ทัวร์อเมริกาใต้ บราซิล เปรู ชิลี อาร์เจนตินา

31 มีนาคม – 22 เมษายน พ.ศ. 2566

ทัวร์อเมริกาใต้ครบสูตร 4 ประเทศ เปรู ชิลี อาร์เจนตินา บราซิล

จุดเด่นของทริป

• เยือน มาชูพิคชู และ รูปปั้นพระเยูคริสต์ 2 จาก 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคปัจจุบัน
• เยือน พาตาโกเนีย ดินแดนธรรมชาติอันสุดแสนบริสุทธิ์
• เที่ยวน้ำตกอิกวาซูแบบครบสูตร จัดเต็มทั้ง 2 ฝั่งประเทศ
• ปิดท้ายที่เมืองริโอเดอจาเนโร สุดยอดแห่งสีสรรของทวีปอเมริกาใต้

31 มีนาคม พ.ศ. 2565 วันที่ 1 : กรุงเทพฯ – อัมสเตอร์ดัม (Amsterdam)

• 08.30 น. นัดหมายพบกันที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารขาออก ชั้น 4 เคาท์เตอร์สายการบิน KLM(Royal Dutch Airlines)
• 12.05 น. เดินทางออกจากประเทศไทย โดยสายการบิน KLM  เที่ยวบิน KL0876 ให้ท่านได้เพลิดเพลินกับอาหารและสิ่งอํานวยความสะดวกบนเครื่องบิน (ระยะเวลาบินประมาณ 11 ชั่วโมง 30 นาที)
• 18.45 น. เดินทางถึง สนามบินสกิบโฮล (Schiphol International Airport) ประเทศเนเธอร์แลนด์ หลังจากนั้นนาท่านผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง
• ที่พัก Mercure Schiphol Terminal Hotel ตั้งอยู่ใน transit hall  ใช้ transit visa ของประเทศเนเธอร์แลนด์
• อาหาร เช้า / เที่ยง / เย็น ตามอัธยาศัย

สนามบิน Schiphol

1 เมษายน พ.ศ.2566 วันที่ 2 : อัมสเตอร์ดัม (Amsterdam) – ลิมา (Lima)

• 12.35 น. เดินทางออกจากเนเธอร์แลนด์โดยสายการบิน KLM  เที่ยวบิน KL0743 ให้ท่านได้เพลิดเพลินกับอาหารและสิ่งอํานวยความสะดวกบนเครื่องบิน (ระยะเวลาบิน 12 ชั่วโมง) รับประทานอาหารเที่ยงระหว่างเดินทางบนเครื่องบิน
• 18.05 น. เดินทางถึง สนามบินฮอร์เฮ ชาเวส (Jorge Chavez International Airport) เมืองลิม่า (Lima) ประเทศเปรู
• 19.00 น. นำท่านเดินทางไปโรงแรมเพื่อพักผ่อนตามอัธยาศัยจากการต่อเครื่อง (โรงแรมตั้งอยู่ตรงข้ามสนามบินในระยะเดิน 50 เมตร)
• รับประทานอาหารเย็น ภายในภัตตาคารโรงแรม
• ที่พัก  Costa del Sol Wyndham Lima Airport ห้องพักแบบ Standard room หรือเทียบเท่า*

เมืองลิม่า (Lima) ประเทศเปรู

2 เมษายน พ.ศ.2566 วันที่ 3 : ซาเครส วัลเล่ย์ (Sacred Valley)

• รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม
• 09.10 น. นำท่านเดินทางสู่ สนามบินฮอร์เฮ ชาเวส (Jorge Chavez International Airport) เพื่อเดินทางต่อไปยังเมือง กุสโก (Cusco) โดยสายการบิน LATAM เที่ยวบิน LA2047 ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง 20 นาที
• 10.45 น. เดินทางถึงสนามบินอเลฮานโดร เวลาสโก อเตเต (Alejandro Velasco Astete Airport) เมืองกุสโก
• เดินทางมายังตลาดท้องถิ่น Pisac Indian market ชมวิถีชีวิตของชาวท้องถิ่น
• รับประทานอาหารเที่ยง ณ Tawa Restaurant
• หลังจากนั้นเดินทางต่อมายัง หมู่บ้านโอลานเทย์ทัมโบ (Ollantaytambo) สถานที่ที่มีโครงสร้างตึกซับซ้อนมากมายของอณาจักรอินคา หมู่บ้านโอลานเทย์ทัมโบเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงในการทำนาขั้นบันไดและเป็นเมืองป้อมปราการที่ดี แถมยังเป็นศูนย์กลางทางศาสนา หมู่บ้านโอลานเทย์ทัมโบเป็นเมืองแห่งเดียวของชาวอินคาที่ยังมีคนอาศัยอยู่และยังเป็นตัวอย่างการวังแผนผังเมืองที่ดีของชาวอินคา ถนนที่ปูด้วยหินนั้นมีมาตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 13 และยังคงใช้อยู่ในปัจจุบัน
• รับประทานอาหารเย็นภายในโรงแรม
• ที่พัก Casa Andina Valle Sagrado Hotel Villas ห้องพักแบบ Standard room หรือเทียบเท่า*

หมู่บ้านโอลานเทย์ทัมโบ (Ollantaytambo)

3 เมษายน พ.ศ.2566 วันที่ 4 : มาชู ปิกชู (Machu Picchu)

• รับประทานอาหารเช้า ณ ที่พัก
• 08.00 น. เดินทางสู่สถานีรถไฟโอลานเทย์ทัมโบ เพื่อเดินทางต่อไปยัง หมู่บ้านอากวาซ คาลิอันเตส (Aguas Calientes) เพื่อไปเยี่ยมชมมาชูปิกชู ซึ่งจะเดินทางด้วยรถไฟโดนทุกท่านสามารถนำสัมภาระติดตัวไปได้ ไม่เกิน 10 กิโลกรัม กรณีเป็นกระเป๋าลาก Carry-on ไซส์ไม่เกิน 22 นื้ว โดยรถตู้จะนำกระเป๋าสัมภาระใบใหญ่กับไปฝากที่โรงแรมในกุสโกให้ล่วงหน้า*
• 09.15 น. เดินทางสู่ หมู่บ้านอากวาซ คาลิอันเตส (Aguas Calientes) ด้วยรถไฟขบวนที่ 13 (Vistadome train #31) ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง
• 10.52 น. รถไฟถึงสถานี อากวาซ คาลิอันเตส (Aguas Calientes) หลังจากนั้นเดินทางต่อด้วยรถบัสของอุทยานเดินทางสู่มาชูพิคชู (ระยะทาง 7 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 15 นาที)
• รับประทานอาหารเที่ยง ณ Tinkuy restaurant
• บ่าย เดินทางสู่ มาชูปิกชู (Machu Picchu) เมืองที่สาบสูญแห่งอาณาจักรอินคา ที่ระดับความสูงกว่า 2,400 เมตรเหนือระดับนํ้าทะเล หนึ่งในสถานที่ที่มีชื่อเสียงที่สุดของ สถาปัตยกรรมของชาวอินคาที่ถูกล้อมรอบด้วยป่าเมฆที่เขียวชอุ่มที่ ซึ่งเพิ่งถูกค้นพบ โดยนักสํารวจชาวอเมริกันที่ชื่อว่า Hiram Bingham เมื่อปี 1911
• มาชูปิกชู สถานที่ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นสถาปัตยกรรมที่สำคัญของโลก ด้วยการนำหินขนาดใหญ่มาสร้างเป็นบ้านเรือนและวิหารโดยที่ไม่มีการใช้ปูนหรือสลักในการเชื่อมต่อหินแต่ละก้อน และบ้านเรือนและวิหารเหล่านี้ยังคงอยู่มาจนถึงปัจจุบัน
• ***เวลาในการเดินทางเข้ามาชูพิคชู จะขึ้นกับสถานการณ์ในวันนั้นๆ***
• หลังจากได้เวลาอันสมควร เดินทางกลับลงมายังหมู่บ้านอากวาซ คาลิอันเตส (Aguas Calientes)
• ที่พัก El Mapi Inkaterra ห้องพักแบบ Standard room หรือเทียบเท่า*
• รับประทานอาหารเย็นภายในโรงแรม

รถไฟสู่มาชูปิกชู (Machu Picchu)

มาชูปิกชู (Machu Picchu)

มาชูปิกชู (Machu Picchu)

ฮวานน่าปิกชู (Huayna Picchu)

4 เมษายน พ.ศ.2566 วันที่ 5 : ชินเชโร (Chinchero) – มาราซ (Maras) – โมเรย์ (Moray) – คุสโก (Cusco)

• รับประทานอาหารเช้าภายในที่พัก
• 10.00 น. ออกเดินทางสู่สถานีรถไฟประจำเมือง
• 10.55 น. เดินทางสู่หมู่บ้านโอลานเทย์ทัมโบ ด้วยรถไฟขบวนที่ 302 (Vistadome train #302) ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที
• 12.30 น. เดินทางถึงหมู่บ้านโอลานเทย์ทัมโบ
• รับประทานอาหารเที่ยง ที่ Tunupa Valle restaurant
• นำท่านเดินทางไปยังชมหุบเขาศักดิ์สิทธิ์ โดยจะผ่านหมู่บ้านชินเชโร (Chinchero), มาราซ (Maras), โมเรย์ (Moray)
  • หมู่บ้านชินเชโร (Chinchero) ที่เป็นหมู่บ้านที่สำคัญแห่งหนึ่งของชาวอินคา ซึ่งเราจะสามารถพบเห็นชาวบ้านที่ยังแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าทอท้องถิ่นสีสันสดใสแบบโบราณของชาวแอนดีส
  • มาราซ (Maras) แหล่งผลิตเกลือที่คุณภาพดีที่สุดในโลก ที่มีมาตั้งแต่สมัยอินคา แนวนาขั้นบันไดที่เรียงอยู่ตามลำดับความสูงของภูเขา
  • โมเรย์ (Moray) นาขั้นบนไดวงกลมขนาดใหญ่หลายๆวงรูปร่างแปลกตาที่ชาวอินคาทำไว้เพื่อทดลองปลูกพืชพันธุ์ต่างๆ จากจุดนี้ท่านสามารถมองเห็น หมู่บ้านอูรุมบัมบา (Urubamba)ได้อีกด้วย
• ได้เวลาอันสมควรเดินทางกลับเมืองคุสโก ใช้ระยะเวลาประมาณ 1.5 ชั่วโมง
• เย็น เดินทางถึง เมืองคุสโก (Cusco) เมืองหลวงของอาณาจักรอินคา ที่แพร่ขยายอำนาจจนกินพื้นที่ 1 ใน 3 ของอเมริกาใต้ ตั้งอยู่เหนือระดับน้ำทะเลถึง 3,400 เมตร และเป็นแหล่งอารยธรรมยุคก่อนประวัติศาสตร์ที่ลึกลับน่าทึ่ง เป็นชุมชนเก่าแก่ของจักรวรรดิอินคาอันรุ่งเรือง ซึ่งยังคงทิ้งร่องรอยความเจริญไว้ให้เห็นเป็นซากปรักหักพักโบราณและโบราณวัตถุต่างๆ
• ที่พัก Novotel Cusco ห้องพักชนิด Standard room หรือเทียบเท่า*
• รับประทานอาหารเย็น ที่ Tunupa Cusco

มาราซ  (Maras) เหมืองเกลือที่มีมาตั้งแต่สมัยอินคา

โมเรย์ (Moray) นาขั้นบนไดวงกลมขนาดใหญ่ที่ชาวอินคาทำไว้เพื่อทดลองปลุกพืชพันธุ์ต่างๆ

5 เมษายน พ.ศ.2566 วันที่ 6 : คุสโก (Cusco) 

• รับประทานอาหารเช้า ภายในที่พัก
• ช่วงเช้าจะมีเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกนำท่านไปออกวีซ่าโบลิเวีย จากนั้นช่วงบ่ายเยี่ยมชมเมืองคุสโกซึ่งเป็นหนึ่งในเมืองมรดกโลกของ UNESCO โดยจะเริ่มต้นที่  ตลาดซาน เปโดร (San Pedro) ตลาดท้องถิ่นที่จะชวนให้คุณหลงมนตร์เสน่ห์สัมผัสกับอาหารท้องถิ่น และวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวกุสโก
• เข้าชม วิหาร Koricancha วิหารแห่งดวงอาทิตย์ของชาวอินคาซึ่งปัจจุบันกลายเป็นโบสถ์ที่สร้างทับวิหารเดิมในยุคล่าอาณานิคมของชาวยุโรป จากนั้นเยี่ยมชมจัตุรัสกลางเมือง โบสถ์คุสโก ที่เป็นสิ่งก่อสร้างสำคัญทางศาสนาประจำเมือง พบกับที่สุดกับงานศิลปะทางหินของชาวอินคาได้ที่
• รับประทานอาหารเที่ยง ณ Limo restaurant
• จากนั้นเดินทางสู่ ป้อมปราการ Sacsayhuaman สถาปัตยกรรมของชาวอินคา และ Kenko สถานที่สำหรับบูชาดวงอาทิตย์ดวงจันทร์และดวงดาว
• เดินทางต่อไปยัง Plaza de Armas จัตุรัสกลางเมืองที่เป็นศูนย์กลางของโบสถ์ที่สำคัญของเมืองกุสโก
• รับประทานอาหารเย็น ณ Kion Chinese restaurant
• ที่พัก Novotel Cusco ห้องพักชนิด Standard room หรือเทียบเท่า*

Plaza de Armas จัตุรัสกลางเมืองที่เป็นศูนย์กลางของโบสถ์ที่สำคัญของเมืองกุสโก

คุสโกซึ่งเป็นหนึ่งในเมืองมรดกโลกของ UNESCO

6 เมษายน พ.ศ.2566 วันที่ 7 : กุสโก (Cusco) – ซานติอาโก้ (Santiago)

• รับประทานอาหารเช้า ณ ที่พัก
• เดินทางไปยัง สนามบินอเลฮานโดร เวลาสโก อเตเต (Alejandro Velasco Astete Airport) เมืองกุสโก
• 12.20 น. ออกเดินทางไปยัง ลิมา เที่ยวบิน LA2016 ระยะเวลาบิน 1 ชั่วโมง 20 นาที
• ***อาหารเที่ยง รับประทานตามอัธยาศัย***
• 13.40 น. เดินทางถึง ลิมา พักเปลี่ยนเครื่อง 2 ชั่วโมง 20 นาที
• 16.00 น. ออกเดินทางไปยังเมืองซานติอาโก้ ประเทศชิลี โดยสายการบิน LATAM เที่ยวบิน LA651 (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง 25 นาที)
• 20.25 น. เดินทางถึง สนามบินอาร์ตูโร่ เมริโน เบนิเตซ (Arturo Merino Benítez Airport) เมืองซานติอาโก้ ประเทศชิลี
• นำท่านเดินทางเข้าที่พัก
• รับประทานอาหารเย็น ณ ภัตตาคารระหว่างทาง
• ที่พัก โรงแรม Plaza San Francisco ห้องพักชนิด Standard room หรือเทียบเท่า

มหาวิหารแห่งซานเตียโก (Cathedral of Santiago)

7 เมษายน พ.ศ.2566 วันที่ 8 : ซานติอาโก้ (Santiago)

• รับประทานอาหารเช้า ณ ที่พัก
• ชมความยิ่งใหญ่ของ เมืองซานเตียโก (Santiago) เมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของ ประเทศชิลี ที่ระดับความสูง 520 เมตร ในหุบเขาตอนกลางของประเทศ และเป็นส่วนหนึ่งของแคว้นซานเตียโกเมโทรโพลิแทน หรึ่งในเมืองที่ทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่งในละตินอเมริกา ที่มีระบบโครงสร้างพื้นฐานที่ดีที่สุดแห่งหนึ่ง เช่น ซานเตียโกเมโทร (Santiago Metro) และระบบใหม่ “โกสตาเนรานอร์เต” (Costanera Norte) เป็นระบบขนส่งของย่านกลางกรุง เชื่อมระหว่างด้านตะวันออกสุดไปด้านตะวันตกสุดของเขตเมืองภายในเวลา 15 นาที
• ชม ย่านเบอร์นาโด โอ ฮิกกิ้น อเวนิว (Bernardo O Higgins Avenue) หรือที่ชาวชิลีรู้จักในนาม La Alameda ถนนสายหลักของเมืองซานเตียโก ซึ่งเป็นย่านเมืองเก่าที่ยังคงความคลาสสิคอันน่าหลงใหล
• รับประทานอาหารเที่ยง
• ชม ศาลาว่าการเมือง (Santiago city hall) ผ่านย่านจตุรัสพลาซ่า เดอะ อาร์ม(Plaza De Arm)
• เข้าชม มหาวิหารแห่งซานเตียโก (Cathedral of Santiago) เป็นมหาวิหารที่สร้างด้วยศิลปะแบบนีโอคลาสสิค แวะถ่ายรูปด้านหน้าของพระราชวังโมนิดา (La Moneda Palace) หรือทำเนียบประธานาธิบดีของประเทศชิลีในปัจจุบัน ซึ่งใช้เป็นสถานที่ราชการของกระทรวงต่างๆของประเทศชิลี พระราชวังแห่งนี้ออกแบบโดย โจแอนควิน โทเอากา สถาปนิกชาวอิตาเลี่ยน แบบสถาปัตยกรรมนีโอคลาสสิค โดยนักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมและถ่ายรูปบริเวณลานด้านหน้าได้  เสาโรมันขนาดใหญ่บริเวณซุ้มประตู ความสวยงามและเก่าแก่ของพระราชวังแห่งนี้ยังได้รับการขึ้นทะเบียนจากองค์การยูเนสโก้ อีกด้วย
• รับประทานอาหารเย็น พร้อมรับชมโชว์ Bali Hai
• ที่พัก Plaza San Francisco Hotel ห้องพักชนิด Standard room หรือเทียบเท่า*

Plaza de Armas, Santiago

8 เมษายน พ.ศ.2566 วันที่ 9 : ซานติอาโก้ (Santiago) – ปุนตาอาเรนัส (Punta Arenas) – เปอร์โตนาตาเลส (Puerto Natales)

• รับประทานอาหารเช้า ณ ที่พัก
• 06.00 น. ออกเดินทางสู่สนามบินซานติอาโก้
• 08.20 น. ออกเดินทางด้วย ไฟลต์บิน LA 1161 สู่เมือง ปุนตาอาเรนัส (Punta Arenas) (ระยะเวลาบิน 4 ชั่วโมง 15 นาที)
• 12.35 น. เดินทางถึงเมือง ปุนตาอาเรนัส (Punta Arenas) พร้อมรับประทานอาหารเที่ยง
• ปุนตาอาเรนัส (Punta Arenas) เป็นเมืองหลวงของชิลีปาตาโกเนียและจุดเริ่มต้นสำหรับการเดินทางไปยังแอนตาร์กติกา เมืองนี้ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2391 ที่สุดขั้วทางใต้สุดของทวีป ปุนตาอาเรนัสเป็นจุดที่เจ้าอาณานิคมใช้เป็นที่ขังนักโทษก่อนที่ภายหลังจะดึงดูดผู้อพยพจำนวนมากจากยุโรปและชิลีแคว้นชิโลเอ
• เราจะไปเยี่ยมชมจุดชมวิว Cerro de la Cruz เพื่อชมสีสันสดใสของเมือง ช่องแคบมาเจลลัน และเกาะ Tierra del Fuego บนขอบฟ้า จากนั้นเราจะมุ่งหน้าไปยังลานเมืองหลักซึ่งตั้งชื่อตามอดีตผู้ว่าการ Muñoz Gamero พลาซ่าแห่งนี้เป็นศูนย์กลางของเมืองตั้งแต่ ปลายศตวรรษที่ 19
• จากนั้นเดินทางต่อด้วยรถยนต์ประมาณ 3 ชั่วโมงสู่เมือง Puerto Natales
• ที่พัก : โรงแรม Natalino Hotel Patagonia ห้องพักชนิด Standard room หรือเทียบเท่า
• รับประทานอาหารเย็นภายในที่พัก

Puerto Natales

9 เมษายน พ.ศ.2566 วันที่ 10 : เปอร์โตนาตาเลส (Puerto Natales) – อุทยานแห่งชาติ Torres del Paine

• รับประทานอาหารเช้า ณ ที่พัก
• วันนี้เราจะไปเยี่ยมชมอุทยานแห่งชาติ Torres del Paine ในวันนี้ โดยจะไปเที่ยวถ้ำไมโลดอน (Mylodon Cave) เป็นถ้ำที่ ยาว 200 เมตร สูง 30 เมตร และกว้าง 80 กว้างห่างจาก Puerto Natales ประมาณ 25 กิโลเมคี
• เราจะใช้เวลาเดินประมาณ 30 นาทีเข้าไปในถ้ำเพื่อพบกับ สลอธยักษ์ยุคก่อนประวัติศาสตร์ที่เรียกว่าไมโลดอน (Mylodon) ซึ่งร่างของสลอธยักษ์นี้ยังดูเหมือนสดผิวหนังและกระดูก ในที่เดียวกันยังพบซากสัตว์สูญพันธุ์อื่นๆ รวมทั้งม้ารุ่งอรุณ (Eohippus) หมีถ้ำก่อนประวัติศาสตร์ เสือดำ Patagonian และ เสือเขี้ยวดาบ (saber-toothed tiger)
• เราจะหยุดพักที่ร้านกาแฟ Cerro Castillo ที่ร้านกาแฟ จากนั้นเดินทางต่อไปยัง Torres del Paine เมื่อเราผ่าน estancias (ไร่) หลายแห่งและไปจากพื้นที่นิเวศน์ที่ราบกว้างใหญ่สู่ป่าเบญจพรรณ ระหว่างทางเราอาจจะได้เห็นบางส่วนของสัตว์ประจำถิ่น รวมทั้งนกหลายชนิด เราอาจเห็น guanacosซึ่งเป็นอูฐป่าที่เกี่ยวข้องกับลามะ
• รับประทานอาหารเที่ยงระหว่างทาง
• บ่าย นำท่าน ล่องเรือชมธารน้ำแข็งเกรย์ (Gray Glacier) โดยเราจะล่องเรือ Grey III catamaran เป็นหนึ่งในกิจกรรมที่ไม่ควรพลาดระหว่างการเยี่ยมชมอุทยานแห่งชาติ Torres del Paine กซึ่งคุณสามารถเพลิดเพลินได้ภูมิทัศน์ที่หาที่เปรียบมิได้ประกอบด้วย ภูเขาน้ำแข็งที่ลอยอยู่ เขียวชอุ่ม พืชพรรณและภูเขาสูงตระหง่าน (กิจกรรมใช้เวลาประมาณ 2.5 – 3 ชั่วโมง)
• นำท่านเดินทางกลับเมือง Puerto Natales ใช้เวลาประมาณ 1-1.5 ชั่วโมง
• รับประทานอาหารเที่ยงภายในที่พัก
• ที่พัก : โรงแรม Natalino Hotel Patagonia ห้องพักชนิด Standard room หรือเทียบเท่า

Puerto Natales

10 เมษายน พ.ศ.2566 วันที่ 11 : เปอร์โตนาตาเลส (Puerto Natales) – อุทยานแห่งชาติ Torres del Paine – ทะเลสาบ Lake Pehoé

• รับประทานอาหารเช้า ภายในที่พัก
• เดินทางสู่ อุทยานแห่งชาติ Torres del Paine ใช้ระยะเวลาเดินทางประมาณ 1.5 ชั่วโมง
• เราจะใช้เวลาเที่ยวชมธรรมชาติและบรรยากาศของขุนเขาและทะเลสาบแห่งนี้ทั้งวัน ระหว่างทางชมวิวจุดที่น่าสนใจ
• รับประทานอาหารเที่ยงระหว่างทาง
• เดินชมบรรยากาศรอบๆ ทะเลสาบ Lake Pehoé ทะเลสาบขนาดใหญ่ที่รายล้อมไปด้วยแนวเทือกเขา วิวภูเขาสะท้อนผิวน้ำที่สวยงามราวกับภาพวาดเกินจินตนาการ
• ได้เวลาอันสมควรเดินทางงกลับเมือง Puerto Natales ใช้เวลาประมาณ 1-1.5 ชั่วโมง
• รับประทานอาหารเที่ยงภายในที่พัก
• ที่พัก : โรงแรม Natalino Hotel Patagonia ห้องพักชนิด Standard room หรือเทียบเท่า

ทะเลสาบ Lake Pehoé

11 เมษายน พ.ศ.2566 วันที่ 12 : เปอร์โตนาตาเลส (Puerto Natales) – เอล คาลาฟาเต้ (El Calafate)

• รับประทานอาหารเช้า ณ ที่พัก
• เช้า – บ่าย เดินทางข้ามจากฝั่งชิลีสู่ประเทศอาร์เจนตินา โดยเราจะใช้เวลาประมาณ 4-5 ชั่วโมง ในการเดินทาง รวมถึงเวลาในการผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองอีกประมาณ 1-1.5 ชั่วโมงที่ชายแดน
• รับประทานอาหารเที่ยงระหว่างทาง
• บ่าย เดินทางถึงเมือง เอล คาลาฟาเต้ (El Calafate) เมืองที่ตั้งอยู่ริมฝั่งทางใต้ของทะเลสาบอาร์เจนติโน ทางตะวันตกเฉียงใต้ของเมืองซานตา ครูซ ประเทศอาร์เจนติน่า ซึ่งปัจจุบันมีประชากร ประมาณ 3,000 คน ท่ามกลางธรรมชาติที่สวยงามทางตอนใต้ของ Lago Argentino สภาพทั่วไปถูกโอบล้อมไปด้วยทุ่งหญ้าเขียวขจี และเทือกเขาสูงใหญ่ สองฟากฝั่งของถนนสายหลักในหมู่บ้าน เรียงรายไปด้วยโรงแรม ร้านขายของที่ระลึกที่ท่านสามารถเดินเที่ยวเล่นได้อย่างสบายชมย่านใจกลางเมืองเก่าที่มีอาคาร และ สถาปัตยกรรมแบบเฉพาะตัวในช่วงยุคบุกเบิก กระทั่งได้เวลาอันสมควร
• หลังจากนั้นจะได้ให้โอกาสให้ท่านได้พักผ่อนตามอัธยาศัย
• ที่พัก Hotel Posada Los Alamos ห้องพักชนิด Standard room หรือเทียบเท่า
• รับประทานอาหารเย็น ณ ที่พัก

ทะเลสาบ Lake Pehoé

12 เมษายน พ.ศ.2566 วันที่ 13 : ธารน้ำแข็ง Perito Moreno Glacier – ล่องเรือ และ กิจกรรมเดินบนธารน้ำแข็ง

• รับประทานอาหารเช้า
• เดินทางไปยัง อุทยาน Los Glacier National Park  ใช้เวลาประมาณ 30 นาที อุทยานที่ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนมรดกโลกจาก UNESCO เพื่อชมความยิ่งใหญ่ของธารน้ำแข็ง ธารน้ำแข็งเปอริโต้ โมริโน (Perito Morino Glacier) ซึ่งเป็นธารน้ำแข็งยักษ์ ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติลอส กลาซิอาเรส (Los Glaciares) ใกล้ขั้วโลกใต้ ธารน้ำแข็งนี้ถือเป็นสถานที่มหัศจรรย์ทางธรรมชาติที่ UNESCO ยกให้เป็นมรดกโลกตั้งแต่ปี ค.ศ.1981 โดยกิจกรรมในวันนี้จะแบ่งเป็น 2 ช่วง คือ การล่องเรือ และ การเดินบนธารน้ำแข็ง
• กิจกรรมล่องเรือชมธารน้ำแข็ง (Boat trip) ในระยะใกล้ชิด ระยะเวลา 1 ชั่วโมงผ่านสาขาริโกของลาโก อาร์เจนติโน เพื่อรับมุมมองที่แตกต่างของธารน้ำแข็งที่น่าประทับใจแห่งนี้ ล่องเรือไปตามกำแพงธารน้ำแข็งขนาดใหญ่และระหว่างภูเขาน้ำแข็งที่ลอยอยู่ ชมอย่างใกล้ชิดเพื่อดูชิ้นส่วนของน้ำแข็งที่แยกตัวออกจากธารน้ำแข็งและไหลลงสู่ทะเลสาบโดยรอบ!
• รับประทานอาหารเที่ยงระหว่างกิจกรรม
• กิจกรรมเดินเท้าไปตามธารน้ำแข็ง (Perito Moreno Glacier Trail) ระยะทางประมาณ ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง โดยการเดิน เราจะต้องใส่ Crampon เพื่อทำให้การยึดเกาะกับพื้นผิวน้ำแข็งมั่นคงยิ่งขึ้น
• หลังจากนั้น เราจะเดินทางไปจุดชมวิวธารน้ำแข็งจาก patio ก็จะเห็นธารน้ำแข็งแบบในรูปด้านบน ซึ่งก็สวยและพิเศษมาก เพราะยืนๆดูไปสักพัก ธารน้ำแข็งตรงที่อยู่ริมสุดจะค่อยๆถล่มลงมา หรือเรียกว่า Ice Calving ซึ่งจะเกิดเสียงดังกระหึ่มเลยทีเดียว
• ได้เวลาอันสมควร เดินทางกลับไปยังที่พัก
• รับประทานอาหารเย็น ณ ที่พัก
• ที่พัก Hotel Posada Los Alamos ห้องพักชนิด Standard room หรือเทียบเท่า

ธารน้ำแข็ง Perito Moreno Glacier

ธารน้ำแข็ง Perito Moreno Glacier

ธารน้ำแข็ง Perito Moreno Glacier

กิจกรรมเดินบนธารน้ำแข็ง

13 เมษายน พ.ศ.2566 วันที่ 14 : เอล คาลาฟาเต (El Calafate) – บัวเอโนสไอเรส (Buenos Aires)

• รับประทานอาหารเช้า ณ ที่พัก
• เยี่ยมชม พิพิธภัณฑ์กลาเซียเรียม (Glaciarium) ผ่านสถาปัตยกรรมชวนอารมณ์ที่เลียนแบบกำแพงธารน้ำแข็ง เป็นสถานที่ที่อาศัยสิ่งเร้าทางภาพและการได้ยินแบบโต้ตอบและสนุกสนานที่มีส่วนช่วยให้ความรู้เกี่ยวกับธารน้ำแข็งและ Patagonian Continental Ice
• พิพิธภัณฑ์กลาเซียเรียม (Glaciarium) เป็นพิพิธภัณฑ์แห่งใหม่ล่าสุดของเมืองซึ่งภายในแสดงเรื่องราวต่างๆ เกี่ยวกับธารนํ้าแข็งที่มีอยู่ในประเทศอาร์เจนติน่าให้ผู้เข้าชมได้ศึกษา รับชมเรื่องราวเกี่ยวกับการก่อตัวของน้ำแข็ง นักสำรวจ และนักวิทยาศาสตร์’ ประวัติศาสตร์ รูปภาพของช่างภาพชาวอาร์เจนตินาผู้ยิ่งใหญ่อย่าง Florian Von der Flecht ให้ท่านได้ชมบาร์ที่ทุกอย่างทำมาจากน้ำแข็ง ไม่ว่าจะเป็นโต๊ะ เก้าอี้ เคาน์เตอร์บาร์ แก้วน้ำ ถาด เป็นต้น โดยทางบาร์จะมีเสื้อกันหนาวเตรียมไว้ให้ทุกท่านสำหรับสวมใส่เมื่อเข้าไปด้านใน ให้ท่านได้ถ่ายภาพด้านในไอซ์บาร์ตามอัธยาศัย
• รับประทานอาหารเที่ยง ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
• หลังจากนั้นนำท่านเดินทางสู่สนามบินประจำเมือง
• 15.55 น. เดินทางออกจากเมืองเอลคาลาฟาเต สู่กรุงบัวเอโนสไอเรส ด้วยไฟลต์บิน AR 1869 (ใช้เวลาบินประมาณ 3 ชั่วโมง)
• 18.5o น. เดินทางถึง กรุงบัวเอโนสไอเรส (Buenos Aires) ประเทศอาร์เจนติมา
• ที่พัก Grand Brizo ห้องพักชนิด Standard room หรือเทียบเท่า*
• รับประทานอาหารเย็น ณ ที่พัก

Waterfront, Buenos Aires

14 เมษายน พ.ศ.2566 วันที่ 15 : บัวเอโนสไอเรส (Buenos Aires)

• รับประทานอาหารเช้า ณ ที่พัก
• ชม กรุงบัวโนสไอเรส (Buenos Aires) ประเทศอาร์เจนตินา ตั้งอยู่ชายฝั่งทางใต้ของแม่น้ำริโอเดอลาพลาตา(Rio de la Plata) เมืองใหญ่อันดับสองของอเมริกาใต้ ที่ได้รับวัฒนธรรมยุโรปมีความเจริญ ทันสมัยและเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวทั่วโลกจนได้รับการขนานนามว่า “ปารีสแห่งอเมริกาใต้”
• แวะถ่ายรูปกับ คาซา โรซาดา (Casa Rosada) ทำเนียบประธานาธิบดีที่ตั้งอยู่หน้าจัตุรัสมาโย (Plaza De Mayo) Casa Rosada แปลว่า บ้านสีชมพูหรือบ้านสีกุหลาบ เนื่องจากสร้างโดยใช้หินสีชมพู
• รับประทานอาหารเที่ยง
• เข้าชม มหาวิหารโรเซอร์เรตต้า (The Metropolitan Cathedral) โบสถ์สำคัญของเมือง สถานที่ฝังศพของ นายพลโฮเซ่ เดอ ซานมาร์ติน (José de San Martín) นักปฎิวัติผู้ซึ่งทำให้อาร์เจนตินาเป็นอิสระ
• แวะถ่ายภาพบริเวณด้านหน้าของ จัตุรัสคองเกรส ที่ตั้งของรัฐสภาแห่งชาติ(Parliament House) ระหว่างทางผ่านถนน 9 กรกฎาคม (Avenida 9 de Julio) ถนนขนาดใหญ่ที่มี เสาโอบิลิกส์ (Obelisk El Obelisco) ซึ่งมักถูกเป็นสถานที่จัดประชุมทางการเมือง งานดนตรี เทศกาลสำคัญๆ รวมไปถึงฉลองชัยชนะของทีมฟุตบอลอาร์เจนตินาด้วย
• รับประทานอาหารเย็น พร้อมชมการเต้นแทงโก้ ที่ Café los Angelitos
• ที่พัก Grand Brizo ห้องพักชนิด Standard room หรือเทียบเท่า*

La Boca, บัวโนสไอเรส, อาร์เจนตินา

กรุงบัวโนสไอเรส (Buenos Aires)

15 เมษายน พ.ศ.2566 วันที่ 16 : น้ำตกอิกวาซู ฝั่งอาร์เจนตินา

• รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม
• 06.00 น. เดินทางสู่สนามบิน
• 07.40 น. เดินทางจาก กรุงบัวโนไอเรส (Buenos Aires) สู่ Puerto Iguazu ไฟลต์บิน AR 1732 (ระยะเวลาบิน 1 ชั่วโมง 50 นาที)
• 09.30 น. ถึงสนามบิน Cataratas International airport แล้วเดินทางเข้าสู่อุทยานแห่งชาติน้ำตกอิกวาซู 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติของโลกยุคใหม่ ครอบคลุมพรมแดนระหว่างประเทศอาร์เจนตินาและบราซิล
• นำชมความงามของ น้ำตกอิกวาซู (Iguazu Falls) (ฝั่งอาร์เจนตินา) ฝั่งด้านนี้หนาแน่นไปด้วยป่าร้อนชื้น และกิจกรรมในการเที่ยวชมน้ำตกอย่างมากมาย
• น้ำตกอิกวาซู (Iguazu Falls) ประกอบไปด้วยน้ำตก 275 แห่ง สูงระหว่าง 60-82 เมตร แต่ละน้ำตกมีชื่อเรียกโดยเฉพาะ ขนาดของน้ำตกกว้างประมาณ 4 ก.ม. นับเป็นน้ำตกที่กว้างที่สุดในโลก ใหญ่กว่าน้ำตกไนแองการ่า 30 เท่า น้ำตกส่วนใหญ่อยู่ในอาร์เจนตินาราว 90% พื้นที่ป่าริมน้ำตกเป็นเขตคุ้ม ครองรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขตร้อนที่มีอยู่อย่างชุกชุม เช่น นกไทนามัส แมวป่าโอเซล เสือจากัวร์ สมเสร็จ เพ็คคารี และสัตว์นานาชนิดอีกมากมาย
• รับประทานอาหารเที่ยงภายในอุทยาน
• เส้นทางเดินชมน้ำตกจุดสูงสุด Devil’s Throat จุดที่ท่านจะยืนเหนือน้ำตก สัมผัสละอองน้ำจากด้านบน และตื่นตาตื่นใจกับต้นกำเนิดของสายน้ำตกจากนั้นเปลี่ยนวิวทิวทัศน์บนเส้นทางเดิน Upper Trail และ Lower Trail ที่ให้ความสวยงามที่แตกต่างกันออกไป
• หลังจากนั้นเดินทางข้ามกลับมายังฝั่งประเทศบราซิล
• รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารภายในเมือง
• ที่พัก โรงแรม Bourbon Cataratas Do Iguaçu Resort ห้องพักชนิด Standard หรือเทียบเท่า

The Devil’s Throat

The Devil’s Throat

น้ำตกอิกวาซู (Iguazu Falls) ฝั่งอาร์เจนตินา

น้ำตกอิกวาซู (Iguazu Falls) ฝั่งอาร์เจนตินา ระยะใกล้ชิด

วันที่ 16 เมษายน พ.ศ.2566 วันที่ 17 : น้ำตกอิกวาซู Iguazu (ฝั่งบราซิล)

• รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม
• 09.00 น. นำท่านสัมผัสความยิ่งใหญ่ของน้ำตกอิกวาซู น้ำตกอิกวาซู (Iguazu Falls) มีต้นกำเนิดจากแม่น้ำอิกวาซูที่ไหลมาจากที่ราบสูงปารานา และตกจากขอบที่ราบสูงขนาดใหญ่ลงสู่พื้นที่ราบเกินเป็นน้ำตกขนาดใหญ่มหึมา
• ถึงแม้น้ำตกโดยส่วนใหญ่จะอยู่ฝั่งอาร์เจนตินา แต่ท่านสามารถสัมผัสสายน้ำตกอย่างใกล้ชิดด้วยทางเดินสะพานไม้ ที่ออกแบบเพื่อให้นักท่องเที่ยวทุกคนได้ชุ่มฉ่ำไปกับสายน้ำตกอย่างใกล้ชิดที่สุด ละอองของสายน้ำในช่วงหน้าร้อนจะมีปรากฏการณ์รุ้งกินน้ำให้ท่านได้ชม
• เราจะเดินชมน้ำตกภายในเส้นทางเดินเทรล ระยะทางประมาณ 1.4 กิโลเมตร
• รับประทานอาหารเที่ยงภายในอุทยาน
• ในกรณีที่ท่านมีความประสงค์จะขึ้น Helicopter ชมวิวทิวทัศน์และความยิ่งใหญ่บนมุมสูง ค่าเฮลิคอปเตอร์ 130 US$ / ท่าน
• บ่าย สนุกสนานไปกับกิจกรรมที่ท่านรอคอย “ล่องเรือชมน้ำตก” (Macuco Safari) เรือขนาดความจุ 30 ที่นั่ง แล่นไปตามสายน้ำจนเข้าสู่เขตม่านน้ำตก ที่ฝ่าด่านของสายน้ำอันเชี่ยวกราก และสายน้ำตกที่ส่งเสียงกึกก้องมหึมา ที่ท่านไม่ควรพลาดกับประสบการณ์ดีๆ ของความงามแบบธรรมชาติอย่างแท้จริง
• รับประทานอาหารค่ำ พร้อมชมโชว์ที่ Rafain
• ที่พัก โรงแรม Bourbon Cataratas Do Iguaçu Resort ห้องพักชนิด Standard หรือเทียบเท่า

ล่องเรือชมน้ำตกอิกวาซู (Iguazu Falls)

ล่องเรือชมน้ำตกอิกวาซู (Iguazu Falls)

น้ำตกอิกวาซู (Iguazu Falls) จากมุมสูง (aerial view)

น้ำตกอิกวาซู (Iguazu Falls) ฝั่งบราซิล

น้ำตกอิกวาซู (Iguazu Falls) ฝั่งบราซิล

17 เมษายน พ.ศ.2566 วันที่ 20 : ริโอเดอจาเนโร (Rio De Janeiro)

• รับประทานอาหารเช้า ภายในที่พัก
• เช้า ชม เขื่อนอิไตปู (Itaipu Dam) เขื่อนคอนกรีตขนาดใหญ่ สร้างขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ผลิตกระแสไฟฟ้า เขื่อนแห่งนี้กั้นแม่น้ำปารานาบริเวณเขตแดนประเทศบราซิลกับประเทศปารากวัย ตัวเขื่อนมีความสูง 180 เมตร มีความยาว 8 กิโลเมตร ใช้คอนกรีตในการสร้างกว่า 28 ล้านตัน เมื่อสร้างเสร็จเหนือเขื่อนเป็นอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่มีเนื้อที่กว่า 1550 ตารางกิโลเมตร
• เขื่อนอิไตปู (Itaipu Dam) มีเครื่องกำเนิดไฟฟ้า 20 เครื่อง มีกำลังการผลิต 14,000 เมกะวัตต์ โดยกระแสไฟฟ้าขนาดนี้ สามารถจ่ายไฟให้กับประเทศปารากวัยทั้งประเทศ รวมถึงเมืองใหญ่ของบราซิลอย่าง เซาเปาโล และรีโอเดอจาเนโรได้อย่างสบาย โดยคำว่า”อิไตปู” แปลว่า เสียงเพลงจากก้อนหิน มาจากภาษากวารานิ (Guarani) ของชนเผ่าพื้นเมือง เขื่อนอิไตปูเคยได้ขึ้นชื่อว่าเป็นเขื่อนคอนกรีตที่ใหญ่ที่สุดในโลก แต่ภายหลังมาเสียแชมป์ให้กับเขื่อนซานเฉียต้าป้า มณฑลหูเป่ย ประเทศจีน
• รับประทานอาหารเที่ยง ภัตตาคารระหว่างทาง
• 13.00 น. เดินทางสู่สนามบินเมืองอิกวาซู
• 15.15 – 16.50 น. เดินทางสู่เมืองเซาเปาโล สายการบิน G31657 ระยะเวลาบิน 1 ชั่วโมง 35 นาที
• พักเปลี่ยนเครื่อง 45 นาที
• 17.35 น. ออกเดินทางสู่เมืองริโอเดอจาเนโร สายการบิน G31048 ระยะเวลาบิน 1 ชั่วโมง
• 18.35 น. เดินทางถึง ท่าอากาศยานนานาชาติแอนโตนิโอ คาร์ลอส โจบิม (RIOgaleão – Tom Jobim International Airport)
• นครริโอ เดจาเนโร (Rio de Janeiro) ประเทศบราซิล เมืองริโอ เดจาเนโร หรือ “แม่น้ำแห่งเดือนมกราคม” ได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่งดงามที่สุดแห่งหนึ่งในโลก ด้วยชายหาดชื่อดัง โคปาคาบานา และ อีปาเนมา ที่คนทั่วโลกกล่าวขวัญถึง รวมถึงเทศกาลคาร์นิวัล เทศกาลรื่นเริงประจำปีของชาวแซมบ้า ที่โลกต้องตะลึงไปกับขบวนพาเหรดอันอลังการที่สุดที่โลกเคยมีมา
• เดินทางไปยังโรงแรมที่พัก
• รับระทานอาหาร ภัตตาคารระหว่างทาง
• ที่พัก โรงแรม Hilton Rio de Janeiro Copacabana ห้องพักชนิด Standard หรือเทียบเท่า

หาดโคปา คาบานา (Copa Cabana)

18 เมษายน พ.ศ.2566 วันที่ 20 : ริโอเดอจาเนโร (Rio De Janeiro)

• รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม
• เช้า ขึ้นรถ Jeep เดินทางสู่ย่านชุมชน ฟาเวลา (Favela) เป็นภาพของบ้านเรือนปลูกไล่กันไปบนภูเขาหลายร้อยหลายพันหลัง ดูสวยแปลกตาไปอีกแบบ นักเตะชื่อดังหลายคนก็เติบโตมาจากที่นี่ทั้ง โรนัลโด, โรนัลดินโญ ชุมชนนี้ผู้อยู่อาศัย 150,000 คน เป็นย่านชุมชนที่มีผู้อยู่อาศัยมากที่สุดในบราซิล แต่เราจะพบความประทับใจมากมายภายในชุมชนแห่งนี้ ชมย่าน Gavea ย่านที่แผ่กิ่งก้านสาขาในช่วงทศวรรษที่ 70 – 80s มีคลื่นลูกใหญ่ของการอพยพเข้าสู่ริโอของชาวบราซิลจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ พบงานช่างฝีมือเฉพาะที่คุณสามารถเพลิดเพลินกับอาหารอีสานและเครื่องดื่มและงานฝีมือ
• รับชมศิลปะการต่อสู้ที่ครั้งหนึ่งเคยเสี่ยงต่อการถูกทำให้สูญหาย ศิลปะการป้องกันตัวประเภทนี้มีชื่อว่า “กาโปเอรา (Capoeira)” การต่อสู้ที่ผสมผสานการเต้นรำ กายกรรม และดนตรีเข้าด้วยกัน
• รับประทานอาหารเที่ยง ที่ Fogo de Chao BBQ restaurant
• บ่าย ทัวร์พาโนรามาใจกลางเมืองริโอโดยรถบัสไปยังโซน Waterfront ที่ล่าสุดได้รับการฟื้นฟูโดยเป็นส่วนหนึ่งของโครงการสำหรับการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกปี 2016 เดินทางผ่าน Praca Maua Square ที่มีสถานที่ท่องเที่ยวเป็นแผงหินกรานิตที่แสดงถึงทวีปทั้ง 5 อันสอดคล้องถึงกีฬาโอลิมปิกโดยศิลปิน Kobra ผลงานแสดงให้เห็นห้าใบหน้าที่เป็นตัวแทนของชนเผ่า จากทุกทวีป จำนวนใบหน้ายังหมายถึงจำนวน
• เดินทางต่อสู่ ผ่าน Sambodrome ซึ่งเป็นพื้นที่สำหรับการจัดงาน Carnival ประจำปีที่ออกแบบโดยสถาปนิกชาวบราซิลที่สำคัญที่สุด Oscar Niemeyer
• แวะชม มหาวิหารเมโทรโพลิแทน (Metropolitan Cathedral) จัตุรัส Cinelândia แบบดั้งเดิมที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน อาคาร โรงละครเทศบาล หอสมุดแห่งชาติ และหอสมุดแห่งชาติ พิพิธภัณฑ์วิจิตรศิลป์เพลิดเพลินกับทัศนียภาพอันงดงามจากรถบัส
• ขึ้นกระเช้าไฟฟ้าขึ้นสู่ยอดเขาซูการ์โลฟ (Pao De Acucar) หรือภูเขาก้อนน้ำตาลที่ตั้งอยู่เคียงข้างกับยอดเขากอร์โกวาโด แต่มีความสูงเพียงครึ่งหนึ่งของรูปปั้นพระเยซูคริสต์ เพื่อไปชมทัศนียภาพแบบ 360 องศาของเมืองริโอ
• รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารในโรงแรม
• ที่พัก โรงแรม Hilton Rio de Janeiro Copacabana ห้องพักชนิด Ocean View Leme Beach room หรือเทียบเท่า

ฟาเวลา (Favela)

ขึ้นกระเช้าไฟฟ้าขึ้นสู่ยอดเขาซูการ์โลฟ (Pao De Acucar)

19 เมษายน พ.ศ.2566 วันที่ 20 : Rio De Janeiro

• รับประทานอาหารเช้า ณ ที่พัก
• เราจะเริ่มทัวร์ของเราที่ ยอดเขากอร์โกวาโด (Corcovado) โดยขึ้นรถไฟฟันเฟืองจากสถานี Cosme Velho สัมผัสประสบการณ์การเดินทางด้วยรถไฟสูงชัน 20 นาที ซึ่งจะพาคุณผ่านป่าฝนแอตแลนติกที่หนาแน่นของ Tijuca ชมพรรณไม้เขตร้อนอันเขียวชอุ่มของป่าอย่างใกล้ชิดและเพลิดเพลินกับทัศนียภาพทิวทัศน์ของชายหาดและเมือง
• ยอดเขากอร์โกวาโด (Corcovado) จุดหมายปลายทางฝันของนักท่องเที่ยวที่ยืนคู่กับสิ่งมหัศจรรย์ของโลกที่มนุษย์สร้างขึ้นนั่นก็คือ “รูปปั้นพระเยซูคริสต์” แห่งเมืองริโอ เดจาเนโร (Rio de Janeiro) สัญลักษณ์อันโด่งดังของบราซิล ถูกคัดเลือกให้เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่ หลังจากนั้นนั่งรถไฟกลับลงมายังเบื้องล่าง
• รับประทานอาหารเที่ยง ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
• เข้าชม เอสตาดิโอ โด มาราคานา (Maracanã) สนามฟุตบอลขนาดยักษ์จุคนได้ 103,022 คน เพื่อให้ท่านได้ซื้อของที่ระลึกจากทีมบราซิล
• ชม สวนพฤกษศาสตร์ขนาดใหญ่ ต้นไม้ดอกไม้นานาพันธุ์ที่นำเข้าจากประเทศทั้งในแถบลาตินอเมริกา อเมริกา และยุโรป ซึ่งมีการจัดแบ่งออกเป็นโซนต่างๆ และมีจุดเด่นอยู่ที่ บัววิกตอเรียขนาดใหญ่ และทิวแถวของต้นปาล์มที่ถูกปลูกไว้เป็นแนวสวยงาม ท่ามกลางความเขียวขจี
• 18.00 น. เดินทางถึงสนามบินเมืองริโอ เดอ จาเนโร
• ***อาหารเย็น รับประทานตามอัธยาศัยภายในสนามบิน***
• 21.55 น. เดินทางสู่เมือง Amsterdam สายการบิน KLM KL 706 ระยะเวลาบิน 11 ชั่วโมง 30 นาที

ยอดเขากอร์โกวาโด (Corcovado)

หาดโคปา คาบานา (Copa Cabana)

วันที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2566 วันที่ 21 : Amsterdam – Bangkok

• 14.25 น. เดินทางถึงสนามบิน สนามบินสกิบโฮล (Schiphol) เมืองอัมเตอร์ดัม (Amsterdam) ประเทศเนเธอร์แลนด์ เพื่อเปลี่ยนเครื่องไปยัง กรุงเทพมหานคร
• พักเปลี่ยนเครื่อง 3 ชั่วโมง
• 17.30 น. เดินทางสู่สนามบินสุวรรณภูมิ โดยสายการบิน KLM เที่ยวบิน KL0875 (ระยะเวลาบิน 11 ชั่วโมง)
• ***อาหารเช้า อาหารเที่ยง อาหารเย็น รับประทานบนเครื่องบิน ให้บริการโดยสายการบิน***

วันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2566

• 09.30น. เดินทางกลับถึงกรุงเทพมหานคร ประเทศไทย โดยสวัสดิภาพ