามบินนานาชาติคิลิมานจาโร (Kilimanjaro international airport) ศูนย์การการบินของแทนซาเนียในด้านเหนือ ของประเทศ จากนั้นนําท่านทําวีซ่า On Arrival สําหรับเข้าประเทศแทนซาเนีย นำท่านผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร ตรงทางออกจอง ห้องโถงผู้โดยสารขาเข้า จะมีเคาท์เตอร์แลกเงินอยู่ให้ท่านได้แลกเปลี่ยน ได้ตามสะดวก
• ได้เวลานําท่านเดินทางสู่ เมืองอรุชา (Arusha) (ระยะทาง 52 ก.ม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.20 ชั่วโมง) ซึ่งถือเป็นฐานบัญชาการในการท่องซาฟารีในเขตภาคเหนือของแทนซาเนีย และเป็น เมืองที่ใหญ่เป็นอันดับ 4 ของประเทศแทนซาเนียอีกด้วย นอกจากนี้ยัง เป็นเมืองที่สามารถเห็นยอดเขาเมรุ หรือ Mount Meru ที่สูงเป็นอันดับสอง รองจากยอดเขาคิลิมันจาโร (Kilimanjaro)
• 18.00 น. โดยประมาณ เดินทางถึง เมืองอรุชา (Arusha)
• นำท่านเช็คอินที่โรงแรม และรับประทานอาหารเย็นภายในโรงแรม
• ที่พัก โรงแรม Mount Meru Hotel

วันที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2566 : อรุชา (Arusha) – อุทยานแห่งชาติทะเลสาบมันยารา (Lake Manyara National park)

• รับประทานอาหารภายในโรงแรม
• 09.00 น. จากนั้นนำท่านขึ้นรถจิ๊ป 4 WD แบบตะลุยซาฟารี สำหรับการท่องสู่ผืนป่าแห่งแทนซาเนียช่วงเวลาสายๆ เราจะมาถึง อุทยานแห่งชาติทะเลสาบมันยารา (Lake Manyara National park) (ระยะทาง 120 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง)
• นําท่านชม ทะเลสาบมันยารา (Lake Manyara) ตั้งอยู่ภายในอุทยานแห่งชาติทะเลสาบมันยาร่า และเนื่องจากนํ้าในทะเลสาบแห่งนี้ มีความลึกเพียงไม่กี่เมตรและเต็มไปด้วยสาหร่ายอันเป็นอาหารโปรดของนกฟลามิงโก้ จึงทําให้ทะเลสาบแห่งนี้มีนกฟลามิงโก้นับแสนตัว หากมองจากที่สูงจะเห็นเป็นสีชมพู นอกจากนกฟลามิงโก้แล้ว บริเวณโดยรอบทะเลสาบแห่งนี้ยังเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของนกชนิด ต่างๆ อีกมากกว่า 400 สายพันธุ์ จึงถือเป็นแหล่งดูนกที่สําคัญอีก แห่งหนึ่งของโลก
• รับประทานอาหารเที่ยงแบบ Lunch Box ภายในอุทยาน
• บ่าย นำท่านออก กิจกรรมเกมไดร์ฟ (Game Drive) ภายในอุทยานแห่งชาติทะเลสาบมันยาร่าจนถึงบช่วงบ่ายแก่ๆ จึงสมควรแก่เวลา จากนั้นพาท่านออกจากเขตอุทยานและขึ้นสู่บริเวณที่เรียก รอยแยกเกรตริฟต์วัลเลย์ (Great Rift valley) ซึ่งเป็นรอยเลื่อนของแผ่นเปลือกโลกขนาดใหญ่ในเขตแอฟริกาตะวันออก โดยนักธรณวิทยาได้คำนวณไว้ว่าในอีกหลายล้านปีข้างหน้านี้ ทวีปแอฟริกาจะแยกออกเป็นสองส่วนซึ่งจุดแยกที่ใหญ่ที่สุดก็คือ รอยแยกเกรตริฟต์วัลเลย์ นี้เอง
• ที่พัก โรงแรม Escarpment Luxury Lodge – Lake Manyara National Park ที่ตั้งอยู่บนเชิงผาบนเนินเขาจากรีสอร์ทนี้ท่านจะสามารถมองเห็นทะเลสาบมันยาร่าที่พึ่งเดินทางผ่านมาได้อย่างสวยงาม พร้อมกับรับประทานอาหารที่ภัตตาคารภายในโรงแรม (ลักษณะอาหารแบบตะวันตก + ฟิวชั่นแบบเอเชีย)
• ดูข้อมูลโรงแรมที่พัก Escarpment Luxury Lodge – Lake Manyara National Park

Escarpment Luxury Lodge – Lake Manyara National Park

รอยแยกเกรตริฟต์วัลเลย์ (Great Rift valley)

วันที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2567 : ปล่องภูเขาไฟโกรงโกโร (Ngorongoro Crater)

• เช้ารับประทานอาหารเช้าของแคมป์ (ลักษณะอาหารแบบตะวันตก)
• ช่วงเช้า นำท่านสู่จุดหมายถัดไปวันนี้จะเป็นการเดินทางกลับมายังปากปล่องภูเขาไฟโกโรงโกโร ระยะทาง 88 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 1.5 – 2 ชั่วโมง
• เราจะนำท่านเดินทางลงไปสู่ก้นบึ้งของปากปล่องภูเขาไฟที่ดับไปแล้ว ที่ซึ่งเป็นที่ตั้งของ แหล่งสงวนพันธุ์สัตว์ป่าโกรงโกโร (Ngorogoro Conservation Area) ซึ่งเรียกได้ว่า ที่สุดของซาฟารีในประเทศแทนซาเนีย ทีนี่เรียกว่าปากปล่องก็จริงแต่ด้วยขนาดที่ใหญ่มากความกว้างของปากปล่องถึงกว่า 20 กิโลเมตร ทำให้ก้นพื้นเบื้องล่างกลายเป็นที่ราบขนาดใหญ่ ที่มีดินอุดมสมบูรณ์ มีแหล่งน้ำตลอดทั้งปี ทำให้สัตว์ที่นี่ไม่มีฤดูกาลอพยพเหมือนที่อื่นๆ
• แต่ด้วยความสูงชันของปากปล่องทำให้สัตว์ส่วนใหญ่ไม่สามารถย้อนกลับขึ้นด้านบนได้อีก ความหนาแน่นของสัตว์จึงเหมือนถูกจำกัดในพื้นที่แคบๆ เราจึงมีโอกาสที่จะพบเห็นสัตว์ต่างๆจำนวนมาก ได้แทบจะทุกวินาที ท่ามกลางบรรยากาศที่เย็นสบายของที่ราบสูงภูเขาไฟแห่งนี้ครับ นอกจากนี้โกรงโกโร่ ยังถือเป็นหนึ่งในพื้นที่ๆมีความหนาแน่นของฝูงสิงโตต่อหนึ่งตารางกิโลเมตรที่มากที่สุดในโลก ตรงกลางปากกล่องมีทะเลสาบที่มีเป็นที่อยู่ของฝูงนกฟลามิงโก้อีกด้วยเช่นกัน
• รับประทานอาหารกลางวันแบบ Lunch box (เป็น Sandwich, เค๊ก, น้ำผลไม้ และ กล้วยหอม)
• สถานที่แห่งนี้ได้รับการยกย่องให้แหล่งสงวนพันธุ์สัตว์ป่าโกรงโกโร มรดกโลกทางธรรมชาติ (World Heritage Site) จาก UNESCO เมื่อปี ค.ศ. 1979 ซึ่งก่อนหน้านั้นได้รับการจัดตั้งให้เป็นเขตอนุรักษ์เมื่อปี ค.ศ. 1959 เพื่อให้เป็นเขตสำหรับการใช้ที่ดินอย่างเป็นระบบ และอยู่ในการดูแลควบคุมอย่างใกล้ชิด โดยมีสัตว์ป่านานาชนิดอาศัยอยู่ มีระบบนิเวศน์ที่สมบูรณ์ และมีชนเผ่ามาไซ (Maasai) เพียงเผ่าเดียวที่ได้รับอนุญาตเข้าไปทำเกษตรกรรมและเลี้ยงสัตว์ได้
• กิจกรรมเกมไดรพ์ (Game Drive)
• นำท่านเช็คอินเข้าที่พัก โรงแรม Ngorongoro Serena Lodge ที่ตั้งอยู่บนเชิงผาริมปากปล่องภูเขาไฟ ที่สามารถมองลงยังก้นบึ้งดูฝูงสัตว์ใช้ชีวิตได้อย่างงดงาม พร้อมกับรับประทานอาหารที่ภัตตาคารภายในโรงแรม (ลักษณะอาหารแบบตะวันตก) ***ในที่พักคืนนี้ ไฟฟ้าของทั้งรีสอร์ทจะดับทั้งหมดในช่วงระยะเวลา 23.00 – 06.00 ในทุกๆวัน***
• ดูข้อมูลโรงแรมที่พัก Ngorongoro Serena Lodge

ครอบครัวช้างป่าแอฟริกาที่ทุ่งหญ้าเหนือที่ราบสูงโกรงโกโร่

แรดดำ (Black Rhino) หนึ่งในสัตว์ที่เสี่ยงต่อการใกล้สูญพันธ์อย่างยิ่ง

ปล่องภูเขาไฟโกรงโกโร (Ngorongoro Crater)

วันที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2567 :หุบเขาโอดูไว (Olduvai Gorge) – อุทยานแห่งชาติเซเรงเกติ (Serengeti National park) ฝั่งเหนือ North Side

• เช้ารับประทานอาหารเช้าของโรงแรม (ลักษณะอาหารแบบตะวันตก) ชมวิวยามเช้าบนปากปล่องที่สวยงาม
• ออกเดินทางออกจากทะเลสาบที่ราบสูงโกรงโกโร่ (Ngorongoro Highland) ซึ่งตั้งอยู่ที่ระดับความสูงโดยเฉลี่ย 2,000 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ที่ราบสูงแห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผ่นดินที่ยกจากผลของริฟต์วัลเลย์ ที่นี่มีป่าดิบชื้นขนาดใหญ่ อากาศเย็น จนท่านจะไม่เชื่อสายตาว่าที่นี่คือแอฟริกาจริงๆหรือ
• นำท่าน เข้าชมวิถีชีวิตของชนเผ่ามาไซ (Massai) ที่ หมู่บ้านมาไซ (Massai Boma) ซึ่งท่านจะได้มีโอกาสได้ร่วมกิจกรรมร้องขับเพลง และเต้นแบบชนเผ่าท้องถิ่นไปกับชนเผ่ามาไซ หนึ่งในชนเผ่าที่เป็นทีรู้จักมากที่สุดของโลกใบนี้ด้วยเอกลักษณ์ของเสื้อผ้าสีแดงคุมโทน
• รับประทานอาหารกลางวันแบบ Lunch box (เป็น Sandwich, เค๊ก, น้ำผลไม้ และ กล้วยหอม)
• ระหว่างทางท่านจะผ่านเขตของที่อยู่ของชนเผ่ามาไซที่มีวิถีชีวิตแบบเร่ร่อนและขึ้นอยู่กับปศุสัตว์เท่านั้น จากนั้นเราจะผ่านบริเวณที่เรียกว่า หุบผาโอดูไว (Olduvai gorge) หนึ่งสถานที่อันเป็นต้นกำเนิดของอารายธรรมมนุษย์ ที่ซึ่งได้มีการขุดค้นพบโครงกระดูกมนุษย์โบราณจำนวนมากที่อายุหลายล้านปีก่อน ที่นี่เป็นพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งที่มีความสำคัญทางโบราณคดีมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
• เดินทางสู่ ทุ่งหญ้าเซเรงเกติด้านทิศเหนือ (North Serengeti) ซึ่งคาดการณ์ว่าจะเป็นจุดรวมของฝูงสัตว์ในเวลานี้ ระยะทางประมาณ 180 กิโลเมตร
• เดินทางถึง เขานาบาย (Naabi hill) ที่ทำการเขตอุทยานแห่งชาติเซเรงเกติ จากจุดนี้ไป ท่านจะตื่นตาตื่นใจกับความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติ ที่ราบเซเรงเกติ อุทยานแห่งชาติเซเรงเกติ (Serengeti National Park) คำว่า เซเรงเกติ มาจากคำว่า ไซรินกิตู (Siringitu) ในภาษามาไซ ซึ่งหมายถึง “แผ่นดินที่ไม่มีที่สิ้นสุด” (Endless plain) ชื่อนี้ได้มาเนื่องจากความกว้างใหญ่ที่ดูเหมือนไม่มีที่สิ้นสุดของที่ราบแห่งนี้
• ที่นี่เป็นอุทยานที่ท่านจะได้เห็นการย้ายถิ่นฐานของฝูงสัตว์ป่านับล้านตัวที่รู้จักในนาม “Great Migration”
• จากนั้นนําท่านทํากิจกรรม เกมไดร์ฟ (Game Drive) หรือนำท่านออกชมสัตว์ต่างๆในทุ่งหญ้าอันกว้างใหญ่ของเซเรงเกติ (Game Drive) ท่านอาจมีโอกาสเห็นฝูงสิงโตกำลังกินควายป่า หรือ วิลเดอบีสต์ นอกจากนี้เป็นช่วงที่ท่านจะได้ชมการเดินทางของฝูงวิลเดอร์บีช ม้าลาย และสัตว์ป่านานาชนิดนับล้านตัวที่จะมีการย้ายถิ่นฐานในแต่ละเดือน ให้ท่านได้เก็บภาพความน่าอัศจรรย์ของฝูงสัตว์ป่า และทัศนียภาพของภูมิประเทศแห่งแทนซาเนีย
• ที่พลาดไม่ได้คือ การนั่งรถเปิดหลังคาตะลุยป่าเพื่อตามหาเหล่า Big 5 เป้าหมายของนักท่องเที่ยวที่มาเยือนแทนซาเนีย คือ สิงโต เสือดาว แรด ช้าง และ ควายป่า ที่ใช้ชีวิตอยู่ตามธรรมชาติ ระบบนิเวศของที่นี่คือสิ่งที่เป็นไปโดยไม่มีการแทรกแซงจากมนุษย์ ภาพของการล่าเหยื่อผู้น่าสงสัย หรือภาพการพรากลูกจากแม่โดยสัตว์นักล่าเป็นภาพที่เกิดขึ้นได้อย่างชินตา
• หลังจากนั้นนำท่านเช็คอินเข้าที่พัก แคมป์ Serengeti Mara River ซึ่งเป็นแคมป์พักแรม ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกให้ท่านได้พักผ่อนกลางผืนป่าอย่างสมบูรณ์ ที่นี่เป็นตำแหน่งที่พักที่ดีที่สุดในการดูสัตว์ป่าในเขตด้านเหนือของเซเรงเกติ พร้อมรับประทานอาหารที่ภัตตาคารภายแคมป์ (ลักษณะอาหารแบบตะวันตก) ***ที่พักในคืนนี้เป็นเต๊นท์ และอยู่กลางซาฟารี นั่นหมายถึงว่า ในช่วงเวลากลางคืน มีโอกาสสูงมากที่จะมีสัตว์ผ่านมาจนเราสามารถรับรู้ได้ หรือบางครั้งอาจจะมาใช้ชีวิตอยู่ติดกับผนังด้านนอกเต๊นท์นั่นเองครับ***
• ดูข้อมูลแคมป์ที่พัก Seregenti Mara River Camp

ชนเผ่ามาไซ (Masai) แห่งโกรงโกโร่

หุบผาโอดูไว (Olduvai gorge)

เต๊นท์ที่พักกลางซาฟารี

สิงโตกำลังนอน

วันที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2567 : เฝ้าดูการอพยพครั้งยิ่งใหญ่ (The Great Migration) – ฉากฝูงสัตว์ข้ามแม่น้ำมารา (Mara River Crossing) – เซเรงเกติ ด้านเหนือ

• เช้ารับประทานอาหารเช้าของแคมป์ (ลักษณะอาหารแบบตะวันตก)
• ไฮไลท์ที่สำคัญที่สุดของวันนี้คือ ท่านอาจมีโอกาสได้เห็นการเดินทางของฝูงวิลเดอบีสต์ ม้าลาย และสัตว์ป่านานาชนิดนับล้านๆตัวที่กำลังอยู่ในช่วงของการย้ายถิ่นฐานครั้งยิ่งใหญ่ หรือที่เรียกว่า “The Great Migration” ซึ่งจุดประสงค์ของการอพยพครั้งนี้คือการหนีภัยแล้งที่ทำให้ขาดแคลนอาหารทางด้านใต้ของแทนซาเนียมาสู่ภาคเหนือ ณ จุดที่เราอยู่ ก่อนที่จะข้ามพรมแดนไปยังประเทศเคนยาในเดือนถัดไปที่ อุทยานแห่งชาติมาไซ มารา (Masai Mara National park)
• รับประทานอาหารกลางวัน ณ ที่พัก หรือ เป็น lunch box ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ณ วันนั้นๆ
• เราจะพาท่านเดินทางสู่ แม่น้ำมารา (Mara river) เพื่อชมฉากสุดคลาสสิคของการภาพซาฟารีในความทรงจำของคนทุกคนที่เห็นจากภาพยนตร์สารคดีของ National Geographic นั่นคือ “ฉากฝูงสัตว์ข้ามแม่น้ำ” (Mara river crossing) ซึ่งเป็นวินาทีไคลแมกซ์ที่เราอาจจะได้เห็น ฝูงม้าลาย อิมพาลา หรือ วิลเดอบีสต์ ที่จำเป็นต้องข้ามแม่น้ำเพื่อไปยังพื้นที่หากินแห่งใหม่ แต่กลับพบว่ามีสัตว์นักล่าซ่อนตัวอยู่ใต้ผิวน้ำนั่นคือ จระเข้แอฟริกา นั่นเองครับ ฉากการล่าเหยื่ออันน่าตื่นเต้นจะปรากฎสู่สายตาเรา ณ เวลานั้น ถ้าหากโอกาสทุกอย่างอำนวย
• หลังจากนั้นนำท่านเช็คอินเข้าที่พัก แคมป์ Serengeti Mara River Camp ซึ่งเป็นแคมป์พักแรม ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกให้ท่านได้พักผ่อนกลางผืนป่าอย่างสมบูรณ์ ที่นี่เป็นตำแหน่งที่พักที่ดีที่สุดในการดูสัตว์ป่าในเขตด้านเหนือของเซเรงเกติ พร้อมรับประทานอาหารที่ภัตตาคารภายในแคมป์ (ลักษณะอาหารแบบตะวันตก)

ฉากฝูงสัตว์ข้ามแม่น้ำ” (Mara river crossing)

ฉากฝูงสัตว์ข้ามแม่น้ำ” (Mara river crossing) ของวีลเดอะบีสต์

วันที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2567 : เซเรงเกติ ภาคกลาง (Central Serengeti)

• เช้ารับประทานอาหารเช้าของแคมป์ (ลักษณะอาหารแบบตะวันตก)
• กิจกรรม Game drive ในช่วงเช้า
• เช็คเอาท์ออกจากที่พัก เดินทางสู่ Seronera ศูนย์กลางของภาคกลางของเซเรงเกติ ระยะทางประมาณ 80 กิโลเมตร
• กิจกรรมเกมไดรฟ์ในช่วงช่วงบ่าย
• หลังจากนั้นนำท่านเช็คอินเข้าที่พัก แคมป์ Tanzania Bush Camp (Central Serengeti) ซึ่งเป็นแคมป์พักแรม ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกให้ท่านได้พักผ่อนกลางผืนป่าอย่างสมบูรณ์ ที่นี่เป็นตำแหน่งที่พักที่ดีที่สุดในการดูสัตว์ป่าในเขตด้านเหนือของเซเรงเกติ พร้อมรับประทานอาหารที่ภัตตาคารภายในแคมป์ (ลักษณะอาหารแบบตะวันตก)
• ดูข้อมูลที่พัก Tanzania Bush Camp (Central Serengeti)

ฝูงม้าลาย

ครอบครัวชีต้าร์

วันที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2567 : เซเรงเกติ (Serengeti) – อรุชา (Arusha)

• เช้ารับประทานอาหารเช้าของแคมป์
• 10.00 น. เดินทางสู่ Seronera Airstrip
• 11.00 น. เดินทางด้วยสายการบิน Auric Air ไฟลต์บิน UI613 เครื่องบินเล็กชนิด CESSNA GRAND CARAVAN C208B & C208B EX เดินทางสู่เมืองอรุชา
• 12.30 น. เดินทางถึงสนามบินเมืองอรุชา (Arusha Airport)
• เมืองอรุชา (Arusha) ซึ่งถือเป็นฐานบัญชาการในการท่องซาฟารีในเขตภาคเหนือของแทนซาเนีย และเป็น เมืองที่ใหญ่เป็นอันดับ 4 ของประเทศแทนซาเนียอีกด้วย นอกจากนี้ยัง เป็นเมืองที่สามารถเห็นยอดเขาเมรุ หรือ Mount Meru ที่สูงเป็นอันดับสอง รองจากยอดเขาคิลิมันจาโร (Kilimanjaro)
• รับประทานอาหารเที่ยง
• ท่องเที่ยวภายในเมืองอรุชา
  • พิพิธภัณฑ์ป้อมทหารเยอรมัน (German Boma) ซึ่งในอดีตเป็นที่ทำการของกองทัพในช่วงจักรวรรดินิยม ส่วนหนึ่งของสงครามที่เรียกว่า “The Scramble” ซึ่งภายในจะมีอาคารโบราณที่ยังคงอนุรักษ์ให้เห็นถึงบรรยากาศในสมัยเมื่อเกือบ 200 ปีที่ผ่านมา รวมถึงยังมีพิพิธภัณฑ์มานุษยวิทยาให้เราได้ศึกษา
  • หมู่บ้านศิลปะวัฒนธรรมของแทนซาเนีย (Cultural Village) ซึ่งเป็นสถานที่ที่มีการจําหน่ายสินค้าพื้นเมืองและพลอยของแทนซาเนีย
  • ตลาดชนเผ่ามาไซ (The Maasai market) สถานที่เลือกซื้อของฝากท้องถิ่นจากชาวมาไซโดยตรง
• นําท่านเช็คอินเข้าสู่ที่พักที่ โรงแรม Mount Meru จากนั้นให้ท่านได้มีโอกาสพักผ่อนตามอัธยาศัยหลังจากเดินทางเหนื่อยมาตลอดทั้งวัน
• รับประทานอาหารเย็นภายในที่พัก
• ดูข้อมูลโรงแรมที่พัก Mount Meru

ยอดเขาคิลิมานจาโร (Kilimanjaro) ยอดเขาที่สูงที่สุดของทวีปแอฟริกา

วันที่ 13 กรฏาคม พ.ศ.2567 : อรุชา – โดฮา

• รับประทานอาหารเช้าภายในโรงแรม
• ช่วงเช้า  นำท่านเที่ยวชมบรรยากาศเมืองอรุชา ที่เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ ณ ระดับความสูง 1,400 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล ทำให้เมืองอรุชา เป็นเมืองที่มีอากาศเย็นตลอดทั้งปี เมืองอรุชา (Arusha) เป็นเมืองที่เป็นแหล่งของพลอยแทนซาไนท์อันเป็นที่มาของชื่อประเทศ นำท่านชมสถานที่น่าสนใจต่างๆภายในเมืองอรุชาดังนี้
• ศูนย์การประชุมนานาชาติอรุชา (Arusha International Conference Centre) ที่นี่คือสถานที่ๆมีชื่องเสียงที่สุดของเมืองอรุชา นอกเหนือจากการเป็นศูนย์ประชุมนานาชาติที่รับรองแขกได้มากถึง 1,000 คน รวมถึงระบบการแปลภาษาได้ถึง 12 ภาษาสําหรับการประชุมแล้ว ที่นี่ยังเป็นสถานที่ๆใช้ตัดสินคดีฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวรวันดา (The United Nations International Criminal Tribunal for Rwanda) (UN-ICTR) และเป็นที่ตั้งของสํานักงานประชาคมแอฟริกาตะวันออก The East African Community (EAC)
• 14.00 น. นำท่านสู่ สนามบินนานาชาติคิลิมานจาโร (Kilimanjaro International Airport)
• 17.25 น. ออกเดินทางสู่ประเทศกาตาร์ ด้วยสายการบิน Qatar Airways QR1476 (ระยะเวลาบิน 5 ชั่วโมง 25 นาที)
• 22.50 น. เดินทางถึงประเทศกาตาร์ สนามบินนานาชาติฮามาด (Hamad International Airport)
• พักเปลี่ยนเครื่อง 2 ชั่วโมง 20 นาที

วิวภูเขาเมรุจากเมืองอรุชา

วันที่ 14 กรฏาคม พ.ศ.2566 : โดฮา – กรุงเทพ

• 01.10 น. ออกเดินทางสู่ กรุงเทพ (Bangkok) โดย สายการบินกาตาร์แอร์เวย์ (Qatar Airways) เที่ยวบิน QR 0834  ระยะเวลาเดินทาง 7 ชั่วโมง 10 นาที
• 12.20 น. เดินทางถึงกรุงเทพโดยสวัสดิภาพ