ดูวาฬหรือกิจกรรมดูวาฬ วาฬราชาแห่งท้องทะเล สัตว์พิเศษที่มีขนาดใหญ่ที่อาศัยอยู่ในผืนน้ำและมหาสมุทรขนาดใหญ่ที่กระจายตัวอยู่ทั่วโลก โดยเฉพาะในเขตอาร์คติคที่มีธรรมชาติและแหล่งน้ำอุดมสมบูรณ์จึงมีวาฬมากมายหลากหลายชนิดผลัดกันมาอาศัยอยู่ ผู้คนสามารถล่องเรือดูวาฬได้อย่างใกล้ชิดและมีวาฬนานาพันธ์แวะเวียนมาทักทายอยู่บ่อยครั้งในฤดูอพยพที่ ใครก็ตามที่อยากใกล้ชิดเจ้าวาฬจะพลาดไม่ได้เลย กิจกรรมดูวาฬจึงจัดเป็นเป็นกิจกรรมที่ได้รับความนิยมในหมู่นักท่องเที่ยว
ทำความรู้จักกับเหล่าวาฬและการดูวาฬ (Whale watching)
วาฬ (Whale) เป็น สิ่งมีชีวิตเลี้ยงลูกด้วยนม (mammal) เฉกเช่นเดียวกับมนุษย์ เป็นสัตว์เลือดอุ่น มีขน (ถึงจะไม่มากเท่าสัตว์บกตัวอื่นๆ) ใช้ชีวิตอยู่ใต้น้ำ ว่ายขึ้นมาบนผิวน้ำเพื่อหายใจเป็นระยะและกลับไปหากินในน้ำอีกครั้ง แต่เพียงเจ้าวาฬนั้นมีขนาดใหญ่เป็น 20 เท่าของมนุษย์ หนัก 10 – 200 ตัน อาศัยอยู่ใต้ทะเลลึกกว่าร้อยเมตรและสื่อสารด้วยการใช้สัญญาณเสียงที่มีคลื่นความถี่สูงเท่านั้นเอง โดยวาฬบางตัวสามารถว่ายน้ำได้เร็วถึง 84 ไมล์/ชั่วโมงเลยทีเดียววาฬจะแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ซึ่งก็คือ
- วาฬไม่มีฟัน (Baleen whale) เช่น วาฬหลังค่อม (humpbacks)
- วาฬมีฟัน (Toothed whale) เช่น วาฬหัวทุย (sperm whales)
ปัจจุบันวาฬในโลกนั้นมีอยู่หลากหลายสายพันธุ์แบ่งแยกกันได้ตามลักษณะและที่อยู่อาศัยซึ่งวาฬแต่ละสายพันธ์มีประชากรแตกต่างกันออกไปตั้งแต่ 10,000 – 90,000 ตัว บางสายพันธ์ใกล้สูญพันธุ์จนบางประเทศต้องออกกฎเพื่ออนุรักษ์เผ่าพันธุ์วาฬ บางสายพันธุ์ยังคงดำรงไปได้อย่างอุดมสมบูรณ์
ฝูงวาฬอพยพหนีหนาว
วิถีชีวิตของวาฬ เหล่านี้จะดำเนินไปเช่นเดียวกับสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดอื่นๆ คือ อาศัยอยู่ตามถิ่นที่อยู่แต่ละตัวในฤดูร้อนและบางชนิดจะมีการอพยพย้ายถิ่นฐานตามฤดูกาลในฤดูหนาว ในส่วนของวาฬ วาฬไม่มีฟันจะเป็นประชากรส่วนใหญ่ที่จะอพยพเป็นฝูงเล็กๆ เดินทางเป็นระยะทางกว่าพันกิโลเมตรจากเขตขั้วโลกที่เคยมีแหล่งอาหารอุดมสมบูรณ์ในหน้าร้อนเพื่อเสาะหาแหล่งน้ำที่เหมาะสมในการผสมพันธ์และคลอดลูกในบริเวณทะเลเปิดหรือมหาสมุทรใกล้เส้นศูนย์สูตรที่มีอากาศอบอุ่นกว่าแถบขั้วโลกในหน้าหนาว หลังจากผสมพันธ์และคลอดลูกจึงจะอพยพกลับถิ่นที่อยู่เดิมซึ่งส่วนใหญ่ก็คือเขตขั้วโลกนั่นเอง
กล่าวได้ว่าในช่วงฤดูร้อนเป็นช่วงของการต้อนรับวาฬนานาพันธ์กลับเข้าสู่มหาสมุทรอาร์คติคหลังจากการเดินทางอันยาวนาน โดยวาฬที่จะอพยพเข้ามาพักผ่อนในแดนขั้วโลกเหนือในช่วงหน้าร้อนจะมีทั้ง วาฬสีเทา วาฬสีน้ำเงิน วาฬฟินและวาฬมิ้งค์ ส่วนวาฬสามสหายที่อาศัยอยู่อาร์คติคเกือบตลอดทั้งปี จนถูกขนานนามว่าเป็นวาฬอาร์คติคก็จะ ได้แก่ วาฬหัวคันศร (Bowhead whale) วาฬเบลูก้า (Beluga whale) และวาฬนาร์วาล (Narwhal whale) วาฬทั้ง 3 สายพันธ์จะไม่อพยพไปไกลหากแต่วนเวียนหากินอยู่บริเวณ Arctic circle และบริเวณใกล้เคียงตลอดทั้งปี
ล่องเรือดูวาฬ ณ มหาสมุทรอาร์คติค
จะเห็นได้ว่าในแถบประเทศนอร์ดิคหรือเขตทะเลอาร์คติคจะมีวาฬมากหน้าหลายสายพันธ์สลับกันแวะเวียนเข้ามา แต่ละฤดูกาลก็มีจุดที่นักเดินทางสามารถล่องเรือเข้าไปใกล้ชิดกับพวกวาฬได้แตกต่างกันออกไปเพราะฉะนั้นหากทำการบ้านมาดี ก็จะได้ใกล้ชิดกับเหล่าวาฬในฝันอย่างแน่นอน สำหรับจุดดูวาฬหรือซาฟารีวาฬยอดนิยมน่าไปจะมีที่ไหนกันบ้าง ลองจดลงลิสต์กันได้เลย
เกาะโลโฟเทน ประเทศนอร์เวย์ (Lofoten, Norway)
ถ้าจะพูดถึงการดูวาฬแล้วก็ต้องนึกถึงทางตอนเหนือของนอร์เวย์เป็นอันดับแรก ด้วยภูมิประเทศที่เป็นลักษณะชายฝั่งทอดยาวลงมาทั้งประเทศ นอร์เวย์ถือว่าเป็นหนึ่งในประเทศหนึ่งที่เหล่าวาฬแวะเวียนมาตลอดทั้งปีและเกาะโลโฟเทนเองก็ถูกเลือกให้เป็นแหล่งดูวาฬที่ดีที่สุดในนอร์เวย์อีกด้วย สาเหตุที่เหล่าวาฬมารวมตัวที่เกาะแห่งนี้เป็นจำนวนมากจนเกาะโลโฟเทนเป็นแหล่งดูวาฬที่ดีที่สุดนั้นเนื่องมากจากในช่วงหน้าหนาวเป็นช่วงฤดูปลาแฮร์ริ่งซึ่งจะเป็นฤดูที่ฝูงปลาแฮร์ริ่งจะว่ายขึ้นเหนือเพื่อมาหาอาหารกินและวางไข่บริเวณฟยอร์ดใกล้เกาะโลโฟเทน จึงทำให้เหล่าวาฬนักล่าอย่าง วาฬออก้าและวาฬหลังค่อมอพยพตามเข้ามาหากินในบริเวณนี้ นอกจากวาฬ 2 สายพันธุ์นี้แล้ว นักท่องเที่ยวก็สามารถพบเจอกับวาฬชนิดอื่นๆ อย่างฝูงวาฬฟินที่อพยพมาอาศัยอยู่ในช่วงฤดูหนาวด้วยเช่นกัน
ชนิดวาฬที่พบได้ : วาฬเพชรฆาต , วาฬหลังค่อม , วาฬฟิน
หมู่เกาะเวสเตอเลน ประเทศนอร์เวย์ (Vesterålen, Norway)
หมู่เกาะเวสเตอเลน เป็นหมู่เกาะที่อยู่ห่างออกไปทางเหนือของเกาะโลโฟเทน หมู่เกาะแห่งนี้เป็นที่นิยมสำหรับการล่องเรือออกไปดูวาฬตลอดทั้งปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฤดูร้อนหรือช่วงปลายเดือนมิถุนายน – สิงหาคม ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ฝูงวาฬจะอพยพออกจากฟยอร์ดในโลโฟเทนและมุ่งสู่ทะเลทะเลนอร์วีเจียน (Norwegian sea) จึงทำให้ให้เมืองชายฝั่งอย่างเมือง Andenes ซึ่งเป็นทางผ่านไปสู่ทะเลเวอร์จีเนียนเป็นสถานที่ที่เหมาะแก่การดูวาฬอพยพ บางครั้งนักท่องเที่ยวและชาวเมืองสามารถเห็นภาพของฝูงวาฬอพยพได้จากชายฝั่งเลยทีเดียว เหล่าวาฬที่จะอพยพผ่านหมู่เกาะเวสเตอเลนก็ประกอบไปด้วยวาฬหลากหลายสายพันธุ์ทั้ง วาฬนำร่อง วาฬหัวทุย วาฬมิ้งค์และอาจจะรวมถึงฝูงปลาโลมาอีกด้วย
ว่ากันว่าเกาะแห่งนี้มีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นถึง 50 เปอร์เซ็นต์จากจำนวนชาวเมืองปกติทุกฤดูร้อนเนื่องจากนักท่องเที่ยวหลั่งไหลกันเข้ามาดูวาฬอย่างไม่ขาดสายเลยส่งผลให้เมือง Andenes กลายเป็นเมืองท่องเที่ยวสำคัญและเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวทางเรือของนอร์เวย์เลยทีเดียว
นอกจากสองฤดูนี้บางครั้งอาจจะสามารถพบเจอเหล่าวาฬอาร์คติคทั้ง 3 สายพันธุ์ได้บริเวณหมู่เกาะสวาลบาร์ด (Svalbard) เมืองลองเยียร์เบียน (Longyearbyen) ในช่วงเดือนพฤษภาคม – กันยายนอีกด้วย
ชนิดวาฬที่พบได้ : วาฬหลากหลายสายพันธุ์ทั้ง วาฬนำร่อง วาฬหัวทุย วาฬมิ้งค์
เมืองฮูซาวิก ประเทศไอซ์แลนด์ (Húsavík, Iceland)
ประเทศไอซ์แลนด์ ถือว่าเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวนิยมเข้ามาดูวาฬเช่นเดียวกับประเทศนอร์เวย์ ในปี ค.ศ. 1995 มีบันทึกว่าซาฟารีวาฬในไอซ์แลนด์มีอัตราการเจริญเติบโตสูงสุดในโลก เมืองฮูซาวิกเป็นเมืองประมงเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของชายฝั่งไอซ์แลนด์แต่ถูกขนานนามว่าเป็นเมืองประมงที่สวยที่สุดของชายฝั่งทางเหนือยังเป็นเมืองศูนย์กลางสำหรับหารดูวาฬของยุโรปโดยเป็นที่รู้จักทั้งในประเทศและในต่างประเทศ เนื่องจากโดยปกติแล้วเมืองนี้มีประชากรอยู่เพียงแค่ประมาณ 2,500 – 3,000 คนแต่กลับมีนักท่องเที่ยวที่เข้ามาดูวาฬถึง 50,000 คนต่อปี
นอกจากนี้เมืองฮูซาวิก ยังเป็นเมืองที่โด่งดังเรื่องของทัวร์ดูวาฬที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม บริษัททัวร์พยายามคงเอกลักษณ์ของความเป็นชาวประมงในอดีตเอาไว้ ส่วนวาฬที่สามารถพบเจอในบริเวณหมู่บ้านแห่งนี้ได้แก่ วาฬมิ้งค์และวาฬหัวทุย ในส่วนของวาฬสีน้ำเงินที่เคยพบเจอได้ในปกติ ปัจจุบันพวกมันได้ว่ายออกห่างจากฮูซาวิกเข้าไปทุกที ช่วงที่พบเจอได้มากที่สุดจะจะอยู่ในช่วงกลางเดือนมิถุนายน – กลางเดือนกรกฎาคมในระหว่างที่พวกมันอพยพขึ้นเหนือ และอีกช่วงในเดือนกันยายนขณะที่พวกมันอพยพกลับทางใต้ ช่วงระยะเวลาในการเดินทางของฝูงวาฬจะไม่แน่นอนนัก หลายปีที่ผ่านมานี้พวกมันอพยพเร็วขึ้นจนปีล่าสุดพบเห็นวาฬสีน้ำเงินอพยพขึ้นเหนือในเดือนเมษายนซึ่งมีสาเหตุมาจากสภาพอากาศและอุณหภูมิน้ำที่เปลี่ยนแปลง ฝูงวาฬจึงต้องปรับตัวและปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตให้สามารถอยู่รอดต่อไปได้
หากนักท่องเที่ยวไม่อยากเดินทางไกลไปถึงเมืองฮูซาวิก นักท่องเที่ยวก็สามารถพบเจอกับทัวร์ดูวาฬได้ในเมืองต่างๆ อาทิเช่น เมืองเรยาวิค (Reykjavík) คาบสมุทรสแนฟเฟิ่ลเนสส์ (Snæfellsnes peninsula) หรือเมืองอาคูเรย์รี่ (Akureyri) ซึ่งจะแตกต่างกับทัวร์ในเมืองฮูซาวิกตรงที่จะเน้นความสะดวกสบายมากขึ้น มีโดรนดำน้ำเพื่อส่องดูสิ่งมีชีวิตใต้ทะเล ไม่ว่าจะเป็นวาฬ ฉลามหรือโลมารวมถึงสิ่งมีชีวิตอื่นๆ
ชนิดวาฬที่พบได้ : วาฬมิ้งค์ , วาฬหัวทุย , วาฬสีน้ำเงิน
อ่าวดิสโก้ เกาะกรีนแลนด์ (The Disko Bay, Illulissat, Greenland)
ในส่วนของกรีนแลนด์นั้นซาฟารีวาฬเพิ่งมาเป็นที่นิยมในช่วง 10 – 20 ปีที่ผ่านมา แต่หารู้ไม่ว่าทางตอนใต้ของเกาะกรีนแลนด์ บริเวณที่ผืนน้ำกว้างใหญ่กว่าผืนดินนั้นเป็นแหล่งอาหารและที่พักพิงของเหล่าวาฬมาตั้งแต่ในอดีต จากบันทึกและรูปถ่ายของนักเดินทางพบว่าวาฬกว่า 15 สายพันธุ์สามารถพบได้ในเกาะแห่งนี้สับเปลี่ยนหมุนเวียนกันไป อ่าวดิสโก้ที่อยู่ทางตอนเหนือของเกาะกรีนแลนด์ อ่าวแห่งนี้เป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นดินแดนทะเลน้ำแข็ง ในฤดูหนาวสามารถเห็นฝูงวาฬเพิ่มขึ้นมาเกือบเท่าจำนวนก้อนน้ำแข็งเลยก็ว่าได้
วาฬที่อพยพผ่านอ่าวดิสโก้เพื่อขึ้นเหนือก็จะ ได้แก่ วาฬหลังค่อม วาฬมิ้งค์ วาฬฟินหรือแม้กระทั่งวาฬหัวคันศรที่ใช้เวลาตลอดช่วงหน้าร้อน(มิถุนายน – สิงหาคมหรืออาจลากยาวไปถึงช่วงเดือนกันยายน) ในการหาอาหารอย่าง กุ้ง Krill และปลาขนาดเล็ก ณ อ่าวดิสโก้แห่งนี้ ส่วนในช่วงฤดูหนาวอ่าวแห่งนี้ก็ไม่เคยเงียบเหงา ยังคงมีเหล่าวาฬอาร์คติคอย่าง วาฬเบลูก้า วาฬหลังค่อมและวาฬนาร์วาลให้พอเห็นได้บ้าง ในส่วนของวาฬนักล่าอย่างวาฬสีน้ำเงินหรือวาฬออก้าจะอพยพผ่านมาเป็นครั้งคราซึ่งอาจจะไม่ได้มีให้เห็นทุกปี
การเดินทางเพื่อไปดูวาฬบริเวณอ่าวดิสโด้นั้นจะใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง โดยจะเริ่มออกเดินทางจากท่าเรืออิลลูลิเซียตสู่แหล่งที่มีวาฬอาศัยอยู่ซึ่งล้อมรอบไปด้วยภูเขาน้ำแข็งและธารฟยอร์ดสีขาวสะอาดตา เรียกได้ว่าผู้คนที่เดินทางมากสามารถเพลิดเพลินกับวิวโดยรอบพร้อมกับใกล้ชิดวาฬ และหากโชคดีเจ้าวาฬหัวทุยอาจจะกระโดดขึ้นมาเหนือน้ำให้ได้ชมกัน
ชนิดวาฬที่พบได้ : วาฬหลังค่อม วาฬมิ้งค์ วาฬฟิน วาฬมิ้งค์ , วาฬเบลูก้า วาฬหลังค่อม และวาฬนาร์วาล
เมืองนุก เกาะกรีนแลนด์ (Nuuk, Greenland)
ฝูงวาฬหลังค่อมหลายฝูงได้เลือกชายฝั่งทางตะวันตกของเกาะกรีนแลนด์ อย่าง เมือง Paamiut Maniitsoq และ Aasiaat เพื่อพักผ่อนหาอาหารประมาณ 2-3 เดือน หากแต่วาฬหลังค่อมเป็นจำนวนนับพันตัวเลือกที่จะใช้ช่วงเวลาตลอดหน้าร้อนที่นุกฟยอร์ด ซึ่งถือว่าเป็นสถานที่ที่จะเห็นวาฬหลังค่อมได้มากที่สุดในเกาะกรีนแลนด์ พวกมันเดินทางกลับมาจากการอพยพและอาศัยอยู่ที่เมืองนุกตลอดฤดูร้อนของทุกปี ดังนั้นชาวกรีนแลนด์ที่ต้องเผชิญกับอากาศหนาวเย็นในฤดูหนาวอย่างยาวนานเฉกเช่นเดียวกับฝูงวาฬที่อพยพหนีหนาวจึงถือว่าการอพยพกลับมาของวาฬหลังค่อมเป็นสัญลักษณ์ของฤดูร้อนที่กำลังจะมาถึง
แม้ว่าชาวกรีนแลนด์จะมีวิถีชีวิตที่ผูกพันกับการล่าสัตว์และการประมงมาอย่างยาวนาน แต่ปัจจุบันกรีนแลนด์ถือเป็นเกาะหนึ่งที่ให้ความสำคัญกับการรักษาธรรมชาติ ดูและสิ่งแวดล้อมและสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ในระบบนิเวศน์อย่างมาก มีวาฬหลายสายพันธุ์ที่ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย อาทิ การจำกัดการล่าวาฬหัวทุยที่มีมาตั้งปีค.ศ. 1955 พวกเขาเชื่อกันว่ากิจกรรมต่างๆ ของมนุษย์ไม่ควรไปเบียดเบียนหรือส่งผลกระทบในทางลบต่อสิ่งมีชีวิตอื่นๆ เพราะฉะนั้นในกรีนแลนด์จึงมีกฎการใช้เรือและกฎระเบียบการดูวาฬอย่างเคร่งครัดเพื่อรักษาธรรมชาติและสิ่งมีชีวิตให้คงอยู่ต่อไป
ชนิดวาฬที่พบได้ :วาฬหลังค่อม และ วาฬหัวทุย
ดูวาฬในสถานที่อื่นๆนอกเหนือจากภูมิภาคอาร์คติก
นอกจาก 3 ประเทศที่ได้นำมาให้ดูกันนั้น นักเดินทางยังสามารถเดินทางไปดูวาฬได้ในประเทศอื่นๆ ที่อยู่บริเวณทะเลอาร์คติคอย่างสวีเดน หรือแม้กระทั่งอลาสก้าที่อยู่ทางฝั่งทวีปอเมริกาเองก็เป็นแหล่งดูวาฬที่นักท่องเที่ยวนิยมไปเยี่ยมชมกัน เนื่องจากในแถบอลาสก้าเป็นที่อยู่อาศัยของวาฬเพชรฆาตอย่างวาฬออก้าออาศัยอยู่เกือบตลอดทั้งปี นอกจากนี้ยังมีวาฬชนิดอื่นอย่างวาฬหลังค่อมและวาฬฟินให้เห็นอยู่เป็นบางฤดูกาล ช่วงที่เหมาะแก่การดูวาฬในอลาสก้ามากที่สุดคงหนีไม่พ้นช่วงหน้าร้อนหรือช่วงกลางเดือนเมษายนจนไปถึงเดือนมิถุนายนบริเวณ อ่าว Resurrection ในอุทยานแห่งชาติ Kenai Fjords และเมือง Seward ในมลรัฐอลาสก้าของสหรัฐอเมริกา
บทสรุป
จะเห็นได้ว่าเจ้าสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ใต้ทะเลหรือเจ้าวาฬเหล่านี้มีความสำคัญต่อระบบนิเวศน์และมีความสัมพันธ์กับผู้คนที่อาศัยอยู่ในประเทศแถบอาร์คติคเป็นอย่างมาก เพราะฉะนั้นการล่องเรือดูวาฬหรือทัวร์ดูวาฬใดๆ จึงควรคำนึงถึงเพื่อนร่วมโลกอย่างสัตว์ทะเลเป็นสำคัญ หลายๆ ประเทศมีการออกกฎหรือมาตรการเพื่อให้การดูวาฬของมนุษย์นั้นเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมสูงสุดและเพื่อลดความเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ของวาฬสายพันธุ์ต่างๆ เพราะวาฬนั้นคลอดลูกทีละ 1 ตัวและตั้งท้องนานถึง 1 ปี เรียกได้ว่าถ้าไม่ควบคุมให้ดีก็เสี่ยงต่อการสูญพันธ์ไม่ใช่น้อย เพราะฉะนั้นทัวร์ต่างๆ ในประเทศแถบอาร์คติคจึงนิยมชี้แจงกฎระเบียบในการดูวาฬให้นักท่องเที่ยวทราบอย่างชัดเจน และหลายบริษัทหรือแม้กระทั่งชาวประมงหลีกเลี่ยงหารใช้เครื่องยนต์ที่สร้างมลพิษทั้งทางทะเลและทางเสียงให้กับน่านน้ำเพราะอาจจะไปรบกวนการพักผ่อน การหาอาหารหรือการเลี้ยงลูกน้อยของวาฬได้
ฉะนั้นหากสามารถปฏิบัติตามระเบียบที่วางไว้ได้ การอนุรักษ์วาฬก็จะมีประสิทธิภาพมากขึ้น มนุษย์เองก็สามารถอยู่ร่วมกับเหล่าวาฬ เป็นสัตว์ใหญ่แห่งท้องทะเลที่อยู่คู่ชุมชนชาวประมงสืบต่อไป
อ้างอิง
- https://www.fjordtours.com/inspiration/facts/whale-watching-norway/
- https://visiticeland.com/article/whale-watching
- https://visitgreenland.com/things-to-do/whale-watching/
- https://www.alaskacollection.com/day-tours/kenai-fjords-tours/stories/everything-you-need-to-know-about-whales-in-alaska/
อ่านบทความอื่นเกี่ยวกับการท่องเที่ยว >>> https://www.patourlogy.com/blog/inspiration
สนใจทัวร์ล่องเรือดูวาฬที่ไอซ์แลนด์, กรีนแลนด์, นอร์เวย์ >>>https://www.patourlogy.com/destination/polar-region-ทัวร์ขั้วโลก