ทัวร์ไครเมีย (Crimea)

ทัวร์ไครเมีย ฤดูใบไม้เปลี่ยนสี ไข่มุกเม็ดงามแห่งทะเลดำ

ทัวร์ไครเมีย โปรแกรมการเดินทาง ประจำปี พ.ศ.2564 – 2565

สนใจติดต่อทีมงาน

วันที่ 1 : กรุงเทพฯ – มอสโก (Moscow) ทัวร์ไครเมีย

• 07.00น. พบกันที่อาคารผู้โดยสารชั้น 4 (ขาออก) ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเพื่อทำการเช็คอิน สายการบิน Aeroflot
• 10.00 น. เดินทางสู่มอสโก เที่ยวบิน SU – 271ให้ท่านได้เพลิดเพลิน กับอาหารสิ่งอํานวยความสะดวกบนเครื่องบิน ใช้เวลาเดินทางประมาณ 10 ชั่วโมงบิน
• 15.00 น. เดินทางถึง สนามบินนานาชาติมอสโก เชเรเมเทียวา กรุงมอสโก นำท่านผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง
• 18.00 น. แวะชมบรรยากาศกรุงมอสโกบริเวณ เนินนกกระจอก (Sparrow Hills)โดยมีอาคาร มหาวิทยาลัยมอสโก (Moscow State University) ซึ่งเป็นหนึ่งในอาคารเจ็ดศรีพี่น้อง (Seven Sisters) สไตล์ Stalin Gothic และยังเป็นอาคารเรียนที่สูงที่สุดในโลกเป็นฉากหลัง จากนั้นรับประทานอาหารเย็นและเข้าโรงแรมที่พักเพื่อพักผ่อนตามอัธยาศัย
• ที่พัก โรงแรม Holiday Inn Suschevsky หรือเทียบเท่า

เนินนกกระจอก (Sparrow Hills)

วันที่ 2 : มอสโก (Moscow) – ซิมฟีโรโปล (Simferopol) – บักชีซาราย (Bakhchisaray) – เซวาสโตโปล (Sevastopol)

• 06.30 น. เก็บสัมภาระและออกเดินทางไป ท่าอากาศยานเชเรเมเทียวา
• 09.15 น. สายการบินแอโรฟลอท เที่ยวบินที่ SU-1620พาท่านเหินฟ้ามุ่งหน้าสู่สาธารณรัฐปกครองตนเองไครเมีย (ใช้เวลา 2.45 ชม.)
• 12.00 น. เที่ยวบินที่ SU-1620นำท่านลงจอดสู่ ท่าอากาศยานซิมฟีโรโปล สาธารณรัฐปกครองตนเองไครเมีย
• ยินดีต้อนรับสู่ไครเมีย ดินแดนสำหรับการพักผ่อนและตากอากาศที่สำคัญของรัสเซีย โดยมีเมืองหลวงที่เป็นศูนย์กลางการปกครองและจุดเชื่อมต่อคมนาคมที่สำคัญ คือ นครซิมฟีโรโปล (Simferopol) ในอดีตคาบสมุทรไครเมียเป็นถิ่นที่อยู่ของ ชาวตาตาร์ มาก่อนและเป็นทำเลทองที่มหาอำนาจในยุคต่างๆต่างต้องการเข้ามาครอบครองจึงทำให้ไครเมียมีสถาปัตยกรรม วัฒนธรรมและผู้คนที่หลากหลาย
• นำท่านเข้าชม พระราชวังข่านแห่งบักชีซาราย (Bakhchisaray) ซึ่งสร้างตั้งแต่ศตวรรษที่ 16 โดยข่าน ซาหิบ กิราย โดยถูกใช้เป็นที่ประทับของข่าน ในวังประกอบด้วยส่วนต่างๆหลายส่วน มีทั้งมัสยิด ฮาเร็ม สุสาน สวน และส่วนที่พักอาศัย ถูกสร้างตามสไตล์ของชาวตาต้าร์ในแถบนี้ช่วงศตวรรษที่ 16 แรงงานที่ถูกนำมาสร้างวังก็คือทาสชาวรัสเซีย และอูเครน ส่วนคนออกแบบ ก็มีทั้งอิตาลี เปอร์เซีย และ ออตโตมาน เป็นเมืองโบราณ มีประวัติย้อนไปได้ถึงปี 1502 ส่วนก่อนหน้านั้น
• พื้นที่นี้เป็นชุมชนที่ผู้คนตั้งบ้านเรือนมาเป็นพันปี ในสมัยรุ่งเรืองที่สุดเมืองนี้ เคยเป็นถึง เมืองหลวงของรัฐข่านไครเมีย (Crimean Khanate หรือ Khanate of Crimea ) ซึ่งเป็นรัฐของชาวตาต้าร์ ไครเมีย ชนเผ่าที่มีเชื้อสายเติร์ก ที่รุ่งเรืองอยู่ในช่วงศตวรรษที่ 14-18 เมืองนี้ถูกหลายฝ่ายช่วงชิงความเป็นเจ้าของ ทำให้มันถูกทำลาย และสร้างใหม่อยู่หลายรอบ จนในที่สุดก็ถูกรัสเซียยึด หลังจากนั้นเมืองบัคชิซารายก็กลายสภาพไปเป็นเมืองธรรมดา แต่ก็ยังคงเป็นศูนย์กลางทางวัฒนธรรมของชาวตาต้าร์ไครเมียที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่ง
• เดินทางต่อไปยังเมือง เซวาสโตโปล (Sevastopol) เมืองท่าที่สำคัญที่สุดในทะเลดำของรัสเซีย เป็นสถานที่ตั้งของกองเรือทะเลดำ มีความสำคัญในฐานะเป็นท่าเรือทะเลน้ำอุ่นเพียงไม่กี่แห่งที่รัสเซียครอบครองอยู่ นำท่านล่องเรือชมอ่าวเซวาสโตโปล ลัดเลาะไปตามอู่จอดเรือทั้งเรือพาณิชย์และเรือรบทั้งเรือบนผิวน้ำและเรือดำน้ำอย่างใกล้ชิด
• ที่พัก โรงแรม Sevastopol หรือเทียบเท่า

ชายหาดเมือง Sevastopol

วันที่ 3 : เซวาสโตโปล (Sevastopol) – ยัลตา (Yalta)

• ซากเมืองโบราณ เคอร์โซนีซุส (Chersonesus) ก่อตั้งราว 2500 ปีก่อนโดยชาวกรีกบนริมฝั่งทะเลดำ ได้รับสมญาว่า “ปอมเปอีแห่งอูเครน” (ในสมัยที่ไครเมียยังคงอยู่ภายใต้การปกครองอูเครน) ต่อมาเมื่ออารยธรรมกรีกเสื่อมลงได้ตกเป็นจังหวัดหนึ่งของอาณาจักรโรมัน บอสโพรัน ชนเผ่าฮุ่น ไบแซนไทน์ และในที่สุดตกเป็นของจักรวรรดิมองโกลโดยโนไกข่าน ผู้นำมองโกลคนแรกๆที่เข้ารีตเป็นมุสลิมตามลำดับ บริเวณเมืองโบราณยังคงมีซากของเมืองเก่ายุคกรีกค่อนข้างสมบูรณ์ มีลักษณะสถาปัตยกรรมแบบผสมทั้งกรีก โรมัน ไบแซนไทน์ มีเสาและหอคอยต่างๆสูงราว 10-12 เมตร มีโรงละครกลางแจ้ง ไฮไลท์สำคัญคือกลุ่มเสา 1935 (คาดว่าตั้งชื่อตามปีที่เปิดให้เข้าชมครั้งแรก) และระฆังแห่งเคอร์โซนี-ซุสซึ่งเคยเป็นระฆังให้สัญญานเตือนเรือที่สัญจรผ่านไปมา ถือเป็นภาพตัวแทนเมืองโบราณทั้งหมด เคยได้รับเลือกเป็นสถานที่ที่อยู่บนธนบัตร 1 กริฟเนียปี 1994 ของอูเครนด้วย โดยรอบพื้นที่มีกำแพงเมืองยาวและกว่าถึง 3.5 กม. กินอาณาบริเวณกว่า 74 เอเคอร์ เมืองโบราณเคอร์โซนีซุสได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกด้านวัฒนธรรมในปี 2013ในรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบไบแซนไทน์ระลึกถึงอิทธิพลของอารยธรรมไบแซนไทน์ที่เคยรุ่งเรืองในบริเวณนี้ สร้างเพื่ออุทิศให้แด่นักบุญวลาดิมีร์ ภายในตกแต่งด้วยหินอ่อนและพื้นโมเสกตามสไตล์ศตวรรษที่ 19 เคยถูกทำลายในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง
• ยัลต้า (Yalta) เมืองพักตากอากาศที่สำคัญที่สุดของรัสเซีย มีพระราชวัง คฤหาสน์พักร้อนของพระเจ้าซาร์ เชื้อพระวงศ์ ขุนนางต่างๆ ตลอดจนสถานตากอากาศของผู้นำในยุคโซเวียต หลังจากออกเขตเซวาสโตโปลตลอดทางจะเป็นลักษณะถนนที่ตัดเลาะไปตามเชิงเขา บางจุดสามารถจอดแวะเก็บภาพทิวทัศน์ที่สวยงามได้เป็นระยะๆ
• ยอดเขา “อัย เปตรี” (Ai-Petri) ที่มีที่มาจากภาษากรีกหมายถึง “เซ็นต์ ปีเตอร์” เป็นจุดชมวิวที่สวยที่สุดอีกแห่งหนึ่งของไครเมีย จากข้างบนท่านสามารถเก็บภาพแบบพาโนรามา 360 องศาได้ ณ จุดความสูง 1234 ม. เหนือระดับน้ำทะเลโดยมีฉากหลังเป็นทะเลดำอยู่เบื้องล่างกว้างสุดลูกหูลูกตา
• ที่พัก โรงแรม Yalta Intourist หรือเทียบเท่า

ซากเมืองโบราณ เคอร์โซนีซุส (Chersonesus)

ยอดเขา “อัย เปตรี” (Ai-Petri)

วันที่ 4 : ยัลตา (Yalta)

• วังโวโรนซอฟ (Vorontsov Palace) วังที่เก่าแก่และใหญ่ที่สุดในไครเมียของตระกูลโวโรนซอฟ ตั้งอยู่บริเวณเชิงเขาไครเมียและริมฝั่งทะเลดำ สร้างโดยเจ้าชายมิคาอิล โวโรนซอฟ ผู้สำเร็จราชการเมืองโนโวรอสซิย่า ออกแบบโดยเอ็ดเวิร์ด โบลร์ สถาปนิกชื่อดังของอังกฤษผู้ออกแบบพระราชวังบักกิ้งแฮมในกรุงลอนดอน สร้างในรูปแบบ “จาโคเบเทียน” หรือสถาปัตยกรรมแบบยุคฟื้นฟูศิลปะวัฒนธรรมในรูปแบบของอังกฤษด้วยความที่พระองค์ได้รับอิทธิพลวัฒนธรรมและสไตล์ของอังกฤษสมัยตามพระบิดาที่เป็นนักการทูตไปอยู่ที่อังกฤษ ผสมผสานกับรูปแบบมุสลิมตาตาร์ท้องถิ่นทั้งพระราชวังข่าน ป้อมเยนิคาเล่และได้รับอิทธิพลจากสถาปัตยกรรมของมัสยิดชามาในอินเดียของอังกฤษด้วย พระราชวังนี้ถือเป็นสถานที่รวมตัวพบปะสังสรรค์กันในหมู่ผู้ปกครองชาวรัสเซีย ขุนนาง และเชื้อพระองค์ต่างๆ รวมไปถึงพระเจ้าซาร์เองด้วย นอกจากนี้บริเวณโดยรอบยังมีสวนที่ออกแบบโดยนักออกแบบสวนชื่อดัง Carolus Keebach ที่มีพื้นที่กว่า 99 เอเคอร์ มีความร่มรื่นและมีทางเดินลัดเลาะไปตามหน้าผาริ่มฝั่งทะเลดำ
• วังยุซซูปอฟ (Yusupov Palace) สร้างโดยเจ้าชาย Felix Yusupov-Soumorokov-Elston บิดาของเจ้าชาย Felix Yusupov ผู้สังหาร Rasputinอันโด่งดัง ออกแบบโดย Nikolay Krasnovสถาปนิกผู้ออกแบบพระราชวังลิวาเดีย โดยมีสไตล์สถาปัตกรรมแบบ Renaissanceและ Roman Revivalแบบเรียบง่ายแต่โก้หรู หลังการปฏิวัติในปี 1917 ถูกโอนเป็นกรรมสิทธิ์ของรัฐบาลโซเวียตและเคยถูกใช้เป็นบ้านพักตากอากาศ (Dacha) ของอดีตผู้นำโซเวียต โยซิฟ สตาลิน (Josif Stalin)
• ปราสาทลัสโต้ชคิโน่กเนี้ยสโด (Lastivchyne hnizdo) หรือ ปราสาทรังนกนางแอ่น (Swallow’s Nest) ปราสาทที่อยู่บนชะง่อนผาสูงจากระดับน้ำทะเล 40 เมตร สร้างโดยบารอนชไตเกิล คหบดีค้าน้ำมันชาวเยอรมัน ที่ซื้อบ้านไม้หลังเก่าบนหน้าผาแล้วก่อสร้างใหม่เป็นปราสาท ออกแบบโดยลีโอนิด เชอร์วูด สถาปนิกชาวรัสเซียผู้โด่งดัง สร้างในรูปแบบนีโอโกธิคหรือฟื้นฟูสถาปัตยกรรมในยุคกลางแบบเยอรมันเนื่องจากได้รับแรงบันดาลใจจากรูปแบบของปราสาทลิคเตนชไตน์ ปราสาทนอยชไวน์ชไตน์ และปราสาทชโตลเซินเฟิล ต่อมาถูกขายต่อเป็นร้านอาหารและเป็นของรัฐบาลหลังการปฏิวัติรัสเซีย ตัวปราสาทมีขนาดเล็กแต่อยู่บนทำเลที่สวยงามมาก จึงเคยติด 1 ใน 20 สถานที่ที่ต้องไปก่อนตายของเนชันแนลจีโอกราฟฟิกในปี 2003
• ที่พัก โรงแรม Yalta Intourist หรือเทียบเท่า

วังโวโรนซอฟ (Vorontsov Palace)

ปราสาทรังนกนางแอ่น (Swallow’s Nest)

ปราสาทรังนกนางแอ่น (Swallow’s Nest)

วันที่ 5 : ยัลตา (Yalta)

• ชม พระราชวังมาสซานดรา (Massandra Palace) พระราชวังเก่าของพระเจ้าซาร์อเล็กซานเดอร์ที่สาม อดีตเคยเป็นวังของขุนนางตระกูลโวโรนซอฟ ตระกูลมหาเศรษฐีผู้สร้างวังโวโรนซอฟ ต่อมาทางการได้ซื้อต่อและปรับปรุงให้สมบูรณ์และถวายให้เป็นที่ประทับของพระเจ้าซาร์อเล็กซานเดอร์ที่สามและเตรียมเป็นของขวัญวันแต่งงานของซาเรวิชและเจ้าหญิงจากฝรั่งเศส ตัวพระราชวังออกแบบโดย Etienne Bouchard สถาปนิกชาวฝรั่งเศส สร้างในสไตล์ฝรั่งเศสสมัยพระเจ้าหลุยส์ที่สิบสาม และถือเป็นพระราชวังสำหรับพักร้อนสำหรับพระจักรพรรดิและพระบรมวงศานุวงศ์แม้จะไม่มีการแต่งงานเกิดขึ้นแต่ที่นี่ถูกใช้เป็นสถานที่สังสรรค์ในหมู่บรรดาเชื่อพระวงศ์
• ชม โรงงานไวน์มาสซานดร้า (Massandra Winery) โรงงานไวน์อันเก่าแก่ของรัสเซีย ก่อตั้งโดยเจ้าชายเลี้ยฟ กอลิทซึนในปี 1894 เป็นโรงงานไวน์แบบใต้ดินเพื่อให้การหมักไวน์เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ มีการควบคุมอุณหภูมิ ความชื้นและปัจจัยต่างๆที่จะมีผลต่อรสชาติของไวน์ นอกจากนี้ยังเคยได้รับการบันทึกลงกินเนสบุ๊กเป็นสถานที่ที่มีการเก็บไวน์มากที่สุดในโลก มีจำนวนนับล้านขวด รับฟังบรรยายจากเจ้าหน้าที่ไปตามแต่ละโซนต่างๆ ทั้งโซนไวน์ใหม่ โซนไวน์เก่า ที่บางขวดมีอายุถึง 100 ปีแล้ว พิเศษ! เข้าร่วมคอร์สชิมไปบ่นไป ชิมไวน์ 10 ชนิดมีทั้งแบบเข้ม แบบหวาน แบบเปรี้ยว ฯลฯ ก่อนที่จะไปเลือกหาซื้อไวน์ตามแบบที่ชอบตามอัธยาศัย ราคาไม่แพง และคุณภาพเยี่ยม
• ชม พระราชวังลิวาเดีย (Livadia Palace) พระราชวังตากอากาศของพระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 เป็นพระราชวังใหม่ที่แทนที่พระราชวังเดิมหลังเล็กที่เป็นที่ตากอากาศของราชวงศ์โรมานอฟในตำบลลิวาเดียมาตั้งแต่กลางศตวรรษที่ 19 พระราชวังสร้างแล้วเสร็จในปี 1911 เปิดครั้งแรกกับการฉลองวันประสูติของเจ้าหญิงโอลก้า พระราชธิดาในพระเจ้าซาร์นิโคลัสที่สองครบ 16 ชันษา ออกแบบโดยนิโคลัย คราสนอฟ สถาปนิกชื่อดังที่ออกแบบพระราชวังโวโรนซอฟ สร้างในรูปแบบนีโอเรอเนสซองส์หรือเป็นสถาปัตยกรรมฟื้นฟูที่ได้รับแรงบันดาลใจจากสถาปัตยกรรมแบบคลาสสิกอิตาลีต่างๆ ตัววังเป็นอาคารหินแกรนิตสีขาวทั้งหลัง ล้อมรอบสวนอิตาลี่ขนาดย่อมที่อยู่ตรงกลาง มีลานหินอ่อนแบบอาหรับและอิตาเลี่ยน หอคอยแบบฟลอเรนซ์ หน้าต่างที่หรูหรา มีห้องหับกว่า 116 ห้อง อาทิห้องโถงสไตล์ปอมเปอี ห้องบิลเลียร์ดแบบอังกฤษ ห้องเสวยแบบนีโอบาโร้ก โดยมีไฮไลท์คือห้องสีขาวที่เป็นห้องโถงขนาดใหญ่ มีโต๊ะยาวจุดสุดพื้นที่โถง ความสำคัญคือเป็นสถานที่ที่ใช้จัดประชุมสุดยอดยัลต้าในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง โดยผู้นำโซเวียต อังกฤษและอเมริกา ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆยังคงถูกเก็บรักษาไว้เหมือนครั้งที่มีการประชุม
• นำท่านสำรวจเมืองยัลต้าเดินไปตาม ถนนคนเดินริมฝั่งทะเลดำ (The Yalta Promenade) มีตึกรามบ้านช่องสมัยศตวรรษที่ 19 และ 20 อยู่ตลอดบริเวณ เป็นสถานที่ที่ชาวเมืองมาเดินเล่นและทำกิจกรรมต่างๆ ยามว่าง แวะซื้อของที่ระลึกไครเมียติดไม้ติดมือกลับไปเป็นของฝาก
• ที่พัก โรงแรม Yalta Intourist หรือเทียบเท่า

พระราชวังลิวาเดีย (Livadia Palace)

พระราชวังมาสซานดรา (Massandra Palace)

วันที่ 6 : ยัลตา (Yalta) – ซิมฟีโรโปล (Simferopol) – มอสโคว (Moscow)

• 08.00 น. ออกเดินทางไปท่าอากาศยานซิมฟีโรโปล
• 12.50 น. สายการบินแอโรฟลอท เที่ยวบินที่ SU-1621 นำท่านเหินฟ้ามุ่งหน้าสู่กรุงมอสโก โดยใช้เวลาบิน 2.40 ชั่วโมง
• 15.30 น. เที่ยวบินที่ SU-1621 นำท่านลงจอดยังท่าอากาศยานเชเรเมเทียวา มอสโก รับสัมภาระและเดินทางเข้าสู่กรุงมอสโก เมืองหลวงและศูนย์กลางการปกครองของรัสเซีย
• เดินทางสู่ พิพิธภัณฑ์สุดแนว ที่แอบซ่อนตัวอยู่ใต้ดินของเมืองมอสโก บังเกอร์ 42 พิพิธภัณฑ์ใต้ดินที่บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับหลุมหลบภัยสมัยสงครามเย็น ในอดีตที่มีการขับเคี่ยวกันทางการเมืองระหว่างผู้นำโลกคอมมิวนิสต์อย่างสหภาพโซเวียตและผู้นำโลกเสรีอย่างสหรัฐอเมริกา รวมไปถึงการแข่งขันกันสร้างอาวุธนิวเคลียร์และเกิดจุดวิกฤตที่เสี่ยงต่อการใช้อาวุธนิวเคลียร์ ดังนั้นอุโมงค์นี้จึงถูกสร้างขึ้นเป็นที่หลบภัยและอยู่อาศัยของประชาชนชาวโซเวียต หากเกิดสงครามนิวเคลียร์ขึ้น
• รับประทานอาหารเย็นในบังเกอร์ 42
• ที่พัก โรงแรม Holiday Inn Suschevsky หรือเทียบเท่า

วันที่ 7 : มอสโคว (Moscow)

• สัมผัสความวิจิตรงดงามของ พระราชวังเครมลิน (Kremlin) เข้าชมสถาปัตยกรรมที่ยิ่งใหญ่ อันเป็นจุดกำเนิดของประวัติศาสตร์รัสเซียที่มีอายุยาวนานกว่า 850 ปี
• ชม พิพิธภัณฑ์อาร์เมอร์รี่แชมเบอร์(Kremlin Armoury Chamber) ซึ่งเก็บรวบรวมศาสตราวุธต่างๆ ที่ใช้ในการสงครามเครื่องประดับและของมีค่ามากมายของกษัตริย์ตั้งแต่สมัยอดีต
• ชม พิพิธภัณฑ์พระคลังเพชร (The Kremlin’s State Diamond Fund) ที่จัดแสดง เพชร ทองคำมรกต อำพัน และอัญมณีมีค่ามากมาย
• ชม โบสถ์อัสสัมชัญ (Assumption Cathedral) โบสถ์เก่าแก่ที่สุดในเครมลิน ใช้สำหรับทำพิธีบรมราชาภิเษกในพระราชวังเครมลิน
• ที่พัก โรงแรม Holiday Inn Suschevsky หรือเทียบเท่า

พระราชวังเครมลิน (Kremlin)

วันที่ 8 : มอสโคว (Moscow)

• ตลาดอิสไมลอฟสกี้ (Izmailovsky Market) ตลาดของฝากและของที่ระลึกที่ใหญ่ที่สุดของกรุงมอสโคว เต็มไปด้วยผู้คนและสินค้าน่าซื้อหา มีความสวยงามทางด้านสถาปัตยกรรมและมีชีวิตชีวายิ่งนัก เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวจากทุกสารทิศ ใครมาที่มอสโคว ก็ไม่พลาดที่จะมาเลือกช้อปปิ้งที่นี่ เชิญเลือกซิ้อสินค้าที่ระลึกต่างๆ ในราคาย่อมเยา อาทิ ตุ๊กตาแม่ลูกดก เครื่องประดับจากอำพัน งานหัตถกรรมพื้นบ้าน เป็นต้น
• ทัวร์รถไฟใต้ดินของมอสโคว (Metro tour) ซึ่งมีความแตกต่างกันในแต่ละสถานี โดยไกด์จะพาท่านร่วมขบวนไปกับคนท้องถิ่น  รถไฟฟ้าใต้ดินกรุงมอสโกเป็นสิ่งก่อสร้างที่ชาวรัสเซียสามารถอวดชาวต่างชาติให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ มีประวัติศาสตร์ ความเป็นชาตินิยม และวัฒนธรรมประเพณีอันสวยงาม
• เดินทางไปยัง ท่าอากาศยานนานาชาติมอสโก-เชเรเมเทียวา (Sheremetyevo International Airport)
• 19.20 น.สายการบินแอโรฟลอท เที่ยวบินที่ SU270 ออกเดินทางสู่กรุงเทพฯ

ตลาดอิสไมลอฟสกี้ (Izmailovsky Market)

วันที่ 9 : กรุงเทพ

• 08.30 น. สายการบินแอโรฟลอทนำท่านลงจอดยังท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ โดย สวัสดิภาพพร้อมความประทับใจมิรู้ลืม