7 เทศกาลสวีเดนที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาด
สวีเดน ประเทศแห่งเทศกาล ศิลปะ เสียงเพลงและการเฉลิมฉลอง ด้วยความที่มีภูมิประเทศและฤดูกาลที่แตกต่างกันสุดขั้วทำให้สวีเดนมีการเฉลิมฉลองแต่ละเทศกาลอย่างหลากหลาย ในเดือนที่เป็นช่วงผลัดเปลี่ยฤดูกาลจึงเป็นวันหยุดที่ผู้คนจะได้ออกมาสังสรรค์การเริ่มฤดูใหม่ นอกจากนี้ประวัติศาสตร์อันยาวนานของประเทศสวีเดนยังส่งผลให้แต่ละเทศกาลมีมนต์เสน่ห์และน่าสนใจมากยิ่งขึ้น ด้วยความหลากหลายนี้เองจึงทำให้ประเทศสวีเดนเป็นประเทศที่สามารถเที่ยวและพบเจอเทศกาลได้ทุกฤดู
และนี่คือ 7 เทศกาลของสวีเดนที่ไม่ว่านักท่องเที่ยวหรือชาวสวีเดนก็ไม่ควรพลาด
1.) Fettisdagen (Shove Tuesday)
Fettisdagen หรือแปลตรงตัวคือ Fat Tuesday เป็นเทศกาลขนมที่จัดขึ้นในวันอังคารที่ประเทศสวีเดนก่อนช่วง Lent หรือ 40 วันก่อนวันอีสเตอร์ซึ่งจะจัดขึ้นในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ แต่เดิมในช่วง Lent นี้ชาวคริสต์จะถือว่าเป็นช่วงชำระล้างจิตใจและบ้านเรือนให้สะอาด คิดถึงสิ่งที่เคยทำผิดพลาดและพร้อมที่จะเริ่มต้นใหม่ ชาวคริสต์บางคนจะงดดื่มสังสรรค์หรือรับประทานอาหารนอกเวลาคล้ายกับเป็นการถือศีลอด ทำให้หนึ่งวันก่อนช่วง Lent หรือ Fat Tuesday จะเป็นวันที่ชาวสวีเดนกินดื่มกันอย่างเต็มที่
โดยมีชื่อเรียกที่เป็นที่รู้จักกันอีก 4 ชื่อได้แก่
- semmeldagen(semlor day)
- fläsktisdagen (pork Tuesday)
- smörtisdagen (butter Tuesday)
- vittisdagen (white Tuesday)
ขนมที่เป็นจานเด่นของวันนี้เลย คือ Semlor ขนมปังก้อนกลมสอดไส้อัลมอนด์และวิปครีมที่มีรูปร่างคล้ายโดนัท ซึ่งชาวสวีเดนนิยมซื้อทานกัน แทบทุกเบเกอรี่จะทำ Semlor ออกมาจำนวนมากหรือบางเบเกอรี่ทำแต่ Semlor ในวันนี้เลยก็มี นอกจากซื้อทานกันเองแล้วบางบริษัทถ้าเจ้านายใจดีก็จะซื้อแจกพนักงานในบริษัทด้วย Semlor นี้นิยมขนาดที่ว่า Fettisdagen มีอีกชื่อหนึ่งว่า วันขนมเซลม่า ดังที่ได้กล่าวไปเลย หากใครได้มีโอกาสไปสวีเดนในช่วงนี้ หลายร้านค้าจะมีการแจกขนมเซลม่าให้ไปลองรับประทานกันอีกด้วย แต่ถ้าใครไม่ได้ไปก็ไม่ต้องเสียใจเพราะขนมเซลม่านั้นมีการทำขายอยู่ตลอดเพียงแต่ในวัน Fat Tuesday จะทำมากเป็นพิเศษเท่านั้นเอง
2.) Easter or Påsken
Påsken หรือ เทศกาลอีสเตอร์สไตล์ชาวสวีดิช โดยปกติแล้วเทศกาลอีสเตอร์เป็นเทศกาลที่ประเทศแถบตะวันตกหรือชาวคริสเตียนนิยมเฉลิมฉลองเพื่อระลึกถึงการฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซู แต่ในประเทศสวีเดน ชาวสวีเดนมักมองว่าเทศกาลอีสเตอร์เป็นเทศกาลที่ผู้คนจะได้เดินทางกลับไปเฉลิมฉลองกับครอบครัวเสียมากกว่า อีสเตอร์จะถูกจัดขึ้นในช่วงเริ่มฤดูกาลของฤดูใบไม้ผลิหรือเดือนเมษายน และฉลองกันทั้งหมด 5 วันตั้งแต่วันพฤหัสบดีไปจนถึงวันจันทร์ โดยแต่ละวันมีชื่อเรียกเฉพาะ คือ
- Skärtorsdag (Maudy Thursday)
- Långfredagen (Good Friday)
- Påskafton (Holy Saturday)
- Påskdagen (Easter Sunday)
- Annandag Påsk (Easter Monday)
ซึ่งตั้งแต่วันศุกร์ถึงวันจันทร์ถือเป็นวันหยุดราชการของประเทศสวีเดน เทศกาลอีสเตอร์ในสวีเดนจัดขึ้นคล้ายกับประเทศอื่นๆ ในแถบตะวันตกโดยในวันพฤหัส หรือ Muady Thursday จะถูกเรียกว่าวัน Easter Witch (Påskkärringar) เด็กๆชาวสวีเดนจะแต่งกายเป็นแม่มด เพ้นท์หน้าด้วยสีสันสดใจพร้อมถือไม่กวาดไปเคาะตามบ้านต่างๆและพูดว่า “Glad Påsk!” หรือ สุขสันต์วันอีสเตอร์แด่เพื่อนบ้านเพื่อแลกกับช็อคโกแลต ขนมหรือเหรียญเงิน
กิจกรรมในวันนี้จะมีลักษณะคล้ายเทศกาลฮาโลวีนที่เป็นที่รู้จักกัน โดยเทศกาลนี้ได้เลียนแบบมาจากความเชื่อดั้งเดิมของชาวสวีเดนที่เชื่อว่าวันนี้เป็นวันที่แม่มด ปีศาจและสิ่งชั่วร้ายจะถูกปล่อยมายังโลกมนุษย์และร่วมเต้นรำที่เทือกเขา Blåkulla (Blue Mountain) นั่นเอง ส่วนในวันศุกร์หรือที่เรียกกันว่า Good Friday และวันเสาร์ Holy Saturday ผู้คนในเมืองหรือสมาชิกครอบครัวจะร่วมกันตกแต่งและระบายสีไข่อีสเตอร์ด้วยลวดลายและสีสันสดใสเพื่อนำไปซ่อนตามสวนหลังบ้านหรือสวนสาธารณะในเมืองเพื่อเตรียมตัวสำหรับเกมส์ตามหาไข่อีสเตอร์ นอกจากนี้ยังมีการตกแต่งกิ่งไม้เบิร์ชเข้ากับขนนกสีอ่อนเพื่อนำไปประดับบ้านและไปวางในที่ต่างๆที่ไข่อีสเตอร์ซ่อนอยู่ โดยมีความเชื่อว่าไข่อีสเตอร์นั้นเป็นสัญลักษณ์แห่งการฟื้นคืนพระชนม์ชีพของพระเยซูและกิ่งต้นเบิร์ชเปรียบเสมือนอุปสรรคและความทรมานที่พระเยซูได้พบเจอก่อนสิ้นพระชมน์บนไม้กางเขน ในวันนี้เองก็จะมีการจัดเลี้ยงอาหารในเทศกาลอีสเตอร์ซึ่งเป็นที่รู้กันว่าที่ประเทศสวีเดนมักจะกินดื่มฉลองก่อนวันเทศกาลจริง 1 วัน
ในหลายๆเทศกาล อาหารที่รับประทานจะ ได้แก่ ไข่ มันฝรั่ง มีทบอล และที่ขาดไม่ได้คือ ปลาแฮร์ริ่งหมัก เช่นเดียวกับในเทศกาลอื่นๆ นอกจากนี้ยังมีอาหารพื้นบ้านอย่าง Janssons Frestelse อาหารขึ้นชื่อซึ่งทำมากจากมันฝรั่งอบหัวหอมคลุกเคล้ากับปลาแอโชวี่ ส่วนในมื้อเย็นจะเป็นเนื้อแกะที่เป็นสัญลักษณ์สำคัญของเทศกาลอีสเตอร์ ท้ายที่สุดในวันจันทร์หรือ Monday Easter จะเป็นช่วงเวลาที่เด็กๆจะออกไปตามล่าหาไข่อีสเตอร์ตามคำใบ้หรือแผนที่ ซึ่งในไข่อีสเตอร์อาจจะมีขนมซ่อนอยู่หรือบางที่จัดงานอาจจะให้สะสมไข่เพื่อไปแลกของรางวัลอื่นๆ ที่กำหนดไว้
เทศกาลอีสเตอร์นี้แต่ละเมืองในสวีเดนจะมีการจัดงานตามสวนสาธารณะในเมือง ซึ่งหมายความว่านักท่องเที่ยวเองก็สามารถเข้าร่วมกิจกรรมนี้ได้ด้วยเช่นกัน
3.) Walpurgis night
เทศกาลนี้มีอีกชื่อที่ชาวสวีเดนเรียกกันว่า Valborg ซึ่งเปรียบเสมือนเทศกาลฮาโลวีนในประเทศแถบตะวันตก โดยเทศกาลนี้จะจัดขึ้นในวันที่ 30 เมษายนของทุกปีโดยจะมีการเฉลิมฉลองอย่างต่อเนื่องไปจนถึงวันที่ 1 พฤษภาคม หรือ วันเมย์เดย์ (May Day) การฉลองเทศกาลนี้นั้นนิยมจัดขึ้นในเมืองหลวง Stockholm และเมือง Uppsala ซึ่งค่ำคืนนี้ทั้งสองเมืองจะคึกคักเป็นพิเศษ
โดยเทศกาล Walpurgis night นี้เป็นเทศกาลก่อกองไฟขนาดใหญ่จะจัดขึ้นในช่วงค่ำซึ่งกิจกรรมนี้เองมีมาตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 18 โดยความเชื่อเก่าแก่ของสวีเดนกล่าวว่า ในวันนี้จะเป็นวันที่แม่มด ภูต ผี ปีศาจและวิญญาณจะออกไปพบปะกัน ณ เทือกเขา Brocken (Brocken Mountain) และเพื่อขับไล่วิญญาณร้ายไม่ให้มาทำอันตรายกับมนุษย์จึงต้องจุดกองไฟขนาดใหญ่ เพราะเชื่อกันว่า “เหล่าแม่มดและปีศาจเกลียดและขยาดควันไฟเป็นที่สุด”
ในอดีตมีการสวดมนต์ถึง Saint Walpurga หรือนักบุญชาวอังกฤษซึ่งมีความเชื่อว่าสามารถขับไล่วิญญาณร้ายได้ หลังจากนั้นจึงเป็นไฮไลท์ของงานซึ่งก็คือการจุดพลุหรือการแสดงดอกไม้ไฟกลางเมืองจึงถือว่าเป็นการสิ้นสุดค่ำคืน Walpurgis night
ปัจจุบัน Walpurgis night นั้นถือว่าเป็นเทศกาลของการเริ่มต้นฤดูใบไม้ผลิ ผู้คนในเมืองออกมาเฉลิมฉลองหลังจากสิ้นฤดูหนาว มีการจัดอาหาร เต้นรำและร้องเพลงเกี่ยวกับฤดูใบไม้ผลิเพื่อเป็นสัญญาณการเริ่มต้นของฤดูกาล
4.) วันชาติสวีเดน (Sveriges Nationaldag)
Sveriges Nationaldag หรือ วันชาติสวีเดน จัดขึ้นในวันที่ 6 มิถุนายนของทุกปี และเป็นวันหยุดราชการของชาวสวีเดน โดยก่อนที่จะมาเป็นวันชาตินี้ ในปี ค.ศ. 1963 วันที่ 6 มิถุนายนเคยเป็นวันธงติมาก่อน จนกระทั่งรัฐบาลได้มีความเห็นให้เปลี่ยนมาเป็นวันหยุดและให้มีการเฉลิมฉลอง
ในปี ค.ศ. 2005 ซึ่งกิจกรรมภายในงานก็จะมีทั้ง การแต่งชุดประจำชาติ การบรรเลงดนตรี การเต้นรำดั้งเดิม การรับประทานอาหารพื้นบ้าน มีการกล่าวสุนทรพจน์ถึงประวัติและความเป็นมาของวันชาติภายในงาน ผู้คนจะมารวมตัวกันที่ถนนเพื่อโบกธงชาติต้อนรับขบวนเสด็จของกษัตริย์ ราชินีและสมาชิกราชวงศ์ที่มุ่งหน้าสู่พิพิธภัณฑ์กลาง Skansen ณ กรุงสตอล์กโฮล์ม เพื่อร่วมพิธีและร่วมกล่าวสุนทรพจน์ภายในงาน นอกจากนี้ตามบ้านเรือนของชาวสวีเดนก็จะมีการประดับธงชาติไว้บริเวณบ้านเพื่อเฉลิมฉลองในวันชาติ
ยิ่งไปกว่านั้นในวันนี้ยังเป็นวันที่รัฐบาลจัดให้มีกิจกรรมต้อนรับพลเมืองใหม่ของประเทศสวีเดนขึ้น โดยผู้ที่ได้รับสัญชาติใหม่จะเข้าร่วมงานเพื่อฟังสุนทรพจน์กล่าวต้อนรับและร่วมเฉลิมฉลองกับชาวสวีเดนภายในงานเพื่อเพิ่มความสัมพันธ์อันดีกับเพื่อนบ้านพร้อมกับเรียนรู้วัฒนธรรมของประเทศไปพร้อมกัน
วันชาติสวีเดนที่แต่เดิมไม่ได้มีประวัติเกี่ยวข้องกับการประกาศอิสรภาพของประเทศแต่อย่างใด เนื่องจากสวีเดินไม่เคยตกเป็นเมืองขึ้นหรือตกอยู่ภายใต้การปกครองของประเทศอื่น หากแต่วันชาตินี้เกี่ยวพันกับ 2 เหตุการณ์สำคัญซึ่งมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองของประเทศสวีเดน คือ
- การแต่งตั้งกษัติย์กุสตัฟ วอซ่า (Gustav Vasa) ในวันที่ 6 มิถุนายน ค.ศ. 1523 เป็นกษัตริย์คนแรกของประเทศสวีเดน
- สวีเดนแยกออกจากสหภาพคาล์มาร์ ( Kalmar Union) ในวันที่ 6 มิถุนายน ค.ศ. 1809 ซึ่งประกอบไปด้วยสวีเดน นอร์เวย์ เดนมาร์กและฟินน์แลนด์เป็นสมาชิก ปฏิรูปรัฐบาลและสถาปนารัฐธรรมนูญฉบับแรกของประเทศขึ้นจนเป็นประเทศสวีเดนดั่งทุกวันนี้
5.) Midsummer festival (Midsommerdagen)
เทศกาล Midsummer นั้นเป็นเทศกาลอันโด่งดังของประเทศสวีเดนที่จะจัดขึ้นทุกกลางปีในช่วงเดือนมิถุนายนเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองการมาถึงของฤดูร้อน โดยนิยมจัดขึ้นในวันศุกร์หรือวันหยุดสุดสัปดาห์ช่วงระหว่างวันที่ 20 – 26 มิถุนายนของทุกปี
โดยแรกเริ่มเดิมทีนั้นเชื่อว่าเทศกาล Midsummer มีรากฐานมาจากเทศกาลเฉลิมฉลองแด่บาทหลวง Sait John ของชาวคริสเตียน ซึ่งจะจัดขึ้นในช่วง 24 มิถุนายนของทุกปี ภายหลังรัฐสภาของสวีเดนเห็นว่า เทศกาล Midsummer ควรเป็นวันหยุดประจำชาติและวันหยุดยาวของสวีเดนเพื่อที่ชาวสวีเดนจะได้เดินทางกลับบ้านไปใช้เวลากับครอบครัว ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาเทศกาล Midsummer จึงจัดขึ้นทั้งหมด 2 วัน ในวันศุกร์และวันหยุดสุดสัปดาห์ช่วงระหว่างวันที่ 20 – 26 มิถุนายนของทุกปี โดยแบ่งเป็น
- Midsommarafton (Midsummer Eve)
- Midsommardagen (Midsummer day)
การฉลองเทศกาล Midsummer ในสวีเดนจะมีการตั้ง Mayploe (Midsommarstång) ขึ้นบริเวณสนามหญ้าหน้าบ้านหรือพื้นที่สาธารณะเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของเทศกาล โดย Maypole ในสวีเดนจะมีลักษณะเป็นเสาขนาดใหญ่ลักษณะคล้ายไม้กางเขน สูงประมาณ 3-5 เมตร เถาวัลย์และดอกไม้สวยงามเพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งความอุดมสมบูรณ์ในฤดูร้อน เมื่อ Maypole ถูกตั้งขึ้นก็ถือเป็นสัญญาณว่าเทศกาล Midsummer ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว
โดยปกติแล้วเทศกาล Midsummer มักจะเริ่มขึ้นในช่วงบ่ายโดยที่ผู้คนในเมืองจะนำอาหารออกมารับประทานร่วมกัน เด็กสาวหรือวัยรุ่นก็จะมีการทำมงกุฎดอกไม้ที่ประกอบไปด้วยไม้ดอกแตกต่างกันถึง 7 ชนิด เพื่อเป็นเครื่องประดับสำหรับเทศกาลนี้อีกด้วย
โดยเชื่อว่า “หากหลังเทศกาลผู้หญิงคนใดนำดอกไม้นี้ไปวางไว้ใต้หมอนยามค่ำคืน จะฝันถึงรักแท้หรือคู่แท้ในอนาคต”
กิจกรรมภายในงานจะเริ่มด้วยการเต้นรำพื้นบ้านซึ่งการเต้นรำที่ขนาดไม่ได้เลยคือ Små grodorna หรือ The Little Frogs ซึ่งเป็นประเพณีการเต้นรำดั้งเดิมของสวีเดนโดยท่าเต้นจะมีท่าทางคล้ายกบกระโดดไปรอบๆเสา
อาหารประจำเทศกาลจะได้แก่ แซลมอนรมควัน สลัดมันฝรั่ง ซอสซาวครีมโรยหน้าด้วยต้นหอม และที่ขาดไม่ได้เลยคือ ‘Sill’ หรือปลาแฮร์ริ่งหมัก ซึ่งแต่เดิมเป็นอาหารที่นิยมทำทานในวันหยุดและเทศกาลต่างๆในสวีเดน หลังจากนั้นเทศกาล Midsummer ช่วงเย็นและค่ำจะถือเป็นช่วงเวลาแห่งการดื่มสังสรรค์ด้วยเครื่องดื่มหลากหลายชนิดทั้ง Akvavit Vodka และ Schnapp จึงถือเป็นอันเสร็จสิ้นการเปิดเทศกาลฤดูร้อน
6.) ReOrient festival
เทศกาล ReOrient เป็นอีกหนึ่งเทศกาลดนตรี ศิลปะและการแสดงครั้งใหญ่ของสวีเดนโดยเริ่มฉลองครั้งแรกในปี ค.ศ. 1993 เทศกาลนี้จะมีการจัดแสดงศิลปะ การแสดงจากทั้งตะวันออกกลาง ทวีปแอฟริกาเหนือ อินเดียและยุโรปที่โรงละคร Södra Teatern ใจกลางเมือง Stockholm เทศกาลนี้จะถูกจัดขึ้นทั้งหมด 4 วัน ในสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนสิงหาคม โดยนอกจากการแสดงบริเวณโรงละครแล้ว ก็จะมีการจัดพาเหรดตามถนน ขายของและอาหารพื้นเมืองของหลากหลายเชื้อชาติ ผู้คนสามารถเข้าไปเต้นรำตามคลับที่มีการจัดงานได้
นอกจากนี้ในปีหลังๆได้มีการจัดอบรมและการสัมมนาในประเด็นต่างๆเพื่อเพิ่มองค์ความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับเหตุการณ์ปัจจุบันในประเทศต่างๆ รวมถึงเพิ่มการแสดงร่วมสมัยและการแสดงที่สะท้อนปัญหาสังคมหรือวิกฤตการณ์ที่โลกเจอในปัจจุบันอีกด้วย
-
Stockholm Kulturfestival
เทศกาลสะท้อนวัฒนธรรม ณ กรุงสตอล์กโฮล์มจัดขึ้น 6 วันในช่วงกลางเดือนสิงหาคม กลางกรุงสตอล์กโฮมตั้งแต่วันจันทร์ถึงวันเสาร์และในวันอาทิตย์หลังจากเทศกาลจะถือเป็นวันสุดท้ายของฤดูร้อนในสวีเดน จึงถือว่าเทศกาลสะท้อนวัฒนธรรมนี้เป็นเทศกาลส่งท้ายฤดูร้อนของสวีเดน
ภายในงานประกอบไปด้วยกิจกรรม วัฒนธรรมและดนตรีทุกรูปแบบที่สามารถพบได้ในประเทศสวีเดน เทศกาลนี้เริ่มเป็นที่รู้จักตั้งแต่ปี ค.ศ. 2006 โดยสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวและชาวสวีเดนมากกว่าพันคน และในปี ค.ศ. 2018 สามารดึงดูดนักท่องเที่ยวและชาวสวีเดนได้มากกว่า 1 ล้านคน ทำให้เทศกาลนี้เป็นจุดหมายของนักท่องเที่ยวหลายคน นอกจากดนตรีที่มีทั้งป็อป ร็อค แจ๊ส คลาสสิคและโอเปร่าซึ่งเป็นไฮไลท์ของงานแล้ว ภายในพื้นที่จัดงานยังมีการจัดแสดงงานศิลปะ อาทิ Street art Workshop การแสดงกว่า 600 ชุด คอมเมดี้โชว์ เทศกาลภาพถ่าย หนังและละครเวทีอย่างหลากหลายตลอด 6 วัน เรียกได้ว่าเป็นเทศกาลที่รวมความสนุก ศิลปะและวัฒนธรรมทุกรูปแบบส่งท้ายฤดูร้อนเลย
จะเห็นได้ว่านอกจากธรรมชาติอันงดงามและสถาปัตยกรรมที่เป็นที่กล่าวขานของประเทศสวีเดนแล้ว เทศกาลต่างๆก็เป็นที่น่าสนใจไม่แพ้กันเลย นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของเทศกาลทั้งหมดเท่านั้น ยังมีอีกหลายเทศกาลของสวีเดนที่น่าสนใจและควรเข้าร่วมสักครั้งหากมีโอกาสได้ไปเที่ยวยังเมืองสถาปัตยกรรมแห่งนี้
ที่มา