เชื่อว่าใครหลายคนคงคุ้นเคยกับสัตว์ในตำนานอย่างยูนิคอร์นเป็นอย่างดี เรื่องเล่าของอาชาเขาเดียวสีขาวปลอดแพร่หลายในยุโรปตั้งแต่สมัยกรีกโบราณ ยูนิคอร์นถือเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่มีพลังอำนาจ เขาของมันสามารถรักษาโรคภัยได้ทุกชนิด ด้วยเหตุนี้นักล่าสัตว์และพ่อมดหมอผีจึงต้องการเขายูนิคอร์นมาครอบครอง…
ถึงตอนนี้ทุกคนคงเอะใจแล้วว่า ถ้ายูนิคอร์นเป็นเพียงสัตว์ในตำนาน แล้วผู้คนจะหาเขายูนิคอร์นมาจากที่ใดกันเล่า
คำตอบของคำถามดังกล่าวอยู่ไกลออกไปในดินแดนเหนือสุดของโลก ณ ประเทศกรีนแลนด์ เกาะกลางธารน้ำแข็งที่ตั้งอยู่ในมหาสมุทรอาร์กติก ชายฝั่งทะเลกรีนแลนด์นี้เองที่เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ที่ได้ชื่อว่า “ยูนิคอร์นแห่งท้องทะเล (Unicorn of the sea)” ที่ครั้งหนึ่งเคยถูกล่าเพื่อเอาอวัยวะจนเกือบสูญพันธุ์
สัตว์ชนิดนี้มีชื่อว่า “นาร์วาล (Narwhal)” วาฬที่มีความงามโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์
นาร์วาล (Narwhal) คืออะไร
นาร์วาล (Narwhal) เป็น วาฬมีฟัน (Toothed Whale) ขนาดกลาง เป็นญาติห่างๆ ของวาฬเบลูกา (Beluga Whale) ที่หาได้ทั่วไปตามธรรมชาติ ทว่าสิ่งที่ทำให้นาร์วาลแตกต่างจากญาติวาฬขาวก็คือ งายาวตรงที่ยื่นมาจากกรามบนด้านซ้ายในปากนาร์วาลตัวผู้ งาที่ว่าคือฟันซี่เดี่ยวที่มีลักษณะเป็นเกลียว นาร์วาลบางตัวอาจมีงาหรือฟันยื่นออกมาได้ 2 ซี่ งาที่ว่ามีความยาวได้ตั้งแต่ 1.6 เมตร ไปจนถึง 3 เมตร นาร์วาลตัวเมียอาจมีงายื่นออกมาได้เช่นกัน แต่จะไม่ยาวและขมวดเกลียวสวยงามเท่ากับตัวผู้
ประโยชน์ของงานาร์วาลยังคงเป็นปริศนามาจนถึงปัจจุบัน บ้างก็ว่านาร์วาลใช้งายาวไว้ขุดเจาะน้ำแข็งเพื่อหาอาหาร บ้างก็ว่านาร์วาลใช้งาในการต่อสู้ หรือแม้แต่ข้อสันนิษฐานที่ว่านาร์วาลตัวผู้มีงาไว้เพื่อดึงดูดตัวเมีย
อย่างไรก็ตาม งาที่โดดเด่นของนาร์วาลทำให้พวกมันถูกล่าจนแทบจะสูญพันธุ์ในอดีต ปัจจุบันนาร์วาลส่วนมากอาศัยในมหาสมุทรอาร์กติก ที่ชายฝั่งประเทศกรีนแลนด์และแคนาดา ซึ่งเป็นสถานที่ที่มีตำนานเล่าขานเกี่ยวกับนาร์วาลมากมายหลากหลายเรื่อง
ตำนานของนาร์วาลกับชาวอินูอิต
ในประเทศแคนาดา ชนพื้นเมืองอินูอิต (Inuit) เชื่อกันว่า ครั้งหนึ่งนาร์วาลเคยเป็นมนุษย์ เมื่อครั้งบุพกาลในดินแดนอินูอิต มีหญิงผู้หนึ่งอาศัยอยู่กับลูกชายซึ่งเป็นลูกเลี้ยง แม่เลี้ยงปฏิบัติกับลูกชายตาบอดอย่างโหดร้าย แม้ว่าจะมีอาหารอยู่มากมาย แต่หล่อนกลับปล่อยให้ลูกชายต้องหิวโซ เด็กชายตาบอดเก็บงำความแค้นในใจจนเติบใหญ่
เมื่อวันเวลาผ่านไป เด็กชายที่บัดนี้กลายเป็นเด็กหนุ่มก็กลับมามองเห็นอีกครั้ง เด็กหนุ่มยังคงต้องการล้างแค้นแม่เลี้ยงที่เลี้ยงดูตนอย่างทารุณ วันหนึ่งขณะที่แม่เลี้ยงออกไปล่าวาฬขาว เด็กหนุ่มก็ขอติดตามไปช่วยด้วย แม่เลี้ยงไม่ได้เอะใจแต่อย่างใด
เมื่อวาฬขาวตัวใหญ่ว่ายเข้ามาใกล้ แม่เลี้ยงก็โยนฉมวกใส่ลำตัววาฬทันที หล่อนตะโกนร้องให้ลูกชายช่วยดึงเชือกที่ผูกติดกับฉมวก ทว่าแทนที่จะช่วยเหลือแม่เลี้ยง ลูกชายกลับผลักหล่อนตกจากแพ หญิงชราจึงถูกวาฬลากลงธารน้ำแข็ง ทันใดนั้น หล่อนก็เปลี่ยนร่างกลายเป็นวาฬ เส้นผมที่ถักเป็นเปียยาวกลางหลังขมวดกลายเป็นงายาว และแม่เลี้ยงใจร้ายก็กลายเป็นนาร์วาลนับแต่นั้น
นาร์วาลกับชาวไวกิ้ง
เช่นเดียวกับชาวอินูอิตที่ถือว่านาร์วาลเป็นญาติใกล้ชิด ชาวไวกิ้งที่อาศัยอยู่บนเกาะกรีนแลนด์และสแกนดิเนเวียในสมัยโบราณก็คุ้นเคยกับนาร์วาลเป็นอย่างดีเช่นกัน แม้แต่ชื่อของนาร์วาลก็มาจากภาษานอร์สโบราณ โดยคำว่า นาร์ (Nár) มีความหมายว่าซากศพ ซึ่งหมายถึงผิวสีน้ำเงินเทาที่ซีดเซียวเหมือนคนตายของวาฬชนิดนี้
ชาวไวกิ้งนิยมล่านาร์วาลเพื่อเนื้อและงา พวกเขานำงานาร์วาลที่ล่าได้ไปขายให้กับราชวงศ์และชนชั้นสูงในยุโรปภาคพื้นทวีป โดยอ้างว่างานาร์วาลคือเขาของยูนิคอร์นในตำนาน ชนชั้นสูงเชื่อว่างานาร์วาลสามารถขจัดพิษใดๆ ให้หมดไป รวมถึงทำให้ผู้ครอบครองหมดทุกข์โศกอีกต่างหาก พวกเขาจึงนิยมนำงานาร์วาลมาทำเป็นจอกรินเหล้าไวน์เพื่อชะล้างยาพิษที่ผสมในเครื่องดื่ม
ชาวไวกิ้งแลกเปลี่ยนงานาร์วาลกับทองคำ แม้แต่ราชินีเอลิซาเบธที่ 1 แห่งจักรวรรดิอังกฤษยังเคยได้รับของขวัญเป็นงานาร์วาลประดับเพชรนิลจินดาที่มีค่ากว่า 1 หมื่นปอนด์สเตอร์ลิงค์ ด้วยเหตุนี้การล่าและค้างานาร์วาลจึงเป็นที่แพร่หลาย ไม่ต่างจากงาช้างหรือเขี้ยววอร์รัสเลยทีเดียว
สถานการณ์ของนาร์วาลในปัจจุบัน
การล่านาร์วาลของชาวอินูอิตและไวกิ้งตั้งแต่ยุคกลางเป็นต้นมาทำให้ประชากรนาร์วาลลดลงอย่างรวดเร็ว บวกกับอุณหภูมิน้ำทะเลที่สูงขึ้น นาร์วาลจึงอพยพย้ายถิ่นที่อยู่อาศัยมาอยู่แถบชายฝั่งมหาสมุทรอาร์ติกในประเทศกรีนแลนด์ แคนาดา และรัสเซีย
แม้ว่าในปัจจุบัน นาร์วาลจะไม่ได้ถูกล่าเพื่อเนื้อหรืองาอีกต่อไป แต่อุณหภูมิโลกที่สูงขึ้นเพราะภาวะโลกร้อนยังคงกระทบกับถิ่นที่อยู่และแหล่งอาหารของนาร์วาลอย่างต่อเนื่อง
ในประเทศกรีนแลนด์เองก็มีการรณรงค์อนุรักษ์นาร์วาลเช่นกัน ควบคู่ไปกับการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงนิเวศที่ให้ผู้มาเยือนสามารถล่องเรือเที่ยวชมธรรมชาติและเฝ้าดูพฤติกรรมน่ารักขี้เล่นของนาร์วาลที่ออกมาต้อนรับนักท่องเที่ยวอีกด้วย
หากใครต้องการมาเที่ยวกรีนแลนด์เพื่อสัมผัสประสบการณ์ที่หาได้ยากยิ่งกับเจ้านาร์วาล สัตว์ในตำนานแห่งท้องทะเลละก็ แนะนำให้ตรวจสอบข้อมูลก่อนมาสักนิด นาร์วาลส่วนมากอาศัยอยู่ที่ชายฝั่งตะวันตกของกรีนแลนด์ ใกล้กับเกาะดิสโก (Disko Island) ในอ่าวบัฟฟิน (Buffin Bay) รวมถึงที่ฟยอร์ดน้ำแข็งอิลูลิสซัท (Ilulissat Icefjord) ที่ถูกประกาศให้เป็นมรดกโลกโดยองค์กรยูเนสโก
นักท่องเที่ยวสามารถล่องเรือเที่ยวชมภูเขาน้ำแข็งในมหาสมุทร พร้อมกับดูนาร์วาลเขายาวว่ายน้ำมาทักทายอย่างใกล้ชิด ฤดูกาลที่นาร์วาลปรากฏตัวชุกชุมที่สุดคือฤดูร้อน ระหว่างเดือนมิถุนายนถึงเดือนสิงหาคม หากใครต้องการชมนาร์วาลในอ่าวน้ำแข็งแล้วละก็ อย่าลืมพกกล้องส่องทางไกล แว่นกันแดด และกล้องถ่ายรูปเพื่อเก็บภาพความประทับใจ
และถ้าคุณต้องการทราบรายละเอียดการท่องเที่ยวกรีนแลนด์มากกว่านี้ สามารถเข้าไปสอบถามได้ที่ www.patourlogy.com ให้เราได้เป็นส่วนหนึ่งในการวางแผนทริปเที่ยวชมกรีนแลนด์ในฝัน รวมถึงแนะนำข้อมูลต่างๆ ที่จำเป็นเพื่อให้การท่องเที่ยวของคุณในครั้งนี้กลายเป็นความทรงจำดีๆ ตลอดไป
อ้างอิง
- Chatterton, Steve. The great Viking Unicorn Hoax. (2018). [Online]. Accessed 2022 February 15. Available from: https://medium.com/@stevechatterton/when-vikings-cornered-the-market-on-unicorn-horns-d17a081043f5
- Majestic Whale Encounters. Narwhals – Myths, legends and facts. (2020). [Online]. Accessed 2022 February 15. Available from: https://www.majesticwhaleencounters.com.au/narwhals-myths-legends-and-facts
- Quark Expeditions. How to book Greenland Narwhal Tour. (2021). [Online]. Accessed 2022 February 15. Available from: https://explore.quarkexpeditions.com/blog/how-to-book-a-greenland-narwhal-tour