ทัวร์เอสโทเนีย – ลัตเวีย – ลิทัวเนีย

• รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
• จากนั้นนำท่านชมเมืองทาลลินน์ ซึ่งมีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนาน ชม จัตุรัสเมืองเก่าของทาลลินน์ (Tallinn Old Square) ย่านใจกลางของเมืองที่ในอดีตเป็นสถานที่ในการซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้า อีกทั้งใช้เป็นที่เฉลิมฉลองเทศกาลต่างๆของเมือง รวมทั้งเป็นที่ประหารชีวิตนักโทษอีกด้วย
• ชมศาลาว่าการเมืองทัลลิน (Tallin’s Town Hall) สัญลักษณ์หนึ่งของเมืองที่มีลักษณะเป็นสถาปัตยกรรมแบบกอธิค ซึ่งตั้งอยู่บริเวณจัตุรัสเมืองเก่า สร้างขึ้นเมื่อสมัยศตวรรษที่ 13 และเพิ่งฉลองครบรอบ 600 ปีไปเมื่อปี ค.ศ. 2004
• โบสถ์อเล็กซานเดอร์ เนฟสกี้ (Alexander Nevsky Cathedral) โบสถ์ขนาดใหญ่ที่มียอดโดมใหญ่ที่สุดของเมืองทาลลินน์ เป็นโบสถ์คริสต์ออร์โธด็อกซ์ที่สร้างขึ้นเมื่อ ปี ค.ศ. 1900 ในช่วงที่เอสโทเนียเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิซาร์แห่งรัสเซีย สถาปนิกผู้ออกแบบโบสถ์แห่งนี้ก็คือ Mikhail Preobrazhenski สร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้กับเจ้าชายอเล็กซานเดอร์ ยาโรสลาวิทซ์ เนฟสกี้ (Prince Alexander Yarosalvitz Nevsky) ด้านบนของโบสถ์มีหอระฆังใหญ่ ซึ่งประกอบไปด้วยระฆัง 11 อัน โดยระฆังอันที่ใหญ่มีน้ำหนักถึง 15 ตัน
• ช่วงบ่ายนำท่านเดินทางสู่ เมืองพาร์นู (ระยะทาง 135 กิโลเมตร) ระหว่างทางผ่านชายหาด Pirita ชายหาดตากอากาศที่มีหาดทรายสีขาวยาว 3 กิโลเมตรอยู่ในเขต Pirita linnaosa (Pirita District) 1 ใน 8 เขตปกครองของทาลลินน์  ผ่านโบสถ์เซนต์เบอร์กีต้า (ST.Birgittaconvent) ถูกสร้างขึ้นในปี 1436 เมืองพาร์นู เป็นเมืองท่าทางทะเลของประเทศเอสโตเนียที่ได้รับความนิยมท่องเที่ยวในฤดูร้อน เป็นเมืองที่ได้ชื่อว่าเป็นเมืองตากอากาศริมทะเลที่มีชื่อเสียงเมืองหนึ่งของเอสโตเนีย
• ที่พัก โรงแรม Parnu ระดับ 4 ดาวหรือเทียบเท่า*

อาสนวิหารอเล็กซานเดอร์เนฟสกี (Alexander Nevsky Cathedral)

• เดินทางสู่ เมืองชิกุลดา (Sigulda)  (ระยะทาง 180 กิโลเมตร) ตั้งอยู่ในหุบเขาแม่น้ำเกาจา (Gauja River Valley) ห่างจากเมืองหลวงริกาเพียงหนึ่งชั่วโมง เมืองที่ได้ชื่อว่าเป็น “สวิตเซอร์แลนด์แห่งลัตเวีย”  เนื่องจากมีทิวทัศน์และสถาปัตยกรรมที่สวยงาม
• ช่วงบ่ายนำท่าน เข้าชมปราสาททูไรด้า (Turaida Castle) ตั้งอยู่ในพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติ Guaja  National Park ตั้งอยู่บนภูเขารายล้อมไปด้วยป่า ปราสาทหลังนี้สร้างขึ้นในปี 1214 ถือเป็นสัญลักษณ์ทางประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรมที่สำคัญของลัตเวีย  สร้างขึ้นเพื่อเป็นป้อมปราการของเมือง อิฐสีแดงเรียงรายเป็นปราสาทตามสไตล์บอลติกโบราณ ส่วนหอคอยทั้งสองถูกสร้างเพิ่มเติมขึ้นมาในภายหลัง  ในปี 1776 เกิดเหตุไฟไหม้ครั้งใหญ่ทำให้สถานที่แห่งนี้ถูกทิ้งร้าง จนกระทั่งปี 1976 มีนักโบราณคดีได้เข้ามาทำการบูรณะขึ้นมาใหม่และพยายามคืนสภาพดังเดิมมากที่สุดเท่าที่จะทำได้  ปัจจุบันได้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์ให้นักท่องเที่ยวโดยการเข้าชมภายในปราสาท
• เดินทางสู่ เมืองริก้า (Riga) (ระยะทาง 70 กิโลเมตร) เมืองหลวงของประเทศลัตเวีย ตั้งอยู่ริมทะเลบอลติก เป็นเมืองที่มีส่วนผสมของอิทธิพลแบบลัตเวียน รัสเซียน และเยอรมัน มีหลักฐานการอยู่อาศัยของชาวเยอรมันในช่วง 6 ศตวรรษแรกของการค้นพบเมืองริก้าในปี ค.ศ. 1158 และหลังจากนั้นก็ได้ไปตกอยู่ภายใต้การปกครองของโปแลนด์ สวีเดน และรัสเซียตามลำดับ และบริเวณย่านเมืองเก่าของเมืองริก้ายังได้ประกาศให้เป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกเมื่อปี ค.ศ. 1977
• นำท่านชมเมือง อนุสาวรีย์อิสรภาพ (Freedom Monument) อนุสาวรีย์ที่ตั้งอยู่ในย่านดาวน์ทาวน์ของเมือง สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1935 ในช่วงของการเรียกร้องอิสรภาพของประเทศลัตเวียระหว่างปี ค.ศ. 1918 – 1940 อนุสาวรีย์แห่งนี้ออกแบบโดย Ernents Shtalbergs  มีความสูงประมาณ 42 เมตร ด้านบนประดับด้วยรูปปั้นของหญิงสาวที่ถือดาว 3 ดวงไว้ หญิงสาวคนนี้ว่า “Milda” ดาวหมายถึงภูมิภาคทั้งสามของประเทศลัตเวีย ได้แก่  Kurzeme, Vidzeme และ Latgale
• แวะถ่ายภาพกับโบสถ์เซนต์ปีเตอร์ (St.Peter’s Church) โบสถ์กอธิคที่สำคัญสวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองริก้า  ในอดีตโบสถ์แห่งนี้มีชื่อว่า “โบสถ์พ่อค้า” เนื่องจากเคยใช้เป็นสถานที่สำหรับจัดประชุมของเหล่าพ่อค้าในยุคนั้น โบสถ์เซนต์ปีเตอร์ เป็นโบสถ์แบบกอธิคมาจนถึงปี ค.ศ. 1523 จนกระทั่งถึงช่วงการเปลี่ยนนิกาย จากคาทอลิกมาเป็นแบบลูเธอรัน โบสถ์แห่งนี้จึงเปลี่ยนมาเป็นโบสถ์สไตล์บาร็อค
• ที่พัก โรงแรม Wellton Riga Hotel & Spa ระดับ 4 ดาวหรือเทียบเท่า*

• เดินทางสู่ พระราชวังรันดาเล (Rundale Palace) (ระยะทางประมาณ 80 กิโลเมตร) สร้างและออกแบบโดยสถาปนิกชาวอิตาลีชื่อ Franchesco Bartolomeo Rastrelli ซึ่งเป็นคนเดียวกับคนออกแบบพระราชวังฤดูหนาวในกรุงเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กของรัสเซีย สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1736 และสร้างเสร็จเมื่อปี 1740 โดยเจ้าของคนแรกของพระราชวังแห่งนี้ก็คือ Ernst Johan Biron  สร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงจักรพรรดินีแห่งรัสเซียชื่อ Anna Jaonovna โดยพระราชวังแห่งนี้มีทั้งหมด 138 ห้อง ล้อมรอบไปด้วยสวนแบบบาร็อคที่งดงาม
• ช่วงบ่ายเดินทางสู่ เมืองชัวเลย์ (Siauliai) (ระยะทางประมาณ 135 กิโลเมตร) นำท่านชมความงดงามของ เนินเขาไม้กางเขน (Hill of Crosses) เป็นสถานที่ที่มีไม้กางเขนจำนวนนับแสนชิ้นถูกนำมาปักไว้รวมกัน ว่ากันว่าจุดเริ่มต้นเกิดหลังจากการประท้วงของกลุ่มชาวนาในช่วงปี 1831-1863 และหลังจากนั้นเมื่อใดที่มีสงคราม เกิดการต่อสู้ หรือการรวมตัวกันเพื่อเรียกร้องสิทธิเสรีภาพ ชาวบ้านก็จะพากันนำไม้กางเขนมาปักไว้แทนสัญลักษณ์  ปัจจุบันบริเวณเนินเขาไม้กางเขนแห่งนี้จัดเป็นสถานที่อธิษฐานขอพรต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์
• เดินทางต่อสู่ เมืองวิลนีอุส (Vilnius) (ระยะทางประมาณ 220 กิโลเมตร) เมืองที่ได้ชื่อว่าใหญ่ สวยงามที่สุดและยังเป็นเมืองหลวงของประเทศลิทัวเนีย ที่ถูกค้นพบในปีค.ศ. 1323 ตรงจุดบรรจบของแม่น้ำวิลเนีย และแม่น้ำเนริส อีกทั้งยังเป็นเมืองที่ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก้เมื่อปี ค.ศ. 1994
• ที่พัก โรงแรม Radisson Blu Lietuva ระดับ 4 ดาวหรือเทียบเท่า*

Rundale castle Latvia

มุมมองทางอากาศของวิลนีอุสลิทัวเนีย

• 08.00 น. นำท่านเดินทางสู่ ท่าอากาศยานวิลนีอุส (Vilnius International Airport)
• 10.00 น. ออกเดินทางสู่ ท่าอากาศยานเฮลซิงกิ-แวนต้า (Helsinki-Vantaa Airport) โดย สายการบินฟินน์แอร์ เที่ยวบินที่ AY 1102
• 11.45 น. เดินทางถึง  ท่าอากาศยานเฮลซิงกิ-แวนต้า จากนั้นนําท่านผ่านเข้าสู่ Transit hall
• 14.45 น. ออกเดินทางสู่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิกรุงเทพฯ โดย สายการบินฟินน์แอร์ เที่ยวบินที่ AY 141

มุมมองด้านบนในเมืองเก่าที่มีอาคารที่มีสีสันสวยงามในเมืองริกาลัตเวีย

วันที่ 9 :  กรุงเทพ

• 07.25 น. เดินทางถึเทพฯง สนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ