ทัวร์ นามิเบีย – ซิมบับเว – แซมเบีย

ทัวร์ นามิเบีย – ซิมบับเว – แซมเบีย ดินแดนแห่งภูมิภาคแอฟริกาใต้  แหล่งรวมสิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติ กับ 3 ประเทศ ดินแดนแห่งทะเลทรายคาลาฮารีริมชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติคที่นามิเบีย อภิมหาน้ำตกวิคตอเรียฟอลล์ น้ำตกที่ใหญ่ที่สุดของโลกกั้นพรมแดนระหว่างซิมบับเวและแซมเบีย ว่ายน้ำไปที่สระแห่งความตายเดวิลพูล ล่องเรือชมพระอาทิตย์ตก ณ แม่น้ำแซมเบซี

ทัวร์ นามิเบีย – ซิมบับเว – แซมเบีย

11 – 21 สิงหาคม พ.ศ. 2566

วันที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2566

• 21.00 น. นัดหมายที่สนามบินสุวรรณภูมิ

วันที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2566 วันที่ 1 : กรุงเทพ – วินด์ฮุก

• 01.45 น ออกเดินทางโดย สายการบิน Ethiopian Airlines สู่แอดดิสอาบาบา ประเทศเอธิโอเปีย  เที่ยวบินใช้เวลาประมาณ 8.5 ชั่วโมง
• 06.15 น เดินทางถึง สนามบินนานาชาติแอดดิสอาบาบาโบเล (Addis Ababa Bole International Airport) ประเทศเอธิโอเปีย ใช้เวลาระหว่างรอเปลี่ยนเครื่องประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง
• 08.35 น เปลี่ยนเครื่องเป็นเที่ยวบิน Ethiopian Airlines เที่ยวบินใช้เวลาบินประมาณ 5.45 ชั่วโมง เพลิดเพลินกับภาพยนตร์หลากหลายกับจอทีวีส่วนตัวทุกที่นั่ง และสายการบินบริการ อาหารเที่ยง ระหว่างเที่ยวบินสู่เมืองวินด์ฮุก เมืองหลวงของประเทศนามิเบีย
• 13.20 น เดินทางถึง สนามบินนานาชาติโฮเซอาคูทาโก (Hosea Kutako International Airport) นําท่านผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร จากนั้นได้เวลานําท่านเดินทางสู่ เมืองวินด์ฮุก (Windhoek) ระยะทาง 45 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 45 นาที
• เมืองวินด์ฮุก (Windhoek) เป็นเมืองหลวงที่ตั้งอยู่ใจกลางประเทศนามิเบีย มีร้านอาหาร ร้านค้าและสถานที่บันเทิง เป็นเมืองที่สะอาด ปลอดภัย และมีโครงสร้างเมืองที่เป็นระเบียบอันเนื่องมาจากสมัยยุคล่าอาณานิคม นำท่านเดินทางท่องเที่ยวสถานที่น่าสนใจในเมืองหลวงเล็กๆแห่งนี้ อาทิเช่น
  • Houses of Parliament-National Assembly
  • Parliament Gardens
  • The old railway station
  • Christuskirche (Christ Church)
  • Alte Feste (Old Fort)
• ที่พัก โรงแรม Hilton Windhoek
• รับประทานอาหารเย็น ณ ร้าน Joe’s Beerhouse

เมืองวินด์ฮุก (Windhoek)

เมืองวินด์ฮุก (Windhoek)

วันที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2566 วันที่ 2 : วินด์ฮุก (Windhoek) – สปิทซ์คอปป์ (Spitzkoppe) ระยะทาง 280 กิโลเมตร ประมาณ 4 ชั่วโมง

• รับประทานอาหารเช้า
• 08.00 น. หลังจากนั้นเราจะเดินทางไกลขึ้นไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ระยะทาง 280 กิโลเมตร สู่ ทะเลทรายนามิบ (Namib Desert) ที่เมือง สปิทซ์คอปป์ (Spitzkoppe) เราจะใช้ระยะเวลาเดินทางประมาณ 3 – 4 ชั่วโมง
• เที่ยง เดินทางถึงที่พัก รับประทานอาหารเที่ยงภายในที่พัก
• บ่าย เข้าชม หมู่บ้าน Ovahimba tribe ชนเผ่าฮิมบา ประชากรฮิมบาราว 30,000-50,000 คน ในขณะที่ประชากรทั้งหมดของนามิเบียมีเพียง 2.6 ล้านคน ด้วยพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นทะเลทราย ฮิมบาเป็นชนเผ่ากึ่งเร่ร่อน การอพยพจะขึ้นอยู่กับฤดูกาลและน้ำเป็นหลัก ปลูกกระท่อมดินทรงกลมหลังเล็กๆ เรียงกันเป็นครึ่งวงกลมโดยมีบ้านของหัวหน้าครอบครัวและภรรยาที่หนึ่งอยู่ตรงกลาง ภายในบ้านกว้างเพียงขนาดเตียงควีนไซส์หนึ่งหลัง พื้นบ้านปูด้วยหนังวัว คนฮิมบาใช้หมอนไม้อันเล็กๆ สูงกว่าคืบดูเหมือนที่ทับกระดาษมากกว่าจะเป็นหมอน นอกเหนือจากเครื่องประดับศีรษะของผู้หญิง 4-5 อันที่แขวนบนผนังแล้วนอกนั้นไม่มีสิ่งของใดๆ เลย
• หลังจากนั้น เดินทางสู่ สปิทซ์คอปป์ (Spitzkoppe) ตั้งอยู่ในทะเลทรายนามิเบียที่งดงาม ได้ชื่อว่าเป็น Matterhorn แห่งนามิเบีย สถานที่แห่งนี้มีรูปร่างหินที่น่าสนใจเป็นยอดหินแกรนิตหัวล้าน โดยหินแกรนิตมีอายุมากกว่า 120 ล้านปี หินเหล่านี้ถือว่าเป็นสวรรค์สำหรับนักปีนเขา
• นำท่านสำรวจ เดินชมบริเวณโดยรอบของภูเขา สปิทซ์คอปป์ (Spitzkoppe) 
  • Natural Arch หนึ่งในไฮไลท์ของที่นี่คือ หินโค้งธรรมชาติ ที่เป็นภาพติดโปสการ์ดไปทั่วโลกของนามิเบีย
  • Groot Spitzkoppe หรือที่ได้ชื่อว่าเป็น Matterhorn แห่งประเทศนามิเบีย สถานที่แห่งนี้มีรูปร่างหินที่น่าสนใจเป็นยอดหินแกรนิตหัวล้าน โดยหินแกรนิตมีอายุมากกว่า 120 ล้านปี หินเหล่านี้ถือว่าเป็นสวรรค์สำหรับนักปีนเขา
  • สำรวจมุมถ่ายรูปต่างๆที่มีความแปลกประหลาด พบปะสัตว์โลกประจำถิ่นเช่น Oryx
• ที่พัก โรงแรม Spitzkoppe Lodge
• รับประทานอาหารเย็นภายในห้องอาหารของโรงแรม
• ตอนกลางคืนท้องฟ้าในที่แห่งนี้จะเต็มไปด้วยดวงดาวเต็มท้องฟ้า ถ้าท่านสนใจสามารถเดินชมบริเวณที่พักในยามค่ำคืนได้เช่นกัน

Matterhorn แห่งนามิเบีย

Groot Spitzkoppe หรือที่ได้ชื่อว่าเป็น Matterhorn แห่งประเทศนามิเบีย

Natural Arch หนึ่งในไฮไลท์ของที่นี่คือ หินโค้งธรรมชาติ

Groot Spitzkoppe หรือที่ได้ชื่อว่าเป็น Matterhorn แห่งประเทศนามิเบีย

วันที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2566 วันที่ 3 : Spitzkoppe – สวาคอปมุนต์ (Swakopmund) ระยะทางรวม 280 กิโลเมตร ประมาณ 3-4 ชั่วโมง

• รับประทานอาหารเช้าภายในที่พัก
• 08.00 – 08.30 น. ออกเดินทางสู่ อาณานิคมของแมวน้ำเคปเฟอร์ซีล (Cape Fur Seal) หรือ แมวน้ำแอฟริกาที่เคปครอส (Cape Cross) ในบางช่วงเวลามีแมวน้ำจำนวนถึง 80,000-100,000 ตัว (ระยะทาง 160 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 2 – 3 ชั่วโมง)
• จากนั้นเดินทางต่อไปยัง เมืองสวาคอปมุนต์ (Swakopmund) เป็นเมืองชายทะเลที่มีสถาปัตยกรรมแบบยุคอาณานิคมแบบเยอรมัน ตั้งอยู่ในทะเลทรายนามิบที่ล้อมรอบไปด้วยภูมิประเทศที่แห้งแล้ง เมืองนี้ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2435 เป็นท่าเรือหลักของเยอรมันตะวันตกเฉียงใต้ของแอฟริกา เป็นเมืองที่มีบรรยากาศสบายๆ มีร้านค้าและร้านอาหารมากมาย (ระยะทาง 120 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 1.5 – 2 ชั่วโมง)
• รับประทานอาหารเที่ยง ณ ร้าน Farmhouse
• เมืองสวาคอปมุนต์ (Swakopmund) เมืองที่อยู่ริมมหาสมุทรแอดแลนติกและอีกฝั่งเป็นทะเลทรายแห้งแล้ง เมืองนี้มีประชากรที่เป็นคน ผิวขาวเชื้อสายเยอรมันอยู่จำนวนมากที่อยู่ปะปนกับคนพื้นเมืองทำให้เมืองแห่งนี้มีสีสันและน่าเที่ยว ให้ท่านได้ชมอาคาร บ้านเรือนที่สวยงามแบบเยอรมัน ผ่านชมที่ว่าการประจำเมือง ย่านช้อปปิ้ง หรือแวะท่าเรือ ชมหาดทรายที่สวยงามเป็นแหล่งพักผ่อนของชาวเมืองนี้
• ที่พัก Strand Hotel Swakopmund
• รับประทานอาหารเย็น ณ ร้าน The Tug

อาณานิคมของแมวน้ำเคปเฟอร์ซีล (Cape Fur Seal)

แมวน้ำแอฟริกาที่เคปครอส (Cape Cross)

แมวน้ำแอฟริกาที่เคปครอส (Cape Cross)

เมืองสวาคอปมุนต์ (Swakopmund) เป็นเมืองชายทะเลที่มีสถาปัตยกรรมแบบยุคอาณานิคมแบบเยอรมัน

เมืองชายทะเลที่มีสถาปัตยกรรมแบบยุคอาณานิคมแบบเยอรมัน

วันที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2566 วันที่ 4 : สวาคอปมุนต์ (Swakopmund)

• รับประทานอาหารเช้าภายในที่พัก
• ***วันนี้ขอให้ท่านแต่งตัว 2 รูปแบบดังนี้ ช่วงเช้า เป็นชุดเดินทางในทะเล (ไม่ลงน้ำ) และ ชุดบ่ายเป็นชุดสำหรับการเดินทางในทะเลทราย***
• 08.00 น. ออกเดินทางสู่เมือง วาลวิสเบย์ (Walvis bay) เพื่อไปยังท่าเรือ
• 08.30 น. เดินทางถึงท่าเรือ เช็คอิน เราจะทำ กิจกรรม Levo Dolphin & Seal Tour (ใช้ระยะเวลาประมาณ 3 ชั่วโมง)
• 09.00 น. เรือจะนำเราออกจากชายฝั่งให้ท่านได้ชมวิวทะเลทรายที่มองจากมุมในทะเล พร้อมนกพีลิแกนตัวใหญ่บินโฉบไปมาบนเรือเพื่อขออาหารกินกับนักท่องเที่ยวเพราะเจ้าหน้าที่จะให้อาหารเป็นประจำ นกพีลิแกนจึงคุ้นเคยกับคนและใกล้ชิดกับนักท่องเที่ยวบนเรือ ทำให้สามารถถ่ายรูปได้อย่างใกล้ชิด นอกจากนั้นตื่นตาตื่นใจกับแมวน้ำนับพันตัวบนเกาะและชายหาดยาวหลายร้อยกิโลเมตร มองระยะไกลเหมือนก้อนหินขนาดเล็กแต่พอเรือเข้าใกล้มันคือแมวน้ำนับพันตัวอาศัยอยู่บนเกาะแห่งนี้ (Bird Island) ให้ท่านได้ถ่ายรูปอย่างใกล้ชิด
• ก่อนเรือจะออกมาอีกด้านให้ท่านได้แวะ ชมฟาร์มหอยนางรม (Oyster farms) ระหว่างเดินทางกลับ บริการอาหาร รวมถึงของว่าง ให้ท่านจะได้ใกล้ชิดกับแมวน้ำที่ว่ายน้ำริมขอบเรือหรือกระโดดขึ้นมาบนเรือเพื่อขออาหารและให้ท่านได้ตื่นเต้นในการถ่ายรูปอย่างใกล้ชิด
  • สัตว์ที่สามารถเห็นได้ประจำ ​Frequently seen: ​Cape Fur Seals, Bottlenose Dolphins, Heavy Side Dolphins, Great White Pelicans, Sea Gulls, Flamingos (Greater and Lesser), Brown Ridge Jellyfish, Cormorant, Terns and more!
  • สัตว์ที่มาตามฤดูกาล Season sightings:​​ Hump Back Whales, Southern write whales, Mola-Molas, Leather Back Sea Turtles, Penguins, Gannets, Skuas
• รับประทานอาหารเที่ยงแบบ Light Lunch ระหว่างล่องเรือ
• 12.00 – 12.30 น. กลับมาถึงฝั่ง
• บ่าย นำท่านขึ้น 4WD Landcruiser สู่ อ่าวแซนวิช (Sandwich Harbour) เนินทรายขนาดใหญ่ที่ก่อตัวกลายสภาพดูเหมือนภูเขาที่ตั้งอยู่ริมฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติค หนึ่งในความมหัศจรรย์ของที่นี่ นำท่านขับรถ 4WD ตะลุยไปบนเนินทรายอันมโหฬารแห่งนี้ (กิจกรรมใช้เวลาประมาณ 4 – 5 ชั่วโมง)
• Sandwich Harbour ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ Namib Naukluft Park เป็นสถานที่ที่หลายคนเคยได้ยินชื่อ แต่มีน้อยคนที่เคยไปเยี่ยมชม ทะเลสาบ บ่อเกลือ และเขตรักษาพันธุ์นก ซึ่งก่อตัวเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำอ่าววอลวิส ได้รับการประกาศอย่างถูกต้องว่าเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำชายฝั่งที่สำคัญที่สุดแห่งเดียวของแอฟริกาตอนใต้ เป็นหนึ่งในห้าไซต์ของ Ramsar ในนามิเบีย เนินทรายขนาดยักษ์ที่ทอดยาวลงสู่มหาสมุทร สร้างทัศนียภาพอันน่าทึ่งและภูมิประเทศที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว รอให้คุณมาค้นพบ อยู่ห่างจาก Walvis Bay ไปทางใต้น้อยกว่า 60 กม. เป็นสถานที่ที่มีเอกลักษณ์และน่าทึ่งที่สุดแห่งหนึ่งของนามิเบีย ที่นี่มีเนินทรายที่สูงที่สุดในโลกบางแห่งไหลลงสู่มหาสมุทรแอตแลนติกอันหนาวเย็นเพื่อก่อตัวเป็นทะเลสาบที่งดงาม
• 16.30 – 17.00 น. หลังจากเสร็จกิจกรรมนำท่านกลับโรงแรมที่พัก
• ที่พัก Strand Hotel Swakopmund
• รับประทานอาหารเย็นภายในที่พัก Ocean Cellar

อ่าววาลวิส (Walvis Bay)

นกฟลามิงโก (Flamingo)

อ่าวแซนวิช (Sandwich Harbour)

อ่าวแซนวิช (Sandwich Harbour)

วันที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2566 วันที่ 5 : สวาคอปมนุต์ (Swakopmund) – Solitaire ระยะทาง 265 กิโลเมตร ประมาณ 4 ชั่วโมง

• รับประทานอาหารเช้าภายในที่พัก
• 09.00 น. นำท่านชม หุบเขาพระจันทร์ (Moon valley) หรือที่หลายคนเรียกว่า ที่ราบสูงเวลวิทเชีย (Welwitschia) เนื่องจากบริเวณนี้มี ต้นไม้พันปี Welwitschia อยู่จำนวนมากในบริเวณที่ราบเวลวิทเชียนี้ท่านจะได้ชมระบบนิเวศทะเลทรายอันแปลกประหลาดของเหล่าพืชทะเลทรายซึ่งไม่น่าเชื่อว่าสามารถดำรงชีพอยู่ได้ แต่ในความเป็นจริงพืชเหล่านี้สามารถอยู่รอดได้อย่างสบายทั้งนี้เกิดจากการที่มีกระแสน้ำเย็น “เบนกูเอล่า” ผ่านมหาสมุทรแอตแลนติคแถบประเทศนามิเบีย ซึ่งได้พัดกระแสลมไปปะทะกับลมร้อนจากทะเลทรายทำให้เกิดการกลั่นตัวของละอองน้ำกลายเป็นหมอกในตอนเช้าซึ่งมากเพียงพอกับพืชและสัตว์หลายชนิดที่จะดำรงชีวิตในทะเลทรายแห่งนี้ นำท่านชมและถ่ายรูปกับต้นไม้พันปี “ต้นเวลวิทเชีย” ซึ่งเป็นต้นไม้ทะเลทราบที่มีอายุยาวนานนับพันปี และเป็นพืชที่ขึ้นเฉพาะในแถบตอนเหนือของประเทศนามิเบียเท่านั้น (เดินทางไป/กลับ 60 กิโลเมตร)
• เที่ยง รับประทานอาหารเที่ยง ร้าน The Raft ที่เมือง Walvis Bay
• บ่าย ออกเดินทางออกจาก เมืองสวาคอปมุนต์ (Swakopmund) มุ่งหน้าลงไปทางทิศใต้ ผ่าน ช่องเขา Kuiseb Pass อันจะเป็นการเข้าสู่เขตทะเลทรายสีแดงของประเทศ ผ่าน อุทยานแห่งชาตินามิบ-น็อคลัฟท์ (Namib-Naukluft National Park) เป็นที่ที่จะได้พบกับเนินทรายสีแดงอันเป็นสัญลักษณ์ของนามิเบีย และยังเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าทะเลทรายหลากหลายชนิด เช่น ออริกซ์ สปริงบ็อก นกกระจอกเทศ และสัตว์เลื้อยคลานต่างๆ
• เราจะผ่านเส้น Tropic of Capricorn ซึ่งเป็นเส้นละติจูดที่อยู่ใต้เส้นศูนย์สูตรประมาณ 23 องศา คือ จุดที่เมื่อโลกหมุนรอบดวงอาทิตย์มาเรื่อย ๆ จนถึงช่วงเดือนธันวาคม จะกลายเป็นช่วงที่ขั้วโลกเหนืออยู่ไกลจากดวงอาทิตย์มาก นั่นคือทางซีกโลกเหนือจะเป็นฤดูหนาว แต่จะเป็นฤดูร้อนทางซีกโลกใต้ เพราะขั้วโลกใต้เอียงเข้าหาดวงอาทิตย์มากที่สุด แวะถ่ายเก็บความประทับใจ
• เดินทางถึงเมือง Solitaire พร้อมกับลิ้มลอง Apple Pie ที่ถือว่าเป็นอาหารขึ้นชื่อของที่นี่ หลังจากนั้น นำท่านท่านสู่ เขตอุทยานแห่งชาติซอสซุสไฟล์ (Sossusvlei) ซึ่งเป็นสถานที่ที่ใช้ถ่ายทำ ภาพยนตร์ และโฆษณาหลายร้อยเรื่องซอสซุสไฟล์ ถือว่าเป็นเนินทรายที่งดงามที่สุด สูงที่สุดและเก่าแก่ที่สุดในโลก ครอบคลุมพื้นที่ถึง 32,000 ตารางกิโลเมตร
• 16.00 – 17.00 น. เช็คอินเข้าที่พัก ให้ท่านได้พักผ่อนตามอัธยาศัย
• ที่พัก โรงแรม The Desert Grace Gondwana Collection Namibia
• รับประทานอาหารเย็นภายในภัตตาคารของโรงแรม
• ให้ท่านได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ เนื่องจากวันรุ่งขึ้นจะต้องตื่นตั้งแต่เช้ามืด และทำกิจกรรมทั้งวัน

อุทยานแห่งชาตินามิบ-น็อคลัฟท์ (Namib-Naukluft National Park)

เขตอุทยานแห่งชาติซอสซุสไฟล์ (Sossusvlei)

วันที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2566 วันที่ 6 : ซอสซุสเฟลย์ (Sossusvlei)

• ***วันนี้จะออกกันแต่เช้ามืด*** อาหารเช้าจะเป็นแบบ Box เพื่อเดินทางไปยัง ซอสซุสเฟลย์ (Sossusvlei) เราจะนั่งรถระยะทางประมาณ 40 กิโลเมตร มายังประตูของอุทยาน
• ***ขอให้แต่งตัวอย่างมิดชิด มีผ้าคลุม เนื่องจากอาจจะมีพายุทรายได้ในบางโอกาส และ เตรียมเสื้อกันหนาวเนื่องจากในช่วงเช้าอากาศจะเย็นพอสมควร และรองเท้าควรเป็นหุ้มส้น ไม่ใช้รองเท้าปลายเปิด***
• ประตูของอุทยานจะเปิดก่อนพระอาทิตย์ขึ้น 1 ชั่วโมง โดยทางอุทยานจะประกาศแจ้งก่อนเดินทาง โดยจะวางแผนให้เรามาถึงประตูตามเวลาที่เหมาะสม
• หลังจากผ่านประตูอุทยานมาแล้ว จะเดินทางอีกประมาณ 40 กิโลเมตร เราจะมาถึง ซอสซุสเฟลย์ (Sossusvlei) ซึ่งได้ชื่อว่าสวยสุดยอดของ ทะเลทรายนามิบ (Namib Desert) เพื่อชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ทะเลทราย แสงแดดอ่อนๆ ตกกระทบลงมายังเนินทรายเพียงด้านเดียว ก่อให้เกิดภาพที่สวยงาม ทะเลทรายนามิบเป็นหนึ่งในทะเลทรายที่เก่าแก่ที่สุดของโลก คาดว่ามีอายุอย่างน้อย 55 ล้านปี ทรายที่นี่พิเศษตรงที่มีสีแดงเพราะธาตุเหล็กที่อยู่ในทรายมากระทบกับออกซิเจน สีของทรายยังบอกถึงอายุได้ด้วย ยิ่งสีเข้มแสดงว่าอายุมากแล้ว
• ชม เนินที่ 45 (Dune 45) ตั้งอยู่ในหลักกิโลเมตรที่ 45 นับจากประตูทางเข้าอุทยาน เป็นเนินทรายขนาดใหญ่สูงกว่า 150 เมตร เนินทรายนี้มีชื่อเสียงเรื่องรูปร่างสง่างามซึ่ง เป็นเนินทรายที่มีคนถ่ายภาพมากที่สุดในโลก สามารถเดินขึ้นบนยอดเนินทราย Dune 45 เพื่อมองเนินทรายสีแดงขนาดใหญ่โดยรอบ 360 องศา
• ชม Dead Vlei เป็นแอ่งโคลนแห้งสีขาวที่แห้งแตกระแหง ถูกโอบล้อมด้วยเนินทรายสีแดงสูง เมื่อก่อนบริเวณนี้อุดมสมบูรณ์ไปด้วยน้ำทำให้ต้นไม้เลยมีขนาดสูงใหญ่ อย่างเช่นต้น Camel Thorn จนกระทั่งทะเลทรายถูกพัดเข้ามาเลยเเห้งเเล้ง ต้นไม้ไม่มีน้ำเพียงพอที่จะเอาชีวิตรอด ในที่สุดต้นไม้ตายกันหมด เหลือเพียงลำต้นที่ตั้งตระหง่านแต่ไร้ชีวิต
• หลังจากได้เวลาอันสมควร เราจะนำท่านออกจากเนินทราบ กลับมายังที่ทำการอุทยานด้านนอก (ระยะทาง 40 กิโลเมตร)
• รับประทานอาหารเที่ยง ณ Sossusvlei Lodge
• บ่าย นำท่านเดินชมภายใน แคนยอนเซสเรียม (Sesriem Canyon) หุบเขาลึกที่มีความยาวกว่า 1 กิโลเมตรและลึก 30 เมตร เกิดจากขึ้นจากแรงลม พายุทรายและน้ำที่ไหลกัดเซาะ สามารถเดินไปสำรวจภายในหุบเขาที่ล้อมด้วยกำเเพงหินสูงได้เช่นกัน (ระยะทางเดินทางไปกลับประมาณ 2 กิโลเมตร)
• ได้เวลาอันสมควรนำท่านเดินทางกลับโรงแรมที่พัก (ระยะทางประมาณ 40 กิโลเมตร)
• ที่พัก โรงแรม The Desert Grace Gondwana Collection Namibia
• รับประทานอาหารเย็นภายในโรงแรม

Dead Vlei

เนิน 45 (Dune 45)

เนิน 45 (Dune 45)

เนิน 45 (Dune 45)

วันที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2566 วันที่ 7 : ซอสซุสเฟลย์ (Sossusvlei) – เมืองวินด์ฮุก (Windhoek) ระยะทาง 300 กิโลเมตร ประมาณ 4.5 ชั่วโมง

• รับประทานอาหารเช้า
• 09.00 น. ออกเดินทางจากโรงแรมสู่ Lake Oanob Resort ระยะทางประมาณ 213 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง
• รับประทานอาหารเที่ยง ณ Lake Oanob Resort
• บ่าย หลังจากนั้น จะเป็นการเดินทางกลับเข้าสู่ เมืองวินด์ฮุก (Windhoek) เมืองหลวงของประเทศนามิเบียอีกครั้ง ระยะทาง 95 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 1 – 1.5 ชั่วโมง
• เดินทางถึง เมืองวินด์ฮุก (Windhoek) นำท่านชม Namibia Craft Centre ซึ่งจำหน่ายเครื่องประดับทำมือ เครื่องปั้นดินเผา และรากไม้แกะสลัก ซึ่งทำโดยช่างฝีมือชาวนามิเบียทั้งหมด
• นำท่านเช็คอินเข้าโรงแรมและพักผ่อนตามอัธยาศัย
• ที่พัก โรงแรม Hilton Windhoek
• รับประทานอาหารเย็น ณ ภัตตาคารของโรงแรม

ขึ้นบอลลูนชมเนินทรายพระอาทิตย์ขึ้น (Hot Air Ballooning)

ขึ้นบอลลูนชมเนินทรายพระอาทิตย์ขึ้น (Hot Air Ballooning)

วันที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2566 วันที่ 8 : วินด์ฮุก (Windhoek) – วิคตอเรียฟอลล์ (Victoria Falls) ***เดินทางข้ามประเทศจาก นามิเบีย > ซิมบับเว > แซมเบีย ***

• ตื่นแต่เช้ามืด รับประทานอาหารเช้าแบบ Box
• 06.00 น. ออกเดินทางจากโรงแรมมุ่งหน้าสู่สนามบิน (ระยะทาง 40 กิโลเมตร)
• 07.00 น. เดินทางถึง สนามบินนานาชาติโฮเซอาคูทาโก (Hosea Kutako International Airport) เมืองวินด์ฮุก (Windhoek)
• 09.15 น. ออกเดินทางสู่ น้ำตกวิคตอเรีย ด้วย สายการบิน Eurowing 4Y132 ระยะเวลาบิน 2 ชั่วโมง
• 11.45 น. เดินทางถึง สนามบินนานาชาติวิคตอเรียฟอลล์ (Victoria Falls International Airport) นําท่านผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร จากนั้นได้เวลานําท่านเดินทางสู่เมืองวิคตอเรียฟอลล์ ระยะทาง 20 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 20 นาที
• เดินทางสู่ สะพานน้ำตกวิคตอเรีย (Victoria Falls Bridge) เพื่อข้ามพรมแดนเข้าสู่ น้ำตกวิคตอเรีย (Victoria Falls) ฝั่ง ประเทศแซมเบีย (Zambia) ให้ท่านได้เดินเล่นบริเวณสะพานซึ่งเป็นทางรถไฟเชื่อมต่อระหว่างซิมบับเวกับแซมเบีย สะพานแห่งนี้ยังใช้เป็นที่สำหรับกระโดดบันจี้จัมพ์ของผู้ที่รักความสะใจเพราะที่นี่นับเป็นจุดโดดที่สูงที่สุดในโลก
• น้ำตกวิคตอเรีย (Victoria Falls) น้ำตกที่ยิ่งใหญ่ 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติของโลก ค้นพบโดย เดวิด ลิฟวิ่งสโตน (David Livingstone) มิชชันนารีนักเดินทางผู้ยิ่งใหญ่ชาวอังกฤษ เมื่อปี ค.ศ.1855 โดยน้ำตกแห่งนี้เกิดจากภูเขาไฟระเบิดเมื่อ 150 ล้านปีที่ผ่านมา จนทำให้แผ่นดินบริเวณนี้แยกออกเป็นสองส่วน กลายเป็นน้ำตกอันยิ่งใหญ่และได้ตั้งชื่อน้ำตกแห่งนี้ว่า น้ำตกวิคตอเรีย เพื่อเป็นเกียรติแด่พระราชินีวิกตอเรียแห่งอังกฤษ น้ำตกวิคตอเรียมีชื่อในภาษาท้องถิ่นว่า โมซิ-โอวา-ทุนยา (Mosi-oa-Tunya) แปลว่า ควันที่ส่งเสียงร้องคำราม เนื่องจากเป็นน้ำตกขนาดใหญ่ ปริมาณน้ำมหาศาลตกลงกระทบหินทำให้เกินละอองน้ำฟุ้งคล้ายควัน และเกิดเสียงน้ำกระทบหินดังกึกก้องไปทั่วป่า น้ำตกวิคตอเรียมีขนาดกว้างกว่า 1,690 เมตร สูง 80-100 เมตร องค์การยูเนสโกได้ขึ้นทะเบียนให้น้ำตกวิคตอเรียเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติร่วมกันระหว่างแซมเบียและซิมบับเว
• รับประทานอาหารเที่ยง
• เดินชม น้ำตกวิคตอเรีย (Victoria Falls) ฝั่งแซมเบีย มีน้ำตกที่สำคัญและสวยงามอีก 2 แห่ง ซึ่งอยู่ฝั่งแซมเบีย คือ
  • Armchair Falls ซึ่งเป็นจุดที่น้ำตกมีความสูงเป็นอันดับสอง รองจาก Rainbow Falls สูงถึง 101 เมตร
  • Eastern Cataract ซึ่งสวยงามไม่แพ้จุดอื่นๆ เช่นเดียวกัน การเดินชมน้ำตกจะต้องเปียกจากละอองน้ำ และฝนที่อาจตกได้ตลอดทั้งปี เพราะฉะนั้นควรเตรียมเสื้อกันฝนที่มีฮู้ด (ทางบริษัท มีบริการเสื้อกันฝนให้ลูกค้าทุกท่าน) ร่ม ติดตัวไปด้วยและอย่าลืมถุงหรือกระเป๋ากันน้ำสำหรับกล้องต่างๆ
• 15.00 น.นำท่านเข้าสู่กิจกรรมว่ายน้ำสู่ สระน้ำปีศาจ (Devil’s Pools afternoon tea) ซึ่งเป็นหนึ่งในกิจกรรมที่สุดยอดที่สุดของการมาที่น้ำตกแห่งนี้ เราจะมีโอกาสว่ายน้ำอยู่บนน้ำตกตามกระแสน้ำไปยังริมขอบเหวก่อนที่สายน้ำจะเทลงสู่เบื้องล่าง กิจกรรมนี้ถือว่าเป็นหนึ่งในกิจกรรมที่ดังที่สุดของโลก หลังจากนั้นท่านจะได้มีโอกาสเที่ยวเกาะแก่งต่างๆของน้ำตกวิคตอเรีย เช่น เกาะลิฟวิ่งสโตน (Livingstone’s Island) ที่สามารถเดินทางเข้ามาได้เฉพาะช่วงที่น้ำลดเท่านั้น
• หลังจากนั้นนำท่านเดินทางกลับสู่โรงแรม
• รับประทานอาหารเย็น
• ที่พัก โรงแรม Avani Victoria Falls resort 

น้ำตกวิคตอเรีย ฝั่งซิมบับเว

สัมผัสประสบการณ์ขึ้นเฮลิคอปเตอร์เพื่อชมน้ำตกวิคตอเรียในมุมสูง

น้ำตกวิคตอเรีย (Victoria Falls) จากมุมสูง

น้ำตกวิคตอเรีย (Victoria Falls) จากมุมสูง

น้ำตกวิคตอเรีย (Victoria Falls) จากมุมสูง

น้ำตกวิคตอเรีย (Victoria Falls) จากมุมสูง

ล่องเรือชมแม่น้ำแซมบีซี (Zambezi)

วันที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2566 วันที่ 9  : วิคตอเรียฟอลล์ (Victoria Falls) ฝั่งแซมเบีย (Zambia) ***เดินทางข้ามประเทศจาก แซมเบีย > ซิมบับเว***

•  รับประทานอาหารเช้า
• 08.00 น. นำท่านทำกิจกรรม เดินเล่นกับสิงโต (Walk with Lion) ซึ่งท่านจะได้มีโอกาสได้เดินเล่นกับสิงโตเจ้าป่าระยะประชิดและสามารถสัมผัสเจ้าป่าอันน่าเกรงขามได้ด้วยมือตนเอง ภายใต้การดูแลของไกด์ผู้เชี่ยวชาญ
• 09.45 น. เดินทางกลับสู่โรงแรม หลังจากนั้น นำท่านเดินทางข้ามฝั่งกลับสู่ ประเทศซิมบับเว (Zimbabwe)
• ชมน้ำตกวิคตอเรีย ฝั่งซิมบับเว ที่มีความสูงที่สุดในโลก มีความสูง ณ จุดสูงสุดถึง 108 เมตร ตัวน้ำตกมีความกว้างถึง 1.7 กิโลเมตร ในฤดูน้ำหลากซึ่งตรง กับช่วงเดือนมีนาคม – เมษายน จะมีปริมาณน้ำตกจากหน้าผา ถึงนาทีละกว่า 100 ล้านแกลลอน ปัจจุบันได้รับการยกย่องจาก UNESCO ให้เป็นหนึ่งในมรดกโลก และได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติของโลก (เดินเท้า ระยะเวลาประมาณ 1.5 – 2 ชั่วโมง)
• นำท่านชมจุดชมน้ำตกที่มีชื่อ 4 จุดที่ไม่ควรพลาดคือ
  • Devil’s Cataract จุดแรกที่น้ำตกไหลจากฝั่งซิมบับเวเทสู่หุบเหวเบื้องล่าง พร้อมกับชมอนุสาวรีย์ของ เดวิด ลิฟวิ่งสโตน (David Livingstone)
  • Main Falls มีหน้ากว้างของแผงน้ำตกถึง 830 เมตร
  • Horse Shoe Falls เป็นจุดที่ได้รับการยกย่องว่าสวยที่สุด ตัวน้ำตกมีรูปคล้ายเกือกม้า มีความสูงถึง 95 เมตร
  • Rainbow Falls เป็นจุดที่น้ำตกมีความสูงที่สุดถึง 108 เมตร ท่านจะได้สัมผัสความสวยงามและยิ่งใหญ่ของน้ำตกนี้อย่างใกล้ชิด
• 13.00 น. รับประทานอาหารเที่ยงที่ Lookout Cafe
• หลังจากนั้นให้ท่านได้ใช้เวลาตามอัธยาศัยภายในโรงแรม
• 16.20 น. ช่วงเย็น นำทุกท่าน ล่องเรือชมแม่น้ำแซมบีซี (Zambezi) ชมพระอาทิตย์ตกในยามเย็น แม่น้ำแซมบีซีเป็นแม่น้ำต้นกำเนิดของน้ำตกวิคตอเรีย มีความยาวเป็นอันดับ 4 ของทวีปแอฟริกา เป็นแม่น้ำที่มีความยาวถึง 2,700 กิโลเมตร ไหลผ่านประเทศต่างๆ รวม 6 ประเทศ คือ แซมเบีย แองโกล่า บอสวาน่า ซิมบับเว นามิเบีย และสิ้นสุดที่โมซัมบิค ระหว่างล่องเรือจะได้เห็นความกว้างใหญ่ของแม่น้ำและผืนป่าอันอุดมสมบูรณ์ อีกทั้งยังมีโอกาสที่จะได้เห็นฮิปโปและจระเข้ที่มาหากินในแม่น้ำแห่งนี้ ระหว่างล่องเรือชมพระอาทิตย์ตกดิน มีบริการเครื่องดื่มพร้อมขนมขบเคี้ยวแบบไม่อั้น
• ที่พัก โรงแรม Nkosi Lodge

เดินเล่นกับสิงโต (Walk with Lion)

สระน้ำปีศาจ (Devil’s Pools afternoon tea)

น้ำตกวิคตอเรีย (Victoria Falls) ฝั่ง ประเทศแซมเบีย (Zambia)

20 สิงหาคม พ.ศ. 2566 วันที่ 10  : วิคตอเรียฟอลล์ (Victoria Falls)

• รับประทานอาหารเช้าตามอัธยาศัย และพักผ่อนภายในที่พัก
• 08.00 น. นำท่าน สัมผัสประสบการณ์ขึ้นเฮลิคอปเตอร์เพื่อชมน้ำตกวิคตอเรียในมุมสูง เป็นระยะเวลาประมาณ 15 นาที ท่านจะได้เห็นความยิ่งใหญ่อลังการของน้ำตกวิคตอเรีย ไฟลต์บินจะใช้เวลาประมาณ 12 นาที เฮลิคอปเตอร์นั่งลำละ 6 ท่าน โดยจะเริ่มบินไฟลต์แรก เวลาประมาณ 08.30 น.
• 10.00 น. นำท่านกลับมาโรงแรมที่พัก และเช็คเอาท์ออกจากโรงแรม
• 11.00 น. นําท่านเดินทางสู่ สนามบินนานาชาติวิคตอเรียฟอลล์ (Victoria Falls International Airport)
• 13.05 น. ออกเดินทางโดย สายการบิน Ethiopian Airlines ET 823 สู่เมือง Gabarone ประเทศซิมบับเว (ระยะเวลาบิน 1 ชั่วโมง 30 นาที)
• 14.35 น. เดินทางถึงเมือง Gabarone หลังจากพักเครื่อง 55 นาที
• 15.30 น. ออกเดินทางโดย สายการบิน Ethiopian Airlines ET 823 สู่เมือง แอดดิสอาบาบา ประเทศเอธิโอเปีย (ระยะเวลาบิน 5 ชั่วโมง 10 นาที)
• 21.40 น เดินทางถึง สนามบินนานาชาติแอดดิสอาบาบาโบเล (Addis Ababa Bole International Airport) ประเทศเอธิโอเปีย ใช้เวลาระหว่างรอเปลี่ยนเครื่องประมาณ 2 ชั่วโมง)
• 23.55 น เปลี่ยนเครื่องเป็น เที่ยวบิน Ethiopian Airlines ET 608 เที่ยวบินใช้เวลาบินประมาณ 8.5 ชั่วโมง เดินทางสู่กรุงเทพ

สิงโตตัวผู้ที่กำลังนอนพักหลบแดดในช่วงเวลาก่อนพระอาทิตย์ตก

21 สิงหาคม พ.ศ. 2566 วันที่ 11 : กรุงเทพ

• 12.25 น. เดินทางถึงสนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิโดยสวัสดิภาพ