“Once in a lifetime at South America 5 counties.”
16.00 น. พบกัน ณ สนามบินสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารชั้น 4 เคานเตอร์ สายการบิน QATAR AIRWAYS พบพนักงานจากทางบริษัทฯ รอต้อนรับท่าน
19.10 น. ออกเดินทางสู่ สนามบินโดฮา ประเทศการ์ตา โดยสายการบิน QATAR AIRWAYS เที่ยวบินที่ QR835 (ใช้เวลาบินประมาณ 7 ชั่วโมง)
22.35 น. เดินทางถึง HAMAD INTERNATIONAL AIRPORT ประเทศกาตาร์แวะเพื่อเปลี่ยนเครื่อง (เปลี่ยนเครื่องประมาณ 2 ชั่วโมง)
00.50 น. เดินทางสู่ เมืองเซาเปาโล สายการบิน Qatar Airways เที่ยวบิน QR 779 (ใช้เวลาบินประมาณ 14 ชั่วโมง)
09.20 น. เดินทางถึง เซาเปาโล ประเทศบราซิล แวะเพื่อเปลี่ยนเครื่อง (เปลี่ยนเครื่องประมาณ 3 ชั่วโมง)
12.15 น. เดินทางสู่ เมืองริโอ เดอ จาเนโร สายการบิน LATAM Airlines Brasil เที่ยวบิน QR 5149 (ใช้เวลาบินประมาณ 1 ชั่วโมง)
13.10 น. เดินทางถึง สนามบินแอนโตนิโอ คาร์ลอส โจบิม (RIOgaleão – Tom Jobim International Airport) นครริโอ เดอจาเนโร (Rio de Janeiro) ประเทศบราซิล ทุกท่านจะต้องผ่านการตรวจคนเข้าเมืองแบบวิธีแสกนหนังสือเดินทางผ่านทาง จากนั้นรับกระเป๋าที่สายพาน และผ่านศุลกากร (ท่านใดมีของที่ต้องสำแดงจะต้องแจ้งเจ้าหน้าโดยตรง) นำท่านเข้าสู่ นครริโอ เดอจาเนโร (Rio de Janeiro) ประเทศบราซิล เมืองริโอ เดจาเนโร หรือ “แม่น้ำแห่งเดือนมกราคม” ได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่งดงามที่สุดแห่งหนึ่งในโลก ด้วยชายหาดชื่อดัง โคปาคาบานา และ อีปาเนมา ที่คนทั่วโลกกล่าวขวัญถึง รวมถึงเทศกาลคาร์นิวัล เทศกาลรื่นเริงประจำปีของชาวแซมบ้า ที่โลกต้องตะลึงไปกับขบวนพาเหรดอันอลังการที่สุดที่โลกเคยมีมา
เข้าชม เอสตาดิโอ โด มาราคานา (Maracanã) สนามฟุตบอลขนาดยักษ์จุคนได้ 103,022 คน เพื่อให้ท่านได้ซื้อของที่ระลึกจากทีมบราซิล
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารในโรงแรม
ที่พัก ARENA LEME หรือเทียบเท่า
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของที่พัก
เราจะเริ่มทัวร์ของเราที่ ยอดเขากอร์โกวาโด (Corcovado) โดยขึ้นรถไฟฟันเฟืองจากสถานี Cosme Velho สัมผัสประสบการณ์การเดินทางด้วยรถไฟสูงชัน 20 นาที ซึ่งจะพาคุณผ่านป่าฝนแอตแลนติกที่หนาแน่นของ Tijuca ชมพรรณไม้เขตร้อนอันเขียวชอุ่มของป่าอย่างใกล้ชิดและเพลิดเพลินกับทัศนียภาพทิวทัศน์ของชายหาดและเมือง จุดหมายปลายทางฝันของนักท่องเที่ยวที่ยืนคู่กับสิ่งมหัศจรรย์ของโลกที่มนุษย์สร้างขึ้นนั่นก็คือ “รูปปั้นพระเยซูคริสต์” แห่งเมืองริโอ เดจาเนโร (Rio de Janeiro) สัญลักษณ์อันโด่งดังของบราซิล
กลางวัน รับประทานอาหารเที่ยง ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
นำท่าน ขึ้นกระเช้าไฟฟ้าขึ้นสู่ยอดเขาซูการ์โลฟ (Pao De Acucar) หรือภูเขาก้อนน้ำตาลที่ตั้งอยู่เคียงข้างกับยอดเขากอร์โกวาโด แต่มีความสูงเพียงครึ่งหนึ่งของรูปปั้นพระเยซูคริสต์ เพื่อไปชมทัศนียภาพแบบ 360 องศาของเมืองริโอ
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารในโรงแรม
ที่พัก ARENA LEME หรือเทียบเท่า
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ที่พัก
08.00 น. หลังมื้อเช้าเดินทางสู่ สนามบินริโอเดอจาเนโร
11.50 น. เดินทางสู่ น้ำตกอิกวาซู โดยเที่ยวบิน LA3684
14.05 น. เดินทางถึง สนามบิน Aeroporto Internacional de Foz do Iguaçu (IGU) เมือง Foz do Iguaçu ประเทศบราซิล
บ่าย รับประทานอาหารกลางวัน ณ ร้านอาหารระหว่างทาง
เช้าชม เขื่อนอิไตปู (Itaipu Dam) เขื่อนคอนกรีตขนาดใหญ่ สร้างขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ผลิตกระแสไฟฟ้า เขื่อนแห่งนี้กั้นแม่น้ำปารานาบริเวณเขตแดนประเทศบราซิลกับประเทศปารากวัย ตัวเขื่อนมีความสูง 180 เมตร มีความยาว 8 กิโลเมตร ใช้คอนกรีตในการสร้างกว่า 28 ล้านตัน เมื่อสร้างเสร็จเหนือเขื่อนเป็นอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่มีเนื้อที่กว่า 1550 ตารางกิโลเมตร
ค่ำ รับประทานอาหารเย็น พร้อมชมโชว์ Rafain
ที่พัก VIALE CATARATAS หรือเทียบเท่า
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ที่พัก
นำท่านสัมผัสความยิ่งใหญ่ของน้ำตกอิกวาซู น้ำตกอิกวาซู (Iguazu Falls) มีต้นกำเนิดจากแม่น้ำอิกวาซูที่ไหลมาจากที่ราบสูงปารานาและตกจากขอบที่ราบสูงขนาดใหญ่ลงสู่พื้นที่ราบเกินเป็นน้ำตกขนาดใหญ่มหึมา ท่านสามารถสัมผัสสายน้ำตกอย่างใกล้ชิดด้วยทางเดินสะพานไม้ ที่ออกแบบเพื่อให้นักท่องเที่ยวทุกคนได้ชุ่มฉ่ำไปกับสายน้ำตกอย่างใกล้ชิดที่สุด
กลางวัน รับประทานอาหารเที่ยงภายในอุทยาน
เราจะเดินชมน้ำตกภายในเส้นทางเดินเทรล ระยะทางประมาณ 1.4 กิโลเมตร
** ในกรณีที่ท่านมีความประสงค์จะขึ้น Helicopter ชมวิวทิวทัศน์และความยิ่งใหญ่บนมุมสูง ค่าเฮลิคอปเตอร์ 130 US$ / ท่าน จากนั้นสนุกสนานไปกับกิจกรรมที่ท่านรอคอย ล่องเรือชมน้ำตก (Macuco Safari) เรือขนาดความจุ 30 ที่นั่ง แล่นไปตามสายน้ำจนเข้าสู่เขตม่านน้ำตก ที่ฝ่าด่านของสายน้ำอันเชี่ยวกราก และสายน้ำตกที่ส่งเสียงกึกก้องมหึมา ที่ท่านไม่ควรพลาดกับประสบการณ์ดีๆ ของความงามแบบธรรมชาติอย่างแท้จริง
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ร้านอาหารท้องถิ่น
ที่พัก VIALE CATARATAS หรือเทียบเท่า
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ที่พัก
นำชมความงามของ น้ำตกอิกวาซู (Iguazu Falls) ฝั่งอาร์เจนตินา ฝั่งด้านนี้หนาแน่นไปด้วยป่าร้อนชื้น และกิจกรรมในการเที่ยวชมน้ำตกอย่างมากมาย น้ำตกอิกวาซู (Iguazu Falls) ประกอบไปด้วยน้ำตก 275 แห่ง สูงระหว่าง 60-82 เมตร แต่ละน้ำตกมีชื่อเรียกโดยเฉพาะ ขนาดของน้ำตกกว้างประมาณ 4 ก.ม. นับเป็นน้ำตกที่กว้างที่สุดในโลก ใหญ่กว่าน้ำตกไนแองการ่า 30 เท่า น้ำตกส่วนใหญ่อยู่ในอาร์เจนตินาราว 90% พื้นที่ป่าริมน้ำตกเป็นเขตคุ้ม ครองรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขตร้อนที่มีอยู่อย่างชุกชุม เช่น นกไทนามัส แมวป่าโอเซล เสือจากัวร์ สมเสร็จ เพ็คคารี และสัตว์นานาชนิดอีกมากมาย
กลางวัน รับประทานอาหารเที่ยงภายในอุทยาน
จากนั้นนำท่านสู่ เส้นทางเดินชมน้ำตกจุดสูงสุด Devil’s Throat จุดที่ท่านจะยืนเหนือน้ำตก สัมผัสละอองน้ำจากด้านบน และตื่นตาตื่นใจกับต้นกำเนิดของสายน้ำตกจากนั้นเปลี่ยนวิวทิวทัศน์บนเส้นทางเดิน Upper Trail และ Lower Trail ที่ให้ความสวยงามที่แตกต่างกันออกไป จากนั้นเดินทางสู่ สนามบิน Aeropuerto Internacional Cataratas del Iguazú (IGR) เมือง Puerto Iguazu
16.45 น. เดินทางสู่ กรุงบัวโนไอเรส (Buenos Aires) สู่ Puerto Iguazu ไฟลต์บิน AR 1743 (ระยะเวลาบิน 1 ชั่วโมง 50 นาที)
18.40 น. เดินทางถึง กรุงบัวโนไอเรส (Buenos Aires) นำท่านเดินทางรับประทานอาหารเย็น
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ พร้อมชมการเต้นแทงโก้ที่ Café los Angelitos
ที่พัก INTERCONTINENTAL BUENOS AIRES หรือเทียบเท่า
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ที่พัก
นำท่านชม กรุงบัวโนสไอเรส (Buenos Aires) ประเทศอาร์เจนตินา ตั้งอยู่ชายฝั่งทางใต้ของแม่น้ำริโอเดอลาพลาตา(Rio de la Plata) เมืองใหญ่อันดับสองของอเมริกาใต้ ที่ได้รับวัฒนธรรมยุโรปมีความเจริญ ทันสมัยและเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวทั่วโลกจนได้รับการขนานนามว่า “ปารีสแห่งอเมริกาใต้” แวะถ่ายรูปกับ คาซา โรซาดา (Casa Rosada) ทำเนียบประธานาธิบดีที่ตั้งอยู่หน้าจัตุรัสมาโย (Plaza De Mayo) Casa Rosada แปลว่า บ้านสีชมพูหรือบ้านสีกุหลาบ เนื่องจากสร้างโดยใช้หินสีชมพู
กลางวัน รับประทานอาหารเที่ยง ณ ร้านอาหารท้องถิ่น
เข้าชม มหาวิหารโรเซอร์เรตต้า (The Metropolitan Cathedral) โบสถ์สำคัญของเมือง สถานที่ฝังศพของ นายพลโฮเซ่ เดอ ซานมาร์ติน (José de San Martín) นักปฎิวัติผู้ซึ่งทำให้อาร์เจนตินาเป็นอิสระ
เดินทางสู่ สนามบิน Aeropuerto Internacional Ezeiza (EZE) ประจำเมืองบัวโนสไอเรส
17.15 น. ออกเดินทางสู่ เมือง El Calafate ด้วยสายการบิน AR18922
20.30 น. เดินทางถึง สนามบิน Aeropuerto Internacional Comandante Armando Tola de El Calafate เมือง El Calafate เมืองที่ตั้งอยู่ริมฝั่งทางใต้ของทะเลสาบอาร์เจนติโน ทางตะวันตกเฉียงใต้ของเมืองซานตา ครูซ ประเทศอาร์เจนติน่า ซึ่งปัจจุบันมีประชากร ประมาณ 3,000 คน ท่ามกลางธรรมชาติที่สวยงามทางตอนใต้ของ Lago Argentino สภาพทั่วไปถูกโอบล้อมไปด้วยทุ่งหญ้าเขียวขจี และเทือกเขาสูงใหญ่ สองฟากฝั่งของถนนสายหลักในหมู่บ้าน เรียงรายไปด้วยโรงแรม ร้านขายของที่ระลึกที่ท่านสามารถเดินเที่ยวเล่นได้อย่างสบายชมย่านใจกลางเมืองเก่าที่มีอาคาร และ สถาปัตยกรรมแบบเฉพาะตัวในช่วงยุคบุกเบิก
ที่พัก POSADA LOS ALAMOS หรือเทียบเท่า
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ที่พัก
นำท่านเดินทางไปยัง อุทยาน LOS GLACIER NATIONAL PARK ใช้เวลาประมาณ 30 นาที อุทยานที่ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนมรดกโลกจาก UNESCO เพื่อชมความยิ่งใหญ่ของธารน้ำแข็ง ธารน้ำแข็งเปอริโต้ โมริโน (Perito Morino Glacier) ซึ่งเป็นธารน้ำแข็งยักษ์ ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติลอส กลาซิอาเรส (Los Glaciares) ใกล้ขั้วโลกใต้ ธารน้ำแข็งนี้ถือเป็นสถานที่มหัศจรรย์ทางธรรมชาติที่ UNESCO ยกให้เป็นมรดกโลกตั้งแต่ปี ค.ศ.1981 โดยกิจกรรมในวันนี้จะแบ่งเป็น 2 ช่วง คือ การล่องเรือ และ การเดินบนธารน้ำแข็ง กิจกรรมล่องเรือชมธารน้ำแข็ง (Boat trip) ในระยะใกล้ชิด ระยะเวลา 1 ชั่วโมงผ่านสาขาริโกของลาโก อาร์เจนติโน เพื่อรับมุมมองที่แตกต่างของธารน้ำแข็งที่น่าประทับใจแห่งนี้ ล่องเรือไปตามกำแพงธารน้ำแข็งขนาดใหญ่และระหว่างภูเขาน้ำแข็งที่ลอยอยู่ ชมอย่างใกล้ชิดเพื่อดูชิ้นส่วนของน้ำแข็งที่แยกตัวออกจากธารน้ำแข็ง
กลางวัน รับประทานอาหารเที่ยงระหว่างกิจกรรม
หลังจากนั้น เราจะเดินทางไปจุดชมวิวธารน้ำแข็งจาก patio ก็จะเห็นธารน้ำแข็งแบบในรูปด้านบน ซึ่งก็สวยและพิเศษมาก เพราะยืนๆดูไปสักพัก ธารน้ำแข็งตรงที่อยู่ริมสุดจะค่อยๆถล่มลงมา หรือเรียกว่า Ice Calving ซึ่งจะเกิดเสียงดังกระหึ่มเลยทีเดียว
ค่ำ รับประทานอาหารเย็น ณ ที่พัก
ที่พัก POSADA LOS ALAMOS หรือเทียบเท่า
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ที่พัก
นำท่านชม ธารน้ำแข็งอัปซาลา (Upsala Glacier) เป็นธารน้ำแข็งขนาดใหญ่ที่ถือเป็น 1 ใน 10 สถานที่ในโลกที่เหมาะจะดูธารน้ำแข็ง และเป็นธารน้ำแข็งที่ยาวที่สุดเป็นอันดับสองในอเมริกาใต้ นำท่าน ล่องเรือชมธารน้ำแข็ง โดยเรือจะล่องไปตาม ทะเลสาบอาร์เจนติน่า (Lago Argentino) ซึ่งเป็นทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในอาร์เจนติน่า และตื่นตาตื่นใจกับธารน้ำแข็งที่มีความยาวกว่า 50 กิโลเมตร กว้างประมาณ10 กิโลเมตร ซึ่งถือเป็นธารน้ำแข็งที่ใหญ่ที่สุดในบริเวณนี้
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ร้านอาหารท้องถิ่น
ได้เวลาอันสมควร จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เอสตันเซีย คริสตินา ฟาร์มเฮ้าส์ (Estancia Cristina)นั่งรถ 4WD ตามเส้นทางจนกระทั่งถึงจุดชมวิวซึ่งเรียกว่าเป็น Upsala viewpoint เพื่อดื่มด่ำกับบรรยากาศของวิวทิวทัศน์แบบ 360 องศา
ได้เวลาอันสมควร เดินทางกลับไปยังที่พัก
ค่ำ รับประทานอาหารเย็น ณ ที่พัก
ที่พัก POSADA LOS ALAMOS ระดับ 4 ดาว หรือเทียบเท่า
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ที่พัก
เยี่ยมชม พิพิธภัณฑ์กลาเซียเรียม (Glaciarium) ผ่านสถาปัตยกรรมชวนอารมณ์ที่เลียนแบบกำแพงธารน้ำแข็ง เป็นสถานที่ที่อาศัยสิ่งเร้าทางภาพและการได้ยินแบบโต้ตอบและสนุกสนานที่มีส่วนช่วยให้ความรู้เกี่ยวกับธารน้ำแข็งและ Patagonian Continental Ice เป็นพิพิธภัณฑ์แห่งใหม่ล่าสุดของเมืองซึ่งภายในแสดงเรื่องราวต่างๆ เกี่ยวกับธารนํ้าแข็งที่มีอยู่ในประเทศอาร์เจนติน่าให้ผู้เข้าชมได้ศึกษา รับชมเรื่องราวเกี่ยวกับการก่อตัวของน้ำแข็ง นักสำรวจ และนักวิทยาศาสตร์’ ประวัติศาสตร์ รูปภาพของช่างภาพชาวอาร์เจนตินาผู้ยิ่งใหญ่อย่าง Florian Von der Flecht ให้ท่านได้ชมบาร์ที่ทุกอย่างทำมาจากน้ำแข็ง ไม่ว่าจะเป็นโต๊ะ เก้าอี้ เคาน์เตอร์บาร์ แก้วน้ำ ถาด เป็นต้น โดยทางบาร์จะมีเสื้อกันหนาวเตรียมไว้ให้ทุกท่านสำหรับสวมใส่เมื่อเข้าไปด้านใน ให้ท่านได้ถ่ายภาพด้านในไอซ์บาร์ตามอัธยาศัย
เที่ยง รับประทานอาหารเที่ยง ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
บ่ายเดินทางข้ามจากฝั่งอาร์เจนตินาสู่ฝั่งชิลี โดยเราจะใช้เวลาประมาณ 4-5 ชั่วโมง ในการเดินทาง รวมถึงเวลาในการผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองอีกประมาณ 1-1.5 ชั่วโมงที่ชายแดน เดินทางเข้าสู่ อุทยานแห่งชาติตอร์เรส เดล ไปย์เน (Torres del Paine)
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารภายในที่พัก
ที่พัก LAS TORRES PATAGONIA หรือเทียบเท่า
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ที่พัก
นำท่าน ล่องเรือชมธารน้ำแข็งเกรย์ (Gray Glacier) โดยเราจะล่องเรือ Grey III catamaran เป็นหนึ่งในกิจกรรมที่ไม่ควรพลาดระหว่างการเยี่ยมชมอุทยานแห่งชาติ Torres del Paine กซึ่งคุณสามารถเพลิดเพลินได้ภูมิทัศน์ที่หาที่เปรียบมิได้ประกอบด้วย ภูเขาน้ำแข็งที่ลอยอยู่ เขียวชอุ่ม พืชพรรณและภูเขาสูงตระหง่าน (กิจกรรมใช้เวลาประมาณ 2.5 – 3 ชั่วโมง)
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ร้านอาหารท้องถิ่น
เที่ยวชมสถานที่น่าสนใจภายในอุทยานแห่งชาติ ชมวิวทะเลสาบและภูเขาในมุมต่างๆ
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารภายในที่พัก
ที่พัก LAS TORRES PATAGONIA หรือเทียบเท่า
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ที่พัก
นำท่านเที่ยว ถ้ำไมโลดอน (Mylodon Cave) เป็นถ้ำที่ ยาว 200 เมตร สูง 30 เมตร และกว้าง 80 กว้างห่างจาก Puerto Natales ประมาณ 25 กิโลเมตร เราจะใช้เวลาเดินประมาณ 30 นาทีเข้าไปในถ้ำเพื่อพบกับ สลอธยักษ์ยุคก่อนประวัติศาสตร์ที่เรียกว่าไมโลดอน (Mylodon) ซึ่งร่างของสลอธยักษ์นี้ยังดูเหมือนสดผิวหนังและกระดูก ในที่เดียวกันยังพบซากสัตว์สูญพันธุ์อื่นๆ รวมทั้งม้ารุ่งอรุณ (Eohippus) หมีถ้ำก่อนประวัติศาสตร์ เสือดำ Patagonian และ เสือเขี้ยวดาบ (saber-toothed tiger)
เราจะหยุดพักที่ ร้านกาแฟ Cerro Castillo ที่ร้านกาแฟ จากนั้นเดินทางต่อไปยัง Torres del Paine ระหว่างทางเราอาจจะได้เห็นบางส่วนของสัตว์ประจำถิ่น รวมทั้งนกหลายชนิด เราอาจเห็น guanacos ซึ่งเป็นอูฐป่าที่เกี่ยวข้องกับลามะ
กลางวัน รับประทานอาหารเที่ยง
เที่ยวชมสถานที่น่าสนใจภายในอุทยานแห่งชาติ ชมวิวทะเลสาบและภูเขาในมุมต่างๆ
เดินทางสู่ เมืองเปอร์โตนาตาเลส (Puerto Natales) ระยะทาง 60 กิโลเมตร
ที่พัก NATALINO HOTEL PATAGONIA หรือเทียบเท่า
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ที่พัก
เดินทางต่อด้วยรถยนต์ ระยะทาง 250 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงสู่ เมือง ปุนตาอาเรนัส (Punta Arenas)
11.00 น. เดินทางถึง เมืองปุนตาอาเรนัส (Punta Arenas) พร้อมรับประทานอาหารเที่ยง
ปุนตาอาเรนัส (Punta Arenas) เป็นเมืองหลวงของชิลีปาตาโกเนียและจุดเริ่มต้นสำหรับการเดินทางไปยังแอนตาร์กติกา เมืองนี้ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2391 ที่สุดขั้วทางใต้สุดของทวีป ปุนตาอาเรนัสเป็นจุดที่เจ้าอาณานิคมใช้เป็นที่ขังนักโทษมาก่อน
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ร้านอาหารท้องถิ่น
เยี่ยมชม จุดชมวิว Cerro de la Cruz เพื่อชมสีสันสดใสของเมือง ช่องแคบมาเจลลัน และเกาะ Tierra del Fuego บนขอบฟ้า จากนั้นเราจะมุ่งหน้าไปยังลานเมืองหลักซึ่งตั้งชื่อตามอดีตผู้ว่าการ Muñoz Gamero พลาซ่าแห่งนี้เป็นศูนย์กลางของเมือง
14.00 น. เดินทางสู่สนามบิน Aeropuerto Internacional Presidente Carlos Ibáñez del Campo
15.25 น. ออกเดินทางด้วย ไฟลต์บิน LA 1160 สู่เมือง ซานติอาโก้ (ระยะเวลาบิน 4 ชั่วโมง 15 นาที)
18.40 น. เดินทางถึง สนามบินอาร์ตูโร่ เมริโน เบนิเตซ (Arturo Merino Benítez Airport) เมืองซานติอาโก้ ประเทศชิลี
ค่ำ รับประทานอาหารเย็น ณ ร้านอาหารท้องถิ่น
ที่พัก HOLIDAY INN SANTIAGO AIRPORT หรือเทียบเท่า
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ที่พัก
09.40 น. ออกเดินทางสู่ เกาะอีสเตอร์ โดยสายการบิน LATAM Airlines เที่ยวบิน LA 841 ใช้เวลาบินประมาณ 5.35 ชั่วโมง
13.20 น. เดินทางถึง สนามบิน Aeropuerto Internacional Mataveri de Isla de Pascua (IPC) เกาะอีสเตอร์ ประเทศชิลี หนึ่งในเกาะเล็กๆที่มีพื้นที่เพียง 160 ตารางกิโลเมตร ยาวเพียง 25 กิโลเมตร เดินทางสู่ อุทยานแห่งชาติลาปานุย (Rapa Nui) ทว่าเกาะขนาดเล็กแห่งนี้กลับมีเรื่องราวที่น่าสนใจโดยเฉพาะ รูปปั้นหินหน้าคนขนาดใหญ่ หรือที่เรียกกันว่า โมอาย (Moai) สัญลักษณ์ของเกาะ ที่สร้างขึ้นจากหินและแร่บะซอลต์ รวมไปถึงแร่จากกากภูเขาไฟ ที่มีอายุนับพันๆปีที่มีมากกว่า 600 ตัว กระจายอยู่ทั่วเกาะอีสเตอร์จากความโดดเด่นนี้เองที่ทำให้เกาะอีสเตอร์ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก้ในปี 1995 แวะถ่ายรูปกับ อาฮู อากิวี (Ahu Akivi) หรือโมอายที่ตั้งเรียงกันอยู่ 7 ตัว โมอายนี้สร้างขึ้นโดยกษัตริย์ โฮตู มาตูอา (King Hotu Matua) ในอิสระในการเดินชมทัศนียภาพดดยรอบ ได้เวลาสมควรก่อนเยี่ยมชมปูนาเปา (Puna Pau Quarry)สถานที่ที่เชื่อว่าเป็นที่ทำหมวกของโมอาย
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของที่พัก
ที่พัก ALTIPLANICO หรือเทียบเท่า
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ที่พัก
เที่ยวชมทุ่งโมอายทางตอนใต้ของเกาะอีสเตอร์ ที่ เหมืองหิน ราโน ราราคู (Rano Raraku) เหมืองหินเก่าแก่ที่มีการพบโมอายมากกว่า 400 ตัวที่ค่อนข้างสมบูรณ์ โดยโมอายเกือบทั้งหมดอยู่ในสภาพล้มนอนซึ่งปัจจุบันยังไม่มีหลักฐานแน่ชัดเกี่ยวกับเรื่องราวของเกาะแห่งนี้ ให้ท่านเดินชมและถ่ายภาพกับทุ่งโมอายหลายร้อยตัว
เที่ยง เที่ยงวันนี้จะเป็นการรับประทานอาหารแบบกล่องหรือปิกนิค เพื่อความสะดวกเนื่องจากบนเกาะแห่งนี้ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกเท่าที่ควร
จากนั้นช่วงบ่ายเดินทางสู่ปากปล่องภูเขาไฟ เพื่อถ่ายรูปกับโมอายที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นที่สุดบนเกาะอีสเตอร์ โมอาย อาฮูตองการิกิ (Ahu Tongariki) รวมถึง โมอาย Ahus Nau Nau, โมอาย Ature Huke และ โมอาย Pukau ที่มีหมวกลักษณะเป็นชิ้นๆหลายๆก้อน ซึ่งปกติมักเป็นหินก้อนเดียว
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของที่พัก
ที่พัก ALTIPLANICO หรือเทียบเท่า
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ที่พัก
ชมความสวยงามของปากปล่อง ภูเขาไฟราโนเกา (Rano Kau Volcano) จากจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นปากปล่องภูเขาไฟลักษณะคล้ายแอ่งขนาดใหญ่สวยงามแปลกตา
เดินทางไปยัง หมู่บ้านโอรองโก (Orongo Ceremonial Village) และเกาะนก ซึ่งหมู่บ้านนี้มีประเพณีในการเลือกหัวหน้าเผ่าของชาวลาปานุย ที่น่าสนใจและท้าทายอย่างมาก นั่นคือการที่ชายหนุ่มผุ้เข้าร่วมจะต้องกระโดดลงหน้าผา และว่ายน้ำไปยังเกาะนกเพื่อเอาไข่นกแล้วว่ายน้ำกลับมายังเกาะอีสเตอร์
จนกระทั่งได้เวลาอันสมควรเดินทางสู่สนาบินเพื่อเตรียมตัวกลับเมืองซานเตียโก
14.40 น. เดินทางสู่เมืองซานเตียโก โดย สายการบิน LATAM Airlines เที่ยวบินที่ LA842
21.05 น. เดินทางถึง สนามบินซานเตียโก Aeropuerto Internacional Arturo Merino Benitez ประเทศชิลี จากนั้นนำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก
ที่พัก NOI VITACURA หรือเทียบเท่า
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ที่พัก
เดินทางสู่ เมืองบัลปาราอีโซ (Valparaiso) เมืองท่าสำคัญที่สุดของประเทศชิลี ได้ชื่อว่าเป็นเมืองหลวงทางวัฒนธรรมของชิลี ที่ตั้งของสถานที่สำคัญทางราชการ เมืองที่ได้รับการยกย่องจากองค์การยูเนสโก้ ให้เป็นเมืองมรดกโลกในปี 2007 ที่ ชมความสวยงามของบ้านเมืองสีสันสดใสตลอดแนวชายฝั่งทะเลที่ได้กลิ่นอายของสถาปัตยกรรมแบบโคโลเนียล ออกเดินทางต่อสู่ เมืองวินนาเดลมา (Vina del Mar) เมืองแห่งสวน (City of Garden) เนื่องจากเมืองที่มีการออกแบบให้มีสวนหย่อมน้อยใหญ่กระจายอยู่ทั่วเกือบทุกเส้นถนน อีกทั้งยังเป็นที่ตั้งสวนพฤษกศาตร์ของชิลี ที่สัมผัสได้ถึงความชุ่มชื้นเบิกบานตลอดการมาเยือนเมืองนี้ แวะถ่ายรูปกับสัญลักษณ์ของเมืองนาฬิกาดอกไม้ (Flower Clock)
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ร้านอาหารท้องถิ่น
จากนั้นเดินทางไปยัง หุบเขาคูลาคาฟว์ (Curacavi Valley) ระหว่างทางสัมผัสกับทัศนียภาพของท้องทะเลสลับกับชายฝั่งภูเขาและเทือกเขาสูง เข้าชมไร่องุ่นตลอดแนวภูเขาและโรงบ่มไวน์ที่ Casablanca Valley อุตสาหกรรมที่มีชื่อเสียงที่สุดและถือเป็นหนึ่งในรายได้หลักของประเทศชิลี พร้อมชิมไวน์หลากหลายประเภทที่สามารถซื้อเป็นของฝากกลับบ้าน
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ร้านอาหารท้องถิ่น
ที่พัก NOI VITACURA หรือเทียบเท่า
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ที่พัก
ชมความยิ่งใหญ่ของ เมืองซานเตียโก (Santiago) เมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของ ประเทศชิลีและเป็นส่วนหนึ่งของแคว้นซานเตียโกเมโทรโพลิแทนหนึ่งในเมืองที่ทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่งในละตินอเมริกา นำท่านชม ย่านเบอร์นาโด โอ ฮิกกิ้น อเวนิว (Bernardo O Higgins Avenue) หรือที่ชาวชิลีรู้จักในนาม La Alameda ถนนสายหลักของเมืองซานเตียโก ซึ่งเป็นย่านเมืองเก่าที่ยังคงความคลาสสิคอันน่าหลงใหล
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ร้านอาหารท้องถิ่น
ชม ศาลาว่าการเมือง (Santiago city hall) ผ่านย่านจตุรัสพลาซ่า เดอะ อาร์ม(Plaza De Arm) และเข้าชม มหาวิหารแห่งซานเตียโก (Cathedral of Santiago) เป็นมหาวิหารที่สร้างด้วยศิลปะแบบนีโอคลาสสิค แวะถ่ายรูปด้านหน้าของพระราชวังโมนิดา (La Moneda Palace) หรือทำเนียบประธานาธิบดีของประเทศชิลีในปัจจุบัน ออกแบบโดย โจแอนควิน โทเอากา สถาปนิกชาวอิตาเลี่ยน แบบสถาปัตยกรรมนีโอคลาสสิค โดยนักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมและถ่ายรูปบริเวณลานด้านหน้าได้
17.50 น. ออกเดินทางสู่ ลิมา (Lima) สายการบิน LA 2696
19.30 น. เดินทางถึง สนามบินฮอร์เฮ ชาเวส (Jorge Chavez International Airport) เมืองลิม่า (Lima) ประเทศเปรู จากนั้นนำท่านเดินทางไปโรงแรมเพื่อพักผ่อนตามอัธยาศัยจากการต่อเครื่อง (โรงแรมตั้งอยู่ตรงข้ามสนามบินในระยะเดิน 50 เมตร)
ค่ำ รับประทานอาหารเย็น ภายในภัตตาคารโรงแรม
ที่พัก HOLIDAY INN LIMA MIRAFLORES HOTEL หรือเทียบเท่า
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ที่พัก
นำท่านเที่ยวชมในเขต เมืองหลวงลิมา Downtown Lima ได้รับการประกาศให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมโดย UNESCO ในปี 1991 ชื่นชมความสง่างามของอาคารสถาปัตยกรรมที่ได้รับการอนุรักษ์ตั้งแต่ยุคอาณานิคมรวมทั้งทำเนียบรัฐบาล Torre Tagle พระราชวัง และมหาวิหาร Santo Domingo ผลงานชิ้นเอกของสถาปัตยกรรมสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1534 หนึ่งในตัวอย่างหลักของศิลปะศาสนาในยุคอาณานิคมในอเมริกา
ค่ำ รับประทานอาหารเย็น ภายในภัตตาคารโรงแรม
ที่พัก HOLIDAY INN LIMA MIRAFLORES HOTEL หรือเทียบเท่า
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ที่พัก
08.05 น. นำท่านเดินทางสู่ สนามบินฮอร์เฮ ชาเวส (Jorge Chavez International Airport) เพื่อเดินทางต่อไปยังเมือง กุสโก (Cusco) โดยสายการบิน LATAM เที่ยวบิน LA2047 ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง 20 นาที
09.27 น. เดินทางถึง สนามบินอเลฮานโดร เวลาสโก อเตเต (Alejandro Velasco Astete Airport) เมืองกุสโก
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ร้านอาหารสไตล์ท้องถิ่น
เดินทางมายังตลาดท้องถิ่น PISAC INDIAN MARKET ชมวิถีชีวิตของชาวท้องถิ่น
ค่ำ รับประทานอาหารเย็น ณ ห้องอาหารโรงแรม
ที่พัก CASA ANDINA VALLE SAGRADO HOTEL VILLAS หรือเทียบเท่า
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ที่พัก
08.00 น. เดินทางสู่ สถานีรถไฟโอลานเทย์ทัมโบ (Ollantaytambo) เพื่อเดินทางไปยัง หมู่บ้านอากวาซ คาลิอันเตส (Aguas Calientes) เพื่อเข้าชมมาชูปิกชู ซึ่งจะเดินทางด้วยรถไฟ โดยทุกท่านสามารถนำสัมภาระติดตัวไปได้ ไม่เกิน 10 กิโลกรัม กรณีเป็นกระเป๋าลาก Carry-on ไซส์ไม่เกิน 22 นื้ว โดยรถตู้จะนำกระเป๋าสัมภาระใบใหญ่กลับไปฝากที่โรงแรมในกุสโกให้ล่วงหน้า
09.15 น. เดินทางสู่ หมู่บ้านอากวาซ คาลิอันเตส (Aguas Calientes) ด้วยรถไฟขบวนที่ 13 (Vistadome train #31) ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง
10.52 น. รถไฟถึงสถานี อากวาซ คาลิอันเตส (Aguas Calientes) หลังจากนั้นเดินทางต่อด้วยรถบัสของอุทยานเดินทางสู่มาชูพิคชู (ระยะทาง 7 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 15 นาที)
เที่ยง รับประทานอาหารเที่ยง ณ Tinkuy restaurant
บ่ายเดินทางสู่ มาชูปิกชู (Machu Picchu) เมืองที่สาบสูญแห่งอาณาจักรอินคา ที่ระดับความสูงกว่า 2,400 เมตรเหนือระดับนํ้าทะเล หนึ่งในสถานที่ที่มีชื่อเสียงที่สุดของ สถาปัตยกรรมของชาวอินคาที่ถูกล้อมรอบด้วยป่าเมฆที่เขียวชอุ่มที่ ซึ่งเพิ่งถูกค้นพบ โดยนักสํารวจชาวอเมริกันที่ชื่อว่า Hiram Bingham เมื่อปี 1911 เราจะเดินกัน Circuit 1 ซึ่งจะครอบคลุมทุกจุดสำคัญของมาชูพิคชู สถานที่ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นสถาปัตยกรรมที่สำคัญของโลก ด้วยการนำหินขนาดใหญ่มาสร้างเป็นบ้านเรือนและวิหารโดยที่ไม่มีการใช้ปูนหรือสลักในการเชื่อมต่อหินแต่ละก้อน และบ้านเรือนและวิหารเหล่านี้ยังคงอยู่มาจนถึงปัจจุบัน
ได้เวลาอันสมควร เดินทางกลับลงมายัง หมู่บ้านอากวาซ คาลิอันเตส
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของที่พัก
ที่พัก SUMAQ MACHU PICCHU หรือเทียบเท่า
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ที่พัก
09.00 น. เช็คเอ้าท์ที่โรงแรม
เดินทางสู่ มาชูปิกชู (Machu Picchu) อีกครั้งเพื่อเดินขึ้น ฮวานน่าปิกชู (Huayna Picchu) หรือที่รู้จักกันในอีกชื่อคือ “young mountain” โดยที่ด้านบนฮวานน่าปิกชู จะมี Temple of the Moon และเป็นจุดที่ท่านสามารถมองเห็นมาชูปิกชูได้ทั้งเมือง หรือถ้าท่านไม่ต้องการเดินขึ้นฮวานน่าปิกชู ท่านสามารถเดินชมรอบๆ มาชูปิกชูในมุมอื่นเพื่อรอดูพระอาทิตย์ขึ้นสาดแสงแรกสู่มาชูปิกชู (ไป/กลับ ใช้เวลาประมาณ 2.5 – 3 ชั่วโมง สำหรับผู้ที่มีสภาพร่างกายที่ดีและออกกำลังกายเป็นประจำ
เที่ยง เดินทางกลับมาถึงโรงแรมอาบน้ำอีกครั้งและรับประทานอาหารเที่ยง
15.20 น. เดินทางสู่ หมู่บ้านโอลานเทย์ทัมโบ (Ollantaytambo) ด้วยรถไฟขบวนที่ 34 (Vistadome train #34) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที)
ค่ำ รับประทานอาหารเย็นภายในโรงแรม
ที่พัก CASA ANDINA VALLE SAGRADO HOTEL VILLAS หรือเทียบเท่า
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ที่พัก
นำท่านเดินทางไปยังชม หุบเขาศักดิ์สิทธิ์ โดยจะผ่านหมู่บ้านชินเชโร (Chinchero), มาราซ (Maras), โมเรย์ (Moray) – หมู่บ้านชินเชโร (Chinchero) ที่เป็นหมู่บ้านที่สำคัญแห่งหนึ่งของชาวอินคา ซึ่งเราจะสามารถพบเห็นชาวบ้านที่ยังแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าทอท้องถิ่นสีสันสดใสแบบโบราณของชาวแอนดีส – มาราซ (Maras) แหล่งผลิตเกลือที่คุณภาพดีที่สุดในโลก ที่มีมาตั้งแต่สมัยอินคา แนวนาขั้นบันไดที่เรียงอยู่ตามลำดับความสูงของภูเขา – โมเรย์ (Moray) นาขั้นบนไดวงกลมขนาดใหญ่หลายๆวงรูปร่างแปลกตาที่ชาวอินคาทำไว้เพื่อทดลองปลูกพืชพันธุ์ต่างๆ จากจุดนี้ท่านสามารถมองเห็น หมู่บ้านอูรุมบัมบา (Urubamba)ได้อีกด้วย
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ร้านอาหารสไตล์ท้องถิ่น
ได้เวลาอันสมควรเดินทางกลับเมืองคุสโก ใช้ระยะเวลาประมาณ 1.5 ชั่วโมง
เดินทางถึง เมืองคุสโก (Cusco) เมืองหลวงของอาณาจักรอินคา ที่แพร่ขยายอำนาจจนกินพื้นที่ 1 ใน 3 ของอเมริกาใต้ ตั้งอยู่เหนือระดับน้ำทะเลถึง 3,400 เมตร และเป็นแหล่งอารยธรรมยุคก่อนประวัติศาสตร์ที่ลึกลับน่าทึ่ง เป็นชุมชนเก่าแก่ของจักรวรรดิอินคาอันรุ่งเรือง ซึ่งยังคงทิ้งร่องรอยความเจริญไว้ให้เห็นเป็นซากปรักหักพักโบราณและโบราณวัตถุต่างๆ
ค่ำ รับประทานอาหาร ณ ร้านอาหารท้องถิ่น
ที่พัก NOVOTEL CUSCO หรือเทียบเท่า
04.30 น. นำท่านเดินทางสู่ หุบเขาสายรุ้ง “Vinicunca” (140 กิโลเมตร)
06.30 น. รับประทานอาหารแบบท้องถิ่นที่ Cusipata
08.30 น. ถึงจุดเริ่มต้นเดินให้ท่านขึ้นหลังม้า (สามารถเดินได้)
09.50 น. เดินทางถึงจุดลงม้า หลังจากนั้นต้องเดินต่อประมาณ 30 นาที ถึงยอดเขา
10.20 น. เดินทางถึง หุบเขาสายรุ้ง “VINICUNCA” สถานที่ท่องเที่ยวที่จะมานิยาม คำว่า วิวหลักล้าน ในแบบที่ไม่เหมือนที่ไหนมาก่อน ด้วยหุบเขานั้นถอดยาวสีสันงดงามเสมือนได้นำสายรุ้งมาพาดไว้กับหุบเขา เป็นวิวที่ครั้งหนึ่งต้องเห็นได้สักครั้งในชีวิต เนื่องจากมีความสูงสุดที่ 5,020 เหนือระดับทะเลจึงใช้ระยะเวลาสั้นๆประมาณ 30 นาทีเท่านั้น
10.50 น. เริ่มเดินลงมายังจุดขึ้นม้า แล้วหลังจากนั้นจึงเดินทางต่อด้วยม้ามายังจุดเริ่มต้น
12.30 น. กลับขึ้นรถและเดินทางไปยังร้านอาหารกลางวัน
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ร้านอาหารท้องถิ่น
14.30 น. จากนั้นนำท่านเดินทางกลับเมืองคุสโก (140 กิโลเมตร) ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง
เดินทางถึงเมือง Cusco นำท่านรับประทานอาหารเย็น
เย็น รับประทานอาหารค่ำ ณ ร้านอาหารท้องถิ่น
ที่พัก NOVOTEL CUSCO หรือเทียบเท่า
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของที่พัก
ช่วงเช้าจะมีเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกนำท่านไปออกวีซ่าโบลิเวีย จากนั้นช่วงบ่ายเยี่ยมชมเมืองคุสโกซึ่งเป็นหนึ่งในเมืองมรดกโลกของ UNESCO โดยจะเริ่มต้นที่ ตลาดซาน เปโดร (San Pedro) ตลาดท้องถิ่นที่จะชวนให้คุณหลงมนตร์เสน่ห์สัมผัสกับอาหารท้องถิ่น และวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวกุสโก เข้าชม วิหาร Koricancha วิหารแห่งดวงอาทิตย์ของชาวอินคาซึ่งปัจจุบันกลายเป็นโบสถ์ที่สร้างทับวิหารเดิมในยุคล่าอาณานิคมของชาวยุโรป จากนั้นเยี่ยมชมจัตุรัสกลางเมือง โบสถ์คุสโก ที่เป็นสิ่งก่อสร้างสำคัญทางศาสนาประจำเมือง พบกับที่สุดกับงานศิลปะทางหินของชาวอินคาได้ที่
เที่ยง รับประทานอาหารเที่ยง ณ LIMO RESTAURANT
เดินทางต่อไปยัง PLAZA DE ARMAS จัตุรัสกลางเมืองที่เป็นศูนย์กลางของโบสถ์ที่สำคัญของเมืองกุสโก
เย็น รับประทานอาหารเย็น ณ ร้านอาหารท้องถิ่น
18.00 น. เดินทางสู่สนามบินเมืองคุสโก
20.40 น. ออกเดินทางสู่ ลิมา (Lima) สายการบิน LATAM ไฟลต์บิน LA 2030
22.10 น. เดินทางถึง ลิมา (Lima) พักคอยในสนามบิน เตรียมตัวเดินทางสู่ไฟลต์ต่อไป
(ไม่ได้เข้าโรงแรม)
พักคอยในสนามบิน
03.05 น. ออกเดินทางสู่ LA PAZ ด้วยสายการบิน LATAM LA2400
06.05 น. เดินทางถึง สนามบินเอล อัลโต้ (International Airport)
เช็คอินเข้าที่พักในโรงแรม (Early check-in)
บ่าย นำท่านเดินชมตลาดพื้นเมืองในเมืองลาปาซโดยจะนำท่านเยี่ยมชม ตลาดปลาม ตลาดดอกไม้ ตลาดอูรูกวัย ตลาดอูรูกวัย จะมีนกและสัตว์สายพันธุ์ต่างๆของอเมริกาใต้ และยังมีอาหารท้องถิ่นให้ท่านลองชิม ก่อนหมดวันเราจะ นำท่านไปขึ้น เคเบิ้ลคาร์ เทเลเฟอร์ริโค (Mi Telérico) เป็นกระเช้าลอยฟ้าในเมืองที่สูงและยาวที่สุดในโลก หรืออีกชื่อหนึ่งเรียกว่า “La Paz–El Alto Cable Car” เป็นกระเช้าที่เชื่อมต่อระหว่างเมืองลาปาซและเมืองเอล อัลโต้ โดยเริ่มก่อสร้างเมื่อปี 2014 เพื่อใช้เป็นระบบขนส่งมวลชนเพื่อแก้ไขปัญหารถติดในเมืองลาปาซ โดยจะนั่งเคเบิ้ลคาร์ขึ้นไปยังจุดชมวิว ที่เมืองเอล อัลโต้ ที่มีความสูงถึง 4,095 เมตร เพื่อชมความสวยงามของเมืองลาปาซที่ถูกห้อมล้อมด้วยภูเขา สุดท้ายนำท่านไปยัง วาเล่ เดอ ลา ลูน่า (Valley de la Luna) หรืออีกชื่อคือ “Moon Valley” โดยสถานที่แห่งนี้เป็นหุบเขาและมียอดแหลมของหินขยาดใหญ่อยู่ทั่วบริเวณ ที่เกิดขึ้นจากการกัดกร่อนของลมและฝนที่กัดกร่อนโคลนและหินทรายในบริเวณจนมีลักษณะที่แปลกประหลาด โดยมีทางเดินเล็กๆไปตามแนวหิน ที่ทำให้รู้สึกเหมืนเดินอยู่บนดวงจันทร์
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ร้านอาหารท้องถิ่น
ที่พัก RENNOVA หรือเทียบเท่า
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของที่พัก
นำท่านเดินทางต่อไปยัง ทิวานาคู (Tiwanaku) อยู่ห่างจากเมืองลาปาซประมาณ 72 กิโลเมตร โดยระหว่างทางจะผ่านที่ราบสูงที่ๆเป็นที่อยู่อาศัยของชาวพื้นเมืองอัยมาร่า (Aymara) ที่จะทำให้ท่านได้เห็นวิถีชีวิตของพวกเขาตลอดเส้นทาง ชาวพื้นเมืองอายามาร่าอาศัยอยู่บริเวณที่ราบสูงแอนเดียน ที่ครอบคลุมโบลิเวีย เปรูและชิลี ในช่วงปลายศตวรรษที่ 15 และต้นศตวรรษที่ 16 ชาวอายามาร่าได้เป็นส่วนหนึ่งของชาวอินคา ก่อนที่สเปนจะมายึดครองพื้นที่ในบริเวณนี้ในปีศตวรรษที่ 16 หลังจากนั้นชาวอายามาร่าเลนได้กลายเป็นชาวพื้นเมืองของโบลิเวียและเปรูในปัจจุบัน
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ร้านอาหารท้องถิ่น
หลังจากนั้นนำท่านเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์เครื่องปั้นดินเผาในบริเวณทิวานาคู นำท่านเดินทางกลับสู่เมืองลาปาซและพักผ่อนตามอัธยาศัย
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ร้านอาหารท้องถิ่น
ที่พัก RENNOVA หรือเทียบเท่า
07.30 น. นำท่านเดินทางสู่ สนามบินเอล อัลโต้ (International Airport) เพื่อเดินทางไปยังเมืองอูยูนี โดยสายการบิน OB603 ใช้เวลาเดินทาง 2 ชั่วโมง 40 นาที
10.10 น. เดินทางถึง สนามบินโฮยา อันดิน่า (Joya Andina Airport)
นำท่านเดินทางไปเยี่ยมชม สุสานรถไฟ (Cementerio de Trenes) เป็นทางรถไฟสายเก่าแก่แห่งหนึ่งของโบลิเวียที่ถูกสร้างขึ้นเมื่อปลายปีศตวรรษที่ 19 โดยวิศวกรชาวอังกฤษที่เข้ามามีบทบาทในการสร้างทางรถไฟร่วมกับรัฐบาลโบลิเวีย หลังจากนั้นนำท่านเยี่ยมชม หมู่บ้านโคชานี (Colchani) แหล่งผลิตเกลือ และสินค้าแปรรูจากเกลือต่างๆ ในหมู่บ้านเองจะมีพิพิธภัณฑ์เกลือ (Playa Blanca) อยู่ด้วย จากนั้นจะนำเข้าสู่เขต Salar de Uyuni (Uyuni Salt Flat) ทะเลเกลือที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ทะเลเกลือแห่งนี้ครอบคลุมพื้นที่กว่า 10,000 ลูกบากศ์กิโลเมตร กลางที่ราบแห่งนี้มีความหนาของเกลือสูงมากกว่า 10 เมตร ในช่วงฤดูแล้งทะเลเกลือแห่งนี้จะแห้ง และเกลือจะเกาะกลุ่มเป็นรูปร่างต่างๆ และในฤดูฝนพื้นผิวของที่ราบแห่งนี้จะปกคลุมไปด้วยน้ำ
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวันที่ร้านอาหารท้องถิ่นหรือเป็นแบบ PICNIC
จากนั้นนำท่านไปชม เกาะ อิสล่า อินคาฮวานซิ (Isla Incahuasi) ที่อยู่ใจกลางทะเลเกลือแห่งนี้ โดยที่เนิ่นเขาหินขนาดใหญ่ มี Giant Cactus ที่มีความสูงถึง 12 เมตร และนำท่านชมพระอาทิตย์ตกดินที่ทะเลเกลือก่อนนำท่านกลับสู่ที่พักที่หมู่บ้าน Colchani
ค่ำ รับประทานอาหารเย็นและพักผ่อนตามอัธยาศัย
ที่พัก LUNA SALADA หรือเทียบเท่า
กิจกรรมช่วงกลางคืน เวลา 21.00 – 23.00 น. กิจกรรมดูดาว (Stargazing tour)
05.00 น. กิจกรรมชมพระอาทิตย์ขึ้น (Sunrise tour) โดยเราจะไปดูภาพของทะเลเกลือในยามเช้าที่ถือว่าสวยที่สุด
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ที่พัก
หลังจากนั้นเราจะเดินทางไปทางทิศเหนือไปยัง ภูเขาไฟ Tanupa ซึ่งเราจะเข้าชมหมู่บ้าน Coquesa ซึ่งจะมีร่างมัมมี่ของมนุษย์ยุคโบราณ (pre-Columbia) ซึ่งมีทั้งหมด 6 ร่าง อายุมากกว่า 500 ปี โดยพบความมหัศจรรย์ของการคงสภาพของร่างกายที่อยู่ในระดับความสูงกว่า 3,400 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล เราจะได้เห็นภาพย้อนอดีตของการอาศัยของมนุษย์ในพื้นที่นี้ในยุคโบราณ
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวันที่ร้านอาหารท้องถิ่นหรือเป็นแบบ PICNIC
หลังจากนั้นจะเดินทางกลับโรงแรมที่พัก และให้ท่านได้พักผ่อนตามอัธยาศัย
ที่พัก LUNA SALADA หรือเทียบเท่า
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ที่พัก
09.20 น. นำท่านเดินทางสู่ สนามบินโฮยา อันดิน่า (Joya Andina Airport) เพื่อเดินทางไปยังเมืองลาปาซ โดยสาย Amazonas เที่ยวบิน OB305 ใช้เวลาเดินทางประมาณ 44 นาที
10.20 น. เดินทางถึง สนามบินเอล อัลโต้ (International Airport)
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ร้านอาหารท้องถิ่น
นำท่านไปยัง วาเล่ เดอ ลา ลูน่า (Valley de la Luna) หรืออีกชื่อคือ “Moon Valley” โดยสถานที่แห่งนี้เป็นหุบเขาและมียอดแหลมของหินขยาดใหญ่อยู่ทั่วบริเวณ ที่เกิดขึ้นจากการกัดกร่อนของลมและฝนที่กัดกร่อนโคลนและหินทรายในบริเวณจนมีลักษณะที่แปลกประหลาด โดยมีทางเดินเล็กๆไปตามแนวหิน ที่ทำให้รู้สึกเหมือนเดินอยู่บนดวงจันทร์
หลังจากนั้นจะเดินทางกลับโรงแรมที่พัก และให้ท่านได้พักผ่อนตามอัธยาศัย
ที่พัก RENNOVA หรือเทียบเท่า
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ที่พัก
นำท่านเดินทางสู่ เมืองโคปาคาบาน่า (Copacabana) เพื่อไปยัง ทะเลสาบทิทิคาคา (Titicaca lake) โดยจะใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง 30 นาที ทะเลสาบทิทิคาคา ถือว่าเป็นทะเลสาบที่ใหญ่และลึกที่สุดบนเทือกเขาแอนดีส โดยมีอาณาเขตครึ่งหนึ่งอยู่ที่ประเทศเปรู และอีกครึ่งหนึ่งอยู่ที่ประเทศโบลิเวีย และทะเลสาบแห่งนี้ยังเป็นทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกาใต้ ทะเลสาบทิทิคาคาตั้งอยู่บนความสูง 3,812 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล และมีความเชื่อกันว่าชาวอินคาถือกำเนิดมาจากทะเลสายแห่งนี้
รถจะขับผ่านเมืองที่อยู่เลียบแนวชายฝั่งทะเลสาบ และจะนำท่านเยี่ยมชม โบสถ์คาทอลิค บียร์เจ็น โมเรย์น่า (Virgen Morena) หรือในภาษาอังกฤษเรียกว่า “Virgin Mary” ที่โบสถ์แห่งนี้มีรูปปั้นแกะสลักไม้ของ Virgin Mary ที่มีอายุกว่า 500 ปี
ที่พัก ROSARIO DEL LAGO หรือเทียบเท่า
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ที่พัก
หลังจากนั้นนำท่าน ล่องเรือในทะเลสาบทิทิคาคา เพื่อเดินทางไปยัง เกาะพระอาทิตย์ (Sun Island) นั่งเรือประมาณ 1 ชั่วโมง เพื่อไปเช็คอิน
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวันที่ Huacani รับประทานอาหารพื้นเมือง Aptapi
นำท่านล่องเรือต่อไปยัง วิหารพิลโคไคน่าของชาวอินคา (Pilkokaina Inca Temple) หรืออีกชื่อหนึ่งคือ “Temple of the Sun” และนำท่านเดินต่อไปยังจุดชมวิวที่ ลา เอสทันเซีย (La Estancia) เพื่อชมวิวของทะเลสาบทิทิคาคา แบบ 180 องศา เดินทางมายัง อูมานี่ (Yumani) เพื่อชม Inca Stair บันไดหินของชาวอินคาที่นำหินมาเรียงเป็นขั้นบันได และท่านจะได้เยี่ยมชมน้ำพุ ที่คนท้องถิ่นเชื่อว่าเป็นยาอายุวัฒนะ หลังจากนั้นนำท่านล่องเรือขึ้นไปทางเหนือของเกาะ เพื่อเยี่ยมชม ชินคาน่า (Chincana) ที่ๆเคยเป็นที่ตั้งของปราสาทของชาวอินคา โดยตัวปราสาทหันหน้าไปทางอ่าว ที่ทำให้ท่านมองเห็นน้ำในทะเลสาบเป็นสีฟ้าใสและวิวไกลสุดลูกหูลูกตา และมีแท่นสักการะอยู่ในบริเวณใกล้เคียง นำท่านล่องเรือ กลับเข้าฝั่งโคปาคาบาน่า เพื่อเดินทางกลับไปยังเมืองลาปาซ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ขั่วโมง 30 นาที
ที่พัก โรงแรม RENNOVA หรือเทียบเท่า
นำท่านเดินทางสู่ สนามบินลาปาซ เพื่อเตรียมตัวเดินทางกลับสู่กรุงเทพฯ
05.45 น. เดินทางสู่ ลาปาซ สู่ กรุงลิมา ประเทศเปรู สายการบิน LATAM ไฟลต์บิน LA2401
06.45 น. เดินทางถึง สนามบินกรุงลิมา เมืองหลวงประเทศเปรู
09.15 น. ออกเดินทางสู่ สนามบินเซาเปาโล ประเทศบราซิล โดยสายการ LATAM Airlines Brasil เที่ยวบินที่ QR5295 (ใช้เวลาประมาณ 5 ชั่วโมง)
16.20 น. เดินทางสู่ สนามบินเซาเปาโล ประเทศบราซิล แวะเพื่อเปลี่ยนเครื่อง
21.05 น. ออกเดินทางสู่ สนามบินโดฮา ประเทศการ์ตา โดยสายการบิน การ์ตา แอร์เวย์ เที่ยวบินที่ QR786 (ใช้เวลาประมาณ 14 ชั่วโมง)
17.15 น. เดินทางถึง สนามบินโดฮา ประเทศการ์ตา เพื่อเปลี่ยนเครื่องไปยัง กรุงเทพฯ
พักเปลี่ยนเครื่อง 2 ชั่วโมง 40 นาที
19.55 น. เดินทางสู่ สนามบินสุวรรณภูมิ โดยสายการบิน การ์ตา แอร์เวย์ เที่ยวบินที่ QR830 (ระยะเวลาบิน 8 ชั่วโมง)
07.05 น. เดินทางถึง สนามบินสุวรรณภูมิ โดยสวัสดิภาพ พร้อมกับความประทับใจ
********************************************************************************************************************************
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++